ไม่เป็นผัวน้อย
“หล่อจนตกใจเลยรึไงแก เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าแกต้องชอบ” ที่ฉันตกใจไม่ใช่ความหล่อ แต่มันเป็นนายไม้หม่อนน้องชายพี่เมฆเพื่อนพี่ชายฉันต่างหาก ซึ่งฉันเจอเขาแล้วเมื่อคืนแถมยังเขายังพูดเหน็บฉันอีก
“บ้านแกสิ ฉันเคยเจอหมอนี่แล้ว ปากหมาไม่มีใครเกิน” ฉันว่า พวกมันก็จ้องฉันเขม็ง
“เคยเจอ ที่ไหน เมื่อวานแกก็ไม่ได้คุยกับเขานิ” พวกมันซักฉัน จนฉันต้องถอนหายใจ
“เมื่อคืน เขาเป็นน้องชายของเพื่อนพี่มิน” ฉันบอกพวกมัน พวกมันก็ทำตาโต
“พรหมลิขิตบันดาลชักพา นำให้เรานั้นมาพบกันทันใด” อยู่ๆ ยัยพราวก็ร้องเพลงขึ้น
“ยัยบ้า” พวกนี้ท่าจะเพี้ยน แต่เพื่อนฉันก็เพี้ยงหมดทุกคนแหละ ยกเว้นฉันสติดีสุด (เหรอ)
“มันจริงนี่น่า แค่พวกเราเห็นเขาแล้วยกให้เขาเป็นวาที่สามีแก ใครจะไปคิดว่าแกจะได้ไปเจอเขา พรหมลิขิตชัดๆ” ฉันส่ายหัวให้กับพวกมัน
“เลิกพูด ฉันจะไปเรียน”
“แกต้องไปจีบเขา” ยัยพราวว่า
“ไม่”
“แกไม่อยากได้คอนโดแล้วเหรอ ฉันไปส่องให้แกมาแล้วนะ คอโตติดมหาลัยสีเทาๆ อยู่ตรงโน้นเห็นไหม แกเห็นยอดมันไหม” ยัยพราวชี้ไปทิศทางที่มันว่า ฉันก็ตาโตทันที
“โอเคฉันจะจีบ แกเตรียมเงินไว้ได้เลย” ฉันรับปากมันทันที ก็คอนโดนั้นมันหรูที่สุดแล้วก็แพงที่สุดเลยก็ว่าได้ถ้าไม่รีบคว้าไว้ก็โง่แล้ว
“ยัยงก” พวกมันตะโกนใส่ฉัน
“แล้วไง ไปเถอะจะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว” ฉันชวนพวกมันไปเรียน
เรียนเสร็จก็ว่าจะไปเดินห้างกันซะหน่อย
กริ๊งๆ ๆ แต่ก่อนที่พวกฉันจะเดินออกจากห้องเรียนโทรศัพท์ฉันก็ดังสะก่อน เป็นพี่มินที่โทรมา
“ดีค่ะพี่มิน”
‘เลิกเรียนรึยังริน’
“เลิกแล้วค่ะ กำลังจะไปเดินห้างกับเพื่อน”
‘งั้นดีเลย งั้นพี่รบกวนอะไรหน่อยสิ’
“อะไรคะ” พวกมันสามคนนั้นก็หยุดฟังฉันด้วย พวกเผือก
‘ไปเอาของกับไม้หม่อนให้พี่หน่อย พี่ให้ไอ้เมฆมันฝากของมาให้’ ฉันหยุดคิด
“ของอะไรคะ”
‘เถอะน่าถามมาก ไปเอาให้พี่หน่อย พี่จะส่งเบอร์ไอ้ไม้ให้ทางไลน์เราก็โทรไปหามันนะ ไอ้เมฆบอกว่ามันน่าจะเลิกเรียนประมาณสี่โมง’
“ก็ได้ค่ะ” ฉันรับปาก ดีเหมือนกันจะได้ทำคะแนนกับหมอนั้น คอนโดจ๋ารอพี่ก่อนนะ อยู่ๆ ก็ได้เบอร์หมอนั้นมาอย่างไม่ต้องทำอะไรเลย ฮ่าๆ ๆ
“อะไรแก” พวกเพื่อนๆ จอมเผือกก็ถามขึ้นหลังจากฉันวางสาย ต้องรู้เรื่องของเพื่อนทุกเรื่องเลยสิน่า ฉันยกยิ้มให้พวกมัน
“ฉันจะไปหาไม้หม่อน” ฉันบอกพวกมันเสียงเจ้าเล่ห์
“เอ๊ย จริงดิ”
“จริงพี่มินให้ฉันไปเอาของที่เขา แถมยังส่งเบอร์โทรมาให้ด้วย” ฉันพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ให้พวกมันดูเพราะพี่มินส่งเบอร์โทรมาแล้ว
“เยส งานนี้ไม่ยากอย่างที่คิด โทรเลยแก” ยัยพราวสนับสนุน ฉันก็กดโทรออกเลยเพราะนี่ก็สี่โมงแล้วเดี๋ยวหมอนั้นกลับซะก่อน พอฉันเอาโทรศัพท์แนบหูพวกมันสามตัวก็เอาหน้ามาใกล้ๆ ฉัน
“พวกแกจะเบียดฉันทำไมเนี่ย”
“ก็ฉันอยากได้ยินว่าเสียงเขาจะหล่อแค่ไหน” ดูมันพูด
“ยัยโรคจิต”
“รับแล้วๆ” พวกมันพูดขึ้น รู้ดีกว่าคนที่ถือโทรศัพท์อีกนะ หูดีเชียว ไม่ได้ยินได้ไงก็หูแนบอยู่ที่โทรศัพท์ขนาดนี้
“ใคร” ปลายสายถามกลับ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ไม่มีสวัสดงสวัสดีสักนิด
“ไม้หม่อนใช่รึเปล่า” ฉันถามกลับ แต่ปลายสายเงียบ เงียบนานมาก จนฉันยกโทรศัพท์ออกมาดูกว่าเขาวางไปรึเปล่า
“ใช่ นี่ใคร” แต่พอเอาแนบหูแล้วกำลังจะอ้าปากพูดเขาก็ตอบกลับมา นึกว่าวางไปแล้ว
“ฉันมิริน พี่มินให้ไปเอาของที่นาย ที่พี่เมฆฝากมาให้” ฉันบอกเขาไป เขาก็เงียบอีก อะไรของเขา ฉันจะได้ของไหมเนี่ย
“มาเอาสิ” จนกว่าจะตอบได้นะพ่อคุณ
“ที่ไหน ตอนนี้นายเลิกเรียนรึยัง” แล้วทำไมฉันต้องถามว่าเลิกเรียนรึยังด้วย แค่ถามว่าที่ไหนก็พอแล้วมั้ง
“เลิกแล้วกำลังจะกลับ รีบมาโต๊ะหินอ่อนตึกวิศวะ” เขาพูดแค่นั้นก็วางไปเลย ฉันได้แต่อ้าปากค้าง
“ไอ้บ้า ทำไมต้องให้ฉันไปไกลขนาดนั้นด้วยเนี่ย เลิกเรียนแล้วแท้ๆ” ฉันบ่น ตึกวิศวะมันใกล้ซะที่ไหน
“ไปๆ แกฉันไป จะไปส่องหนุ่มๆ” ยัยขวัญดี๊ด๊าใหญ่
“ฉันไปด้วยไม่ได้นะ พี่ริวมารับแล้ว” ยัยหลิวว่า ฉันหันไปมองยัยพราว
“ฉันไปได้ ฉันไม่ปล่อยให้แกเข้าไปในดงผู้ชายคนเดียวหรอก” ดูรักเพื่อนจริง แต่ฉันรู้ว่ามันมีความนัยแอบแฝง มันจะไปส่องผู้ชาย
“งั้นก็ไป”
“ไปดีมาดีนะแก ส่องผู้ชายมาฝากฉันด้วย” ยัยหลิวโบกมือให้
“สามีพวกแกไม่มารับรึไง” ฉันถามพวกมันสองคนที่เดินมาด้วย
“ยังไม่เลิก”
“ทำไมไม่ขับรถไปวะ” ยัยขวัญออกความเห็น
“รถจอดอยู่ตั้งโน่น เสียเวลาเดินไปเอารถเปล่าๆ เดินไปนี่แหละออกกำลังกาย” ฉันว่า เพราะย้ายตึกเรียนเลยไกลที่จอดรถไว้
“เออๆ ดีนะที่วันนี้แดดไม่ร้อนเท่าไหร่ไม่งั้นผิวฉันเสียแย่” ยัยพราวบ่น
“เพื่อผัวเพื่อนค่ะ” ยัยขวัญว่า
“พวกแกนี่ ฉันลืมเล่าอะไรให้พวกแกฟังอีกอย่าง” ฉันเดินไปด้วยพูดไปด้วย
“อะไร”
“นายไม้หม่อนนั้นเข้าใจผิดว่าฉันเป็นเด็กพี่มิน”
“จริงดิ” พวกมันหันมาถามฉัน
“จริง เมื่อคืนยังแขวะฉันอีก” ฉันว่า
“แขวะว่าอะไรวะ” ยัยพราวถามอย่างสงสัย
“เขาว่าฉันว่า มีผัวแล้วยังอยากมีผัวเพิ่มอีกรึไง”
“แรงมาก”
“ใช่เขาเป็นผู้ชายที่ปากเสียพอสมควร ที่นี่พวกแกจะเปลี่ยนใจไหม”
“ไม่ ฉันว่าเขาอาจจะได้ยินตอนที่เดินมาที่ตึกเราก็ได้ ตอนนั้นยัยพราวตะโกนดังจะตาย” ฉันคิดตามพวกมัน ใช่แน่ๆ เลย
“แกค่อยหาทางบอกเขาก็ได้”
“เออๆ” ฉันตัดบท แล้วไม่นาน
ไม่นานบ้าอะไรเดินจนปวดขา ยิ่งใส่ส้นสูงด้วย เราก็มาถึงตึกวิศวะ กลับไปรึยังนะ แล้วโต๊ะม้าหินอ่อนไหน มันมีกี่ที่ฉันก็ไม่เคยมาซะด้วย
“เห็นเขายังแก” ยัยพราวถาม
“ยังแกก็ช่วยมองหาสิ รึว่าเขาจะกลับไปแล้ว” กลับไปแล้วเหรอ ถ้ากลับนี่ฉันด่านะบอกเลย เดินมาตั้งไกล
“ทำไมไม่โทรหาเขาวะ”
“เออ ใช่”
“โทรๆ” ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาเขา รอนานมากนึกว่าสายตัดไปซะแล้ว กว่าเขาจะรับ
“นายอยู่ไหน” ฉันถามเขาไม่มีการสวัสดีอะไรทั้งนั้น
‘ฉันกลับแล้ว’ ฉันตาโต กลับแล้ว
“กลับแล้ว” ฉันร้องขึ้นอย่างดัง ควันออกหูทันที
‘ใช่ ชักช้ารอเป็นชาติ’ ไอ้ผู้ชายปากหมา ฉันต้องคิดใหม่ที่จะจีบหมอนี่
“ฉันเดินมานะ แล้วคณะนายก็ไกลไหม จะกลับทำไมไม่โทรบอกรู้ไหมมันเสียเวลา” ฉันใส่เขาไปเป็นชุด
‘ใครจะไปรู้ นึกว่าจะไม่มา’ ยังมีหน้ามาบอกว่าใครจะไปรู้ เขาไหมที่บอกให้ฉันมาหาที่คณะ
“ไอ้บ้า รู้ไหมมันเสียเวลา” ฉันพูดอย่างอารมณ์เสีย
‘เฮ้ ฉันเป็นพี่เธอนะ’ เขาตะโกนออกมาจากโทรศัพท์
“ไม่นับถือโว้ย แล้วจะเอาไง ฉันจะได้ไหมของอ่ะ” ฉันโว้ย
‘มาเอาเองสิ’ ฉันกัดฟันข่มความโกรธ
“รอแป๊บ” ฉันกดวางสายทันที แล้วหายใจเข้าลึกๆ คนแบบนี้เหรอที่ฉันจะจีบเอามาเป็นแฟน
“ว่าไงบ้างแก”
“เขากลับแล้ว”
“พวกฉันได้ยินแล้วว่ากลับ ที่ถามแกจะเอาไงจะไปเอาของให้พี่มินรึเปล่า”
“ฉันขอสงบสติอารมณ์ก่อน” ฉันพูดเพราะกำลังโมโห หายใจเข้าลึกๆ บอกเลยฉันโกรธมากนี่เขาไม่ได้แกล้งฉันใช่ไหม
“หายใจเข้าลึกๆ แก” ยัยพราวเอาหนังสือมาพัดให้ฉัน ยังดีที่เพื่อนมีน้ำใจ
“พวกแกไม่โกรธรึไง เดินมาตั้งไกลแต่อิตานั้นบอกว่ากลับแล้ว” ฉันถามพวกมันหน้าบึ้ง
“โกรธสิ แต่ให้อภัยหล่อ” ยัยพราวพูดยิ้มๆ
“ยัยบ้าผู้ชาย”
“เร็วเถอะ แฟนฉันเลิกเรียนแล้ว”
“เออๆ” ฉันกดโทรหาพี่มิน ฉันไม่มีทางไปเอาของที่นายนั่นเด็ดขาด
“พี่มิน”
‘ว่าไง’
“รินไม่ได้ไปเอาของให้พี่แล้วนะ นายไม้หม่อนนั่นกลับแล้ว”
‘ได้ไงริน พี่ต้องใช้’
“รีบมากรึไงคะ” ฉันถามอยากเซ็งๆ
‘มาก พี่ต้องใช้พรุ่งนี้เช้า’
“มันคืออะไร” ฉันคิดไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร ทำไมต้องรีบใช้ขนาดนั้น
‘งานพี่หน่ะ พี่ให้ไอ้เมฆมันช่วยทำ แล้วพี่ก็จะเสนอเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้ ช่วยพี่หน่อยนะน้องรักไม่งั้นพ่อเอาพี่ตายแน่’ งานเหรอ
“พี่มินทำไมไม่ทำเอง”
‘พี่ทำเอง แต่มันมีส่วนที่พี่ต้องขอความช่วยเหลือจากมัน เถอะน่า เดี๋ยวพี่เลี้ยงมื้อใหญ่อยากไปไหนกินอะไรพี่จ่ายเอง’ นั่นไงเอาของกินมาล่ออีกแล้ว อย่างนี้ฉันก็ใจอ่อนสิ
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
‘คร๊าบบ ไปเอาให้พี่ด้วยนะ พี่จะรอที่บ้าน’ ฉันวางสายแล้วทำหน้าเซ็งๆ
“ฉันคงต้องไปเอา”
“ไปเถอะ ฉันก็ต้องกลับแล้วเดี๋ยวฉันให้พี่เดี่ยวมารับแล้วพาแกไปเอารถจะได้ไม่ต้องเดิน” พี่เดี๋ยวก็คือแฟนยัยขวัญ ดีหน่อยจะได้ไม่ต้องเดิน
ฉันกลับมาเอารถพอเข้ามานั่งในรถก็จัดการโทรหา ไอ้คนเจ้าปัญหาทันที
“นายอยู่ไหน” ฉันกรอกเสียงห้วนๆ ลงไป
‘คอนโด’
“แล้วมันคอนโดนายมันอยู่ที่ไหนล่ะ พ่อคุณ” คอนโด คอนโดที่ไหนไม่บอกฉันจะรู้ไหม
‘คอนโด....ติดมหาลัยรู้จักไหม’
“เออ ลงมารอฉันด้วย” เมื่อฉันรับรู้ฉันก็วางสายทันที คอนโดที่เขาบอกเป็นคอนโดเดียวกันที่ฉันอยากได้ ช่างบังเอิญจริงๆ
ฉันขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงที่หมาย ยังไม่ลงจากรถเพราะต้องมองหาคนที่ฉันมาหาก่อนถ้าไม่ลงมารอฉันนะฉันจะวีนให้ ฉันกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เจอกับเขายืนอยู่หน้าคอนโด เลยเดินลงจากรถแล้วเดินไปหาเขา ที่ยืนทำหน้าเซ็งๆ อยู่
เซ็งอะไรมิทราบเป็นฉันไหมที่ต้องเซ็ง
“เอามา ฉันจะได้รีบกลับ” บอกเลยตอนนี้ไม่มีอารมณ์จีบ เอาไว้วันหลังแล้วกัน
“หึ ฉันเป็นพี่เธอ” เขายังไม่ยื่นมาให้แต่กลับสั่งสอนฉัน
“แล้วไง”
“เรียกฉันว่าพี่ก่อน” เขาเลิกคิ้วให้ฉัน ในตาเหมือนกับบอกว่าเธอไม่เรียกเขาว่าพี่เขาก็จะไม่ให้
“เรื่องมาก” ฉันบ่นเบาๆ
“วันก่อนเห็นตะโกนบอกว่าอยากได้ฉันเป็นผัว” ปากที่กำลังจะอ้าเรียกเขาว่าพี่ค้างทันทีที่ได้ยินเขาพูดอะไรออกมา
“พ..พูดบ้าอะไร” เมื่อได้สติฉันก็พูดเสียงตะกุกตะกัก เขาได้ยินจริงๆ ด้วยแต่ฉันไม่ได้พูดนะพวกเพื่อนฉันมันพูด
“พูดในสิ่งที่ได้ยิน”
“หูเพี้ยนล่ะสิไม่ว่า” ฉันว่าเขา ใครจะกล้าไปยอมรับ
“เหรอ แต่ฉันบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่เป็นผัวน้อยใคร ถ้าเป็นฉันต้องเป็นตัวจริง เอาไป” ฉันอ้าปากพะงาบๆ กับคำพูดของเขา บอกว่าหูเพี้ยนยังไม่เชื่อ แล้วผัวนงผัวน้อยอะไร แถมพูดจบแล้วก็ยัดงานของพี่ชายฉันใส่มือแล้วเดินกลับขึ้นคอนโดหน้าตาเฉย ทำให้ฉันสตั้นอยู่กับที่ตั้งนาน
“คนบ้าอะไร ปากเสีย พูดตรงเป็นบ้า” ฉันบ่นแล้วหันหลังกลับไปที่รถ แล้วบึ่งรถกลับบ้านทันที พอมาถึงก็เจอพี่ชายตัวดีนั่งรออยู่