บทย่อ
Writer : เดย์ไลลา Illust : Roseped Proofread & Design : เดย์ไลลา สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติพุทธศักราช 2558 ห้ามดัดแปลงบทความ คัดลอกและนำไปใช้บางส่วนและนำไปเผยแพร่ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ 2537 คำเตือน นิยายเรื่องนี้มีการกระทำไม่เหมาะสมเรื่องเพศ คำพูดจาหยาบคาย การใช้ความรุนแรง มีฉากการร่วมเพศรุนแรง มีฉาก NC20+ เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาในนิยายเป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น ไม่อิงตามความจริง ไม่ได้มีเจตนาเพื่อยุยง ส่งเสริม ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือมีเจตนามุ่งร้ายต่อตัวบุคคลหรือวิชาชีพใด วิชาชีพหนึ่ง อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ แนะนำให้โหลดตัวอย่างมาอ่านก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจ ก่อนซื้อเล่มเต็มนะคะ
บทที่ 1 พริตตี้คนสวย
หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางใส่ชุดเสื้อกล้ามขาวกางเกงยีน ในอ้อมแขนเต็มไปด้วยกองสัมภาระ พยายามทรงตัวบนวินมอเตอร์ไซค์ที่ขับลัดเลี้ยวผ่านช่องแคบระหว่างรถสองคันบนท้องถนนแออัด แดดตอนสิบเอ็ดโมงส่องลงมายังใบหน้าสวยเปรี้ยวเซ็กซี่เย้ายวนใจจนเจ้าตัวต้องหรี่ตา อยากจะยกมือป้องก็ยังทำไม่ได้ เพราะต้องกอดกระเป๋าเสื้อผ้าเครื่องสำอางในมือ
"เร็วหน่อยนะพี่" หญิงสาวด้านหลังร้องย้ำบอกคนขับเมื่อจวนเจียนใกล้จะถึงเวลานัด แต่เธอยังไปไม่ถึงจุดหมาย
"นี่ก็เร่งสุดแล้วน้อง พ้นไฟแดงหน้าก็ถึงแล้ว"
คนขับก็ดูเครียดไม่ต่างกัน แม้เธอจะออกมาจากบ้านมาตามกำหนด แต่ก็พบอุบัติเหตุระหว่างทางเสียก่อน รถจึงติดมากทำให้ต้องตัดสินใจลงจากแท็กซี่เพื่อโบกวินมอเตอร์ไซค์ไปต่อ
พี่วินบิดเร่งเครื่องสุดความสามารถเพื่อจะไปส่งผู้โดยสารให้ทัน หัวใจเธอเต้นแรงถี่กระชั้น หลุบสายตามองเวลาบนนาฬิกาข้อมือท่าทางเคร่งเครียด ไม่อยากเสียชื่อหากไปสายกว่าเวลานัดหมาย
แล้ววินาทีที่เฝ้ารอก็มาถึง เพราะเมื่อพ้นไฟแดงมาได้ก็สามารถมองเห็นห้างใหญ่ดังตระหง่านโดดเด่นอยู่สุดสายตา คนขับจอดหน้าห้างซึ่งเธอก็รีบกระโดดลงจากเบาะ ล้วงหาเงินในกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ชายหนุ่มอย่างรีบร้อน หมุนตัวกลับแล้วรีบวิ่งเข้าตัวห้างให้เร็วที่สุด ทั้งที่เป็นคนขี้งกแต่ครั้งนี้ร่างบางไม่อยู่รอเงินทอนด้วยซ้ำ
เรียวขาเพรียวยาวก้าวฉับๆ บนส้นสูงสามนิ้ว มุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจากแสงแดดและอากาศอบอ้าวด้านนอก แต่นั่นก็ยังไม่อาจลดเลือนเสน่ห์มหาศาลบนใบหน้าเธอได้
ใยไหมไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าห้องน้ำที่ว่างอยู่ กางกระเป๋าผ้าใบหนาที่หอบหิ้วมาด้วย รื้อค้นหาชุดที่ต้องใส่รับงานวันนี้ เสื้อกล้ามสีขาวรัดรูปอวดสัดส่วนยั่วอารมณ์ถูกถลกขึ้นพ้นศีรษะ ตามมาด้วยกางเกงยีนสีเข้ม ถูกรูดลงผ่านสะโพกผายอวบอิ่ม นึกหงุดหงิดตัวเองที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยตั้งแต่ห้องพัก คิดว่าคงมาถึงก่อนเวลานัดทำให้เธอแต่งชุดอื่นมา ก่อนจะคว้าเดรสสั้นปาดไหล่สีส้มสดขึ้นมาสวมทับด้วยความยากลำบากเล็กน้อย เนื่องจากชุดค่อนข้างเข้ารูปพอสมควร ร่างกายชื้นเหงื่อทำให้เธอไม่สบายตัวนัก ที่ต้องมาเปลี่ยนชุดในสถานที่คับแคบเช่นนี้ หลังจากสวมกางเกงซับในสีครีมเรียบร้อย ก็ก้มตรวจเช็กการแต่งกายตัวเองอีกครั้ง เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ กับความกระชั้นชิดนี้ แล้วจึงปลดล็อกกลอนประตูเพื่อออกไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายส่งเสียงร้อง ทำให้เธอต้องพยายามย้ายถุงในมือไปรวมกัน แล้วรื้อหามือถือตัวดีที่ไม่ยอมหยุดสั่นขึ้นมารับสาย ทุกอย่างมันทุลักทุเลน่าหงุดหงิดและดูรีบเร่งไปเสียหมด
"ฮัลโหล จะถึงแล้วแก"
(เออรีบๆ เดี๋ยวทีมงานจะมาบรีฟงานแล้ว)
"โอเค กำลังวิ่งไปอยู่ ฉันยังไม่ได้แต่งหน้าเลย จะโดนด่าปะ" หญิงสาวถามเพื่อนร่วมงานเสียงเครียดเป็นกังวล
(ไม่น่านะ กว่างานจริงจะเริ่มก็อีกชั่วโมงกว่า มาแต่งที่ห้องนี้ก็ได้) เพื่อนสาวตอบกลับทำให้ใยไหมค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย ตอบรับอีกฝ่ายแล้วกดวาง รีบก้าวขายาวๆ มุ่งตรงไปยังจุดที่นัดหมาย
วันนี้เธอและปูเป้ได้รับหน้าที่มาเป็นพิธีกรสำหรับงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปชื่อดังกลางห้างหรู แต่ห้องที่จะใช้คุยงานอยู่อีกที่ เพื่อความเป็นส่วนตัวและสะดวกในการทำงานของทีมสตาฟ
มือบางผลักประตูกระจกสีขุ่นที่อยู่ใกล้ทางไปห้องน้ำอีกฟากของห้างเข้าไป ก็พบทีมงานหลายคนกำลังเดินขวักไขว่อยู่ในห้องโล่งกว้างที่มีอุปกรณ์และโต๊ะวางกระจายอยู่ทั่วห้อง เธอหันไปส่งยิ้มหวานเก้อเขินให้ทุกคนเมื่อมาถึงที่หมายอย่างฉิวเฉียด พร้อมค้อมตัวเล็กน้อยเป็นการขอโทษแล้วมุ่งหน้าตรงไปหาเพื่อนสาวที่นั่งชูมือชูไม้มาให้ยังอีกด้านของห้อง
ปูเป้อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีส้มเช่นกัน ส่งสายตาล้อเลียนมาให้ หัวโต๊ะมีหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดสตาฟสีดำถือแฟ้มกำลังอธิบายรายละเอียดให้เพื่อนสาวฟัง งานนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดที่เจ้าของงานจัดหาให้ ทีมงานเพียงแค่ส่งโทนสีชุดมาให้ดูเพื่อให้ดูเข้ากันกับธีมสีบริษัทเท่านั้น
"อ่า! อีกคนมาพอดีเลย เร็วๆ รีบมา พี่จะได้อธิบายงานรอบเดียว" เธอหันมาขมวดคิ้วร้องเร่งคนมาใหม่ ทำให้ใยไหมต้องรีบก้าวมายังโต๊ะ ก่อนจะเลือกลงนั่งข้างกายเพื่อนสาว
"ขอโทษทีนะคะ หนูมาช้าไปหน่อย"
"เอาเถอะๆ ยังพอมีเวลาเหลือ แต่มาฟังพี่บรีฟงานคร่าวๆ ก่อน"
"ค่ะ"
ใยไหมโล่งใจที่ไม่ถูกดุ ส่งยิ้มเจื่อนให้พี่ทีมงานแล้วตั้งใจฟังรายละเอียดของงานในวันนี้
ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมากกว่างานที่เธอเคยรับก่อนหน้านัก ก็จะเป็นการย้ำสคริปต์ ลำดับในงาน ตอนแรกก็จะเป็นการเปิดตัวแนะนำบริษัท ก่อนจะเชิญเจ้าของบริษัทขึ้นมาสัมภาษณ์เปิดงาน พูดคุยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งคำถามและรายละเอียดสินค้า ถูกส่งมาให้พวกเธอศึกษากันล่วงหน้าแล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นรายละเอียดปลีกย่อย เชิญชวนลูกค้าในห้างมาร่วมเล่นกิจกรรมแจกของรางวัลเพื่อดึงดูดคนให้สนใจ ก่อนที่พวกเธอจะย้ายลงจากเวทีไปยืนแนะนำสินค้าที่บูทเล็ก แล้วให้นักร้องที่เจ้าของงานรับเชิญมา ขึ้นไปสร้างสีสันบนเวทีต่อ ระยะเวลางานทั้งหมดเกือบสามชั่วโมงได้ แต่ได้ค่าจ้างสูงถึงห้าพันบาท ทำให้สาวร้อนเงินตาวาว รีบกระโดดคว้าโอกาสนั้นทันที
ใช้เวลาอยู่ประมาณสิบห้านาที ทีมงานก็แจกแจงรายละเอียดให้สองสาวฟังจนครบถ้วน ก่อนจะส่งกระดาษในมือให้พวกเธอเอาไว้นั่งทวนแล้วแยกตัวไปดูแลจัดการงานในส่วนอื่นต่อ ทำให้ใยไหมและปูเป้ได้พูดคุยกันเสียที
"ไง ไหนบอกให้รีบมาและไปหาข้าวกินก่อนเริ่มงานไง" เพื่อนร่วมงานสาวที่เคยเจอกันบ่อยตามงานอีเวนต์หันมายกยิ้มแซว ทำให้ใบหน้าสวยจัดบูดบึ้งเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า
"ฉันออกจากบ้านตั้งแต่สิบโมงแล้ว แต่ดันมีอุบัติเหตุระหว่างทาง รถติดยาวมาก ถ้าฉันตัดสินใจนั่งรอในแท็กซี่ ป่านนี้คงยังไม่ถึง"
ใยไหมระบายลมหายใจยาวๆ ออกมา มือก็ควานหากระเป๋าแต่งหน้าใบใหญ่ ที่ยัดใส่กระเป๋าผ้าขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อจะได้จัดการตัวเองต่อให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน
"หิวไหมเนี่ย เอาอะไรไหม เดี๋ยวฉันออกไปซื้อขนมรองท้องให้"
"ไม่เป็นไรอะ ชุดโคตรรัดเลย ไม่น่าจะสามารถยัดอะไรลงท้องได้"
ร่างสมส่วนสุดเซ็กซี่ตอบกลับ พลางก้มมองความสั้นของกระโปรงแล้วหาผ้าในกระเป๋าสารพัดประโยชน์มาคลุมต้นขาเอาไว้ ขณะเริ่มแต่งหน้าด้วยความชำนาญ
"แหม~ บรีฟบอกเอาชุดเดรสเรียบหรูดูดี ไม่เห็นมีบรรทัดไหนบอกสักนิดว่าขอเซ็กซี่"
"ช่วยไม่ได้ แม่ให้มาเยอะเอง" เธอเชิดหน้าไหวไหล่ตอบกลับด้วยท่าทีเหนือกว่า พร้อมส่ายหน้าอกขนาดเกินตัวยั่วสายตาเพื่อนให้หมั่นไส้เพิ่ม
"ขออนุญาตเกลียดค่ะ!" ปูเป้เบะปากขัดใจกับคำตอบ ก้มมองก้อนเนื้อน้อยนิดของตัวเองตาละห้อย กำลังตั้งใจทำงานเก็บเงินเพื่อไปอัปไซซ์ให้ตู้มๆ เหมือนบรรดาเพื่อนในวงการพริตตี้บ้าง
สองสาวเจอหน้าค่าตาตามงานอีเวนต์บ่อยๆ ทำให้พอจะสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนซี้เพื่อนตายขนาดนั้น
ทั้งคู่นั่งพูดคุยเรื่องงาน ชีวิตเรื่องส่วนตัวไปเรื่อยๆ ขณะที่ใยไหมแต่งแต้มเครื่องสำอางบนใบหน้า เพียงแค่สามสิบนาที ใบหน้าสวยเปรี้ยวก็ยิ่งโดดเด่นน่าดึงดูดชวนมองขึ้นเป็นเท่าตัว เธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวกลมโต หางตาชี้ขึ้นเล็กน้อยดูโฉบเฉี่ยว จมูกโด่งเป็นสันสวยได้รูป แม้จะได้มาจากมีดหมอ แต่นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่มารดาไม่ได้ให้มา แต่มันก็ช่วยให้ใบหน้าเธอมีมิติมากขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับเคลือบด้วยลิปกลอสสีพีชฉ่ำวาวสะกดใจคนมองยามเธอเอื้อนเอ่ย
หญิงสาวตรวจเช็กความเรียบร้อยในกระจกบานเล็กอีกครั้ง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้เงาสะท้อนอย่างภาคภูมิใจ สิ่งเดียวในชีวิตสุดรันทดของเธอที่ทำให้รู้สึกว่าสวรรค์ยังเมตตาอยู่บ้าง คงหนีไม่พ้นรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ทำให้เธอตัดสินใจใช้มันเพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนหนังสือ
"โอเคยัง" เธอหันไปขอความเห็นหญิงสาวข้างกาย พร้อมเอียงใบหน้าซ้ายขวาให้เพื่อนช่วยดู
"ยิ่งว่าโอเคจ้า สวยมาก! เกลียดจริงๆ เอาลิปมายืมเลย คุยกันจนปากฉันแห้งแล้ว"
ปูเป้เบะปากเหน็บแนมกลับอย่างไม่จริงจัง พร้อมฉวยลิปสีสวยของใยไหมไปทาบ้างเพื่อจะได้เป็นธีมเดียวกัน เธอเองก็มีใบหน้าน่ารักชวนมอง ดูซุกซนร่าเริง ส่วนใยไหมจะเป็นสาวมั่น สวยแซ่บเผ็ดร้อน พอมายืนข้างกันก็ดูเป็นความต่างที่ลงตัวพอดี
สองสาวนั่งอ่านสคริปต์คำถามทวนซ้ำอีกรอบให้ขึ้นใจเพื่อไม่ให้งานในวันนี้ผิดพลาด ก่อนทีมงานจะเข้ามาเรียกทั้งคู่ไปเตรียมสแตนด์บายด้านนอก พวกเธอเก็บข้าวของส่วนตัวเอาไว้ในห้อง มีเพียงมือถือที่ใส่กระเป๋าใบจิ๋วติดมือไปเท่านั้น เผื่อเอาไว้เล่นแก้เบื่อระหว่างงานยังไม่เริ่ม ซึ่งตอนทำงานจริงก็สามารถเอาไปฝากทีมงานไว้ได้
แม้เวทีจะยังคงโล่ง แต่ก็มีลูกค้าที่มาเดินห้างเริ่มหันมองด้วยความสนใจ เก้าอี้หน้าเวทีถูกจับจองบางส่วน ซึ่งก็จะมีทั้งบรรดาแขกกิตติมศักดิ์ที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน นักข่าวกลุ่มเล็กๆ เดินทางมาทำข่าว เนื่องจากเจ้าของงานในวันนี้ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังเป็นที่น่าจับตา
สองสาวเดินตามทีมสตาฟชุดดำมารอยังด้านหลังเวที ด้วยที่เคยผ่านงานเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้มีความตื่นเต้นเท่าไรนัก ยืนพูดคุยซักซ้อมคำถามกันอยู่สักพัก ทีมงานอีกคนก็พาชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมสูทสีดำผูกไทดูเป็นทางการเข้ามาหา
"น้องคะ คนนี้คือคุณฟลุ๊ค เจ้าของ MJ Gourmet ที่จัดงานในวันนี้ค่ะ" ทีมงานสาวแนะนำตัวคนมาใหม่ให้ทั้งคู่รู้จัก ทำให้พวกเธอรีบหันไปยกมือขึ้นไหว้
"สวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะ คุณฟลุ๊ค"
"ครับสวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอฝากงานด้วยนะครับ ผมอยากให้ทั้งคู่ช่วยสร้างสีสันให้งานดูไม่น่าเบื่อเกินไป ถ้ามีคำพูดอื่นนอกสคริปต์แล้วยังอยู่ในเนื้อหางานสามารถพูดได้เต็มที่เลยนะครับ"
"ได้เลยค่ะ" ปูเป้ตอบรับแข็งขัน ส่วนใยไหมก็พยักหน้ารับทราบ เธอทำงานเช่นนี้มาเยอะ จึงค่อนข้างลื่นไหลในการพูดคุยชักจูงใจให้ลูกค้าสนใจอยู่แล้ว
"ขอบคุณครับ ตอนสัมภาษณ์ก็เหมือนกันนะครับ สามารถถามคำถามอื่นได้เลย ผมอยากให้งานมันดูเป็นกันเองหน่อย"
"ถ้าเป็นคำถามส่วนตัว พอจะถามบนเวทีได้ไหมคะ"
"เช่นอะไรครับ" ฟลุ๊คหันมามองหญิงสาวใบหน้าสวยจัดตามกระแสพิมพ์นิยมทุกประการด้วยความสนใจ
"ไหมว่าถ้าลองถามคำถามสบายๆ อย่างเช่น คุณฟลุ๊คยังโสดอยู่ไหม มีงานอดิเรกอะไรบ้าง แล้วมีมุมมองแนวทางบริหารบริษัทใหญ่เช่นนี้ยังไง น่าจะช่วยให้เข้าถึงคนฟังได้ง่ายขึ้นด้วย คุณฟลุ๊คคิดว่ายังไงคะ"
เธอถามออกไปโดยไม่คิดอะไรมากกว่าช่วยให้บรรยากาศในงานมันดีขึ้น แต่คำถามนั้นกลับทำคนฟังยิ้มกว้าง หัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วยความพึงพอใจ
"ครับดีครับ แต่ถ้านั่นเป็นคำถามที่คุณไหมอยากรู้เอง ถามผมตรงๆ เลยก็ได้นะครับ...ผมยังโสดอยู่"
"เอ่อคือ...แฮะๆ ค่ะ" ใยไหมส่งยิ้มเจื่อนเมื่อเขามองเจตนาเธอผิด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรหักหน้าเจ้าของงาน เพียงแค่ใช้ก้านนิ้วยาวเกลี่ยเส้นผมตรงสลวยทัดหูแก้เก้อ
"อุ๊ย! หล่อขนาดนี้อย่าโกหกปูเป้เลยค่ะ กระซิบบอกความจริงได้นะคะ ปูเป้ไม่บอกใครแน่นอน" ปูเป้ช่วยพูดกู้บรรยากาศให้กลับมาสนุกสนานเหมือนเดิม
"ฮ่าๆๆ จริงครับ อาจจะเพราะผมทำแต่งานด้วยเลยไม่มีเวลามองหาแฟน" ฟลุ๊คตอบกลับพริตตี้สาวสุดน่ารัก แต่ก็ยังชำเลืองสายตามองทางใยไหมเป็นระยะราวกับจะบอกความนัยบางอย่าง
"ถ้าเปิดรับเมื่อไหร่ ปูเป้ขอส่งใบสมัครล่วงหน้าเลยได้ไหมคะ"
"ฮ่าๆๆ ครับ ถ้าสนใจนะครับ"
ใยไหมเองก็ยิ้มๆ ไปกับบทสนทนานั้น พยายามไม่หันไปสบมองนัยน์ตาอบอุ่นระยิบระยับของประธานหนุ่มมากนัก และก็ถึงเวลาเริ่มงาน ทำให้ใยไหมและเพื่อนสาวต้องขอตัวขึ้นบนเวทีก่อน ซึ่งชายหนุ่มเจ้าของงานก็ไม่ลืมส่งยิ้มให้กำลังใจทั้งคู่ แล้วเดินอ้อมไปดูความเรียบร้อยด้านหน้าเวที ก่อนถึงคิวเขาขึ้นสัมภาษณ์ภายหลัง
"อ้าว ว่างมาด้วยเหรอ" ฟลุ๊คยิ้มกว้างทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มสุดคุ้นเคยยืนกอดอกดูอยู่บริเวณริมสถานที่จัดงาน
"อืม มึงเปิดตัวสินค้าก็แวะมาหน่อย"
ร่างสูงเพียงแค่พยักหน้ารับคำคนที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกค้าคนสำคัญของบริษัท ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับไปบนเวทีอีกครั้ง เมื่อมีสองสาวหน้าตาสะสวยถือไมค์ขึ้นมาทักทายบรรดาแขกและลูกค้าในห้างด้วยท่าทางสดใสร่าเริงดูเป็นธรรมชาติ แค่นั้นก็ทำให้มีลูกค้าหลายคนหยุดเดินแล้วหันมองภายในงานด้วยความอยากรู้
สองสาวพิธีกรยังคงพูดคุยตอบโต้กันคล่องแคล่วดูเป็นมืออาชีพ สร้างสีสันและดึงดูดความสนใจได้มากทีเดียว ก่อนจะเริ่มแนะนำงานในวันนี้ นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทจับจ้องอยู่กับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง สัดส่วนอวบอึ๋มยั่วอารมณ์บนเวทีไม่วางตา ถูกริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังยิ้มกว้างขณะรับมุกที่อีกสาวส่งให้สะกดสายตาให้เผลอมองอยู่นาน เขาเงียบไปจนกระทั่งเพื่อนข้างกายใช้ศอกกระทุ้ง จึงหลุดออกจากมนตร์สะกดนั้นได้ ขมวดคิ้วหันมองเพื่อนด้วยสายตาเรียบเฉย
"ว่า?"
"แหม กูเรียกตั้งนานไม่ตอบ...ทำไมสนใจคนไหน?" ฟลุ๊คอมยิ้มเจ้าเล่ห์เย้าแหย่ ซึ่งก็ได้สายตาดุๆ ของอีกคนเป็นของแถม
"ไม่อะ ก็หน้าตางั้นๆ"
"หึๆ ทำพูดดี มองตาไม่กะพริบเชียวนะ...แต่คนขวากูจองแล้วนะโว้ย สวยเด็ดชะมัด ว่าจะลองแย็บถามดูว่ารับงานพิเศษไหม"
"เฮอะ!"
คำพูดของเพื่อนทำชายหนุ่มคิ้วกระตุก ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย้ยหยันวางท่า มองเมินเพื่อนสนิทข้างกาย แล้วหันกลับไปสนใจกิจกรรมบนเวทีอีกครั้ง
สายตาร้อนไล่สำรวจเรือนร่างอวบอึ๋ม มีสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน ไม่ผอมแห้งจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายทุกคนปรารถนา
นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นคงร้อนแรงเสียจนทำให้พริตตี้คนสวยบนเวทีรู้สึกตัว ในขณะที่เธอกวาดสายตาโปรยยิ้มให้คนฟัง ดวงตาของทั้งคู่ก็สบประสานกันชั่ววินาทีหนึ่ง แต่นั่นกลับทำเธอขนลุกวูบ เย็นวาบถึงสันหลัง ราวกับตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อที่ถูกนักล่าจับจ้อง ใยไหมต้องรีบดึงสติหันไปคุยกับพิธีกรคู่ด้วยท่าทางปกติเช่นเดิม แต่ตลอดระยะเวลาที่ยืนทำหน้าที่บนเวทีเธอจะรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้นอยู่เสมอ แม้กระทั่งตอนที่คุณฟลุ๊คขึ้นมาให้สัมภาษณ์บนเวที หญิงสาวก็ต้องปั่นป่วนกดดันมากกว่าเดิม เมื่อหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นทำเธออึดอัดบอกไม่ถูก เขาก็เพียงแค่มองนิ่งๆ แต่อะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่มีสมาธิเท่าที่ควร ต้องแอบชำเลืองมองร่างสูงกลับอยู่บ่อยครั้งโดยไม่รู้ตัว
เมื่อใยไหมและปูเป้ทำหน้าที่บนเวทีเรียบร้อย ก็กลับลงมานั่งพักดื่มน้ำด้านหลังเวทีให้นักร้องวัยรุ่นชื่อดังขึ้นไปรับช่วงต่อ ก่อนจะย้ายไปช่วยงานในส่วนอื่นต่อ
คิ้วบางได้รูปขมวดเข้าหากัน เพราะเมื่อเธอหันมองไปยังตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ก็ไร้เงาของชายหนุ่มคนดังกล่าวเสียแล้ว
"เป็นอะไรแก" ปูเป้สะกิดถามเมื่อเห็นเพื่อนยืนทำหน้าแปลกๆ เหมือนชะเง้อมองหาอะไรสักอย่าง
"อ๋อ ไม่มีอะไร แค่รู้สึกเหมือนโดนจ้อง" หญิงสาวตอบกลับเสียงแผ่วเบา ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า
"ไม่โดนมองก็แปลกแล้วจ้า เราแต่งตัวกันขนาดนี้ แถมแกยังออร่าจับ ระวังพวกอาเสี่ยมือไวด้วยล่ะ ตอนอยู่บนเวทีฉันเห็นพวกลุงๆ นั่งเลียปากหลายคนเลย อ๋ายยย ขนลุก~"
ร่างเล็กกว่ากระซิบเตือนเสียงเบาพร้อมออกท่าทางประกอบคำพูดให้ใยไหมยิ้มตาม เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้ารับคำแล้วเดินตามหลังเพื่อนสาวไปประจำบูทเล็กเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ลูกค้า ปัดเรื่องผู้ชายแปลกๆ คนนั้นทิ้งไปเพื่อจดจ่อกับงานตรงหน้า แม้เขาจะหล่อชวนใจสั่นมากแค่ไหนก็ตาม