บทที่ 8 บ้า
หล่อนคว้าข้อมือชายหนุ่มแปลกหน้า ฉุดให้เดินตามออกจากห้องโดยมีสายตาของเฮียหรือเหล่ากงหยางมองตามไปด้วย
“อาเฟย ลื้อเห็งมั้ย มังเหมาะสมกังลีนะ”
หยางนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเฟย ยิ้มร่าเริงอย่างอารมณ์ดี เฟยมองพ่อแล้วยิ้มน้อย ๆ
“ป๊ะ พาไอ้หนุ่มมาหาอั๊วทำไม ป๊ะก็รู้ว่าอั๊วอยู่ได้อีกไม่นาน”
“เออน่ะ ให้มาช่วยแกลุกจากเตียง ป๊ะให้แกเห็งม่ายช่ายว่าแกจะซี้เรว ๆ นี้ซะหน่อย แกยังอยู่กับหลาง ๆ อีกนาง เชื่อป๊ะ”
“ป๊ะ ตอนนี้ป๊ะเป็นหนุ่มกว่าอั๊วอีกนะ มิน่าไอ้หนุ่มนั่นถึงเรียกเฮีย”
“ก็ป๊ะซี้ตองอายุห้าสิบพอลี ที่ป๊ะให้อีมาที่นี่ ป๊ะจาให้อีบอกอาหยง หาตัวคงร้ายฆ่าป๊ะ”
หยางมองตรงไปข้างหน้า ใบหน้าเครียดขึ้นมาทันที เมื่อคิดถึงคนที่ยิงเขาขณะเขาลงจากรถจะเข้าโรงงาน เขาไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากวันนั้นถึงวันนี้ ยังจับคนร้ายไม่ได้ คนที่ตำรวจจับมาถูกจ้างให้รับผิด หยางบอกใครไม่ได้ สื่อสารกับใครไม่ได้ จนกระทั่งมาพบปกรณ์และเพิ่งปรากฏตัวให้ลูกชายเห็นได้เมื่อวานนี้หลังจากคุยกับปกรณ์ที่ศาลเจ้า
“ป๊ะ..อย่ารื้อฟื้นอีกเลย อั๊วของร้อง”
เฟยยกมือสองข้างซ้อนกันตรงหน้าก้มศีรษะให้พ่อ หยางลุกยืน เดินห่างเก้าอี้ไปยืนกลางห้องแล้วหันมาจ้องหน้าเฟย
“ลื้อพูกอย่างนี้แสลงว่าลื้อรู้ตัวคงที่มังฆ่าอั๊วแล้วช่ายม้าย”
ปกรณ์ถูกตันหยงดึงคอเสื้อลากไปที่ห้องครัว ชิวกำลังเตรียมจัดอาหารเช้าให้เฟยหันมาจ้องหน้านายสาวกับชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยสีหน้างุนงง
“ป้าชิวอย่าเพิ่งทำหน้างงสงสัยอะไรทั้งสิ้น จัดจานให้ไอ้บ้านี่เร็วแล้วตามไปที่ห้องอากง ฉันจะฆ่ามัน ถ้ามันตอบคำถามฉันไม่ได้”
ตันหยงยกนิ้วเป็นเชิงห้ามชิวถามหล่อนกับสิ่งที่หล่อนทำอยู่ในเวลานี้ ปกรณ์มองหน้าหญิงวัยกลางคน ใบหน้าอวบอิ่ม ดวงตาที่มองเขานั้นสงสัยแต่ในดวงตามีแววเมตตาอยู่เต็มเปี่ยม เขายิ้มคิดหาคนช่วยได้แล้ว
“ป้าครับช่วยผมด้วย คุณหยงจะฆ่าผม หาว่าผมเป็นโจร ผมไม่ใช่โจรนะครับป้า ผมมาเยี่ยมลูกชายเฮีย คุณคนนี้หาว่าผมบ้า เฮียแกยังไม่มีลูก ก็เฮียบอกผมมาที่นี่ ทำไมจะไม่มีละครับป้า”
“เอ๋อ.พ่อหนุ่ม เฮียที่พ่อหนุ่มหมายถึงใช่คุณฟางรึเปล่า คุณรุ่งภพน่ะ ถ้าใช่ก็เป็นตามที่คุณหยงบอก คุณฟางยังไม่มีเมีย จะมีลูกได้ยังไง เอ๊ะนี่ลื้อบ้า อย่างที่คุณหยงพูดแล้วแหละ”
แทนที่จะได้ตัวช่วยให้พ้นเงื้อมมือหญิงสาวหน้าตาดี กลับถูกชี้หน้าด่าว่าบ้าอีกแต่เขาไม่โกรธ เขาแปลกใจกับคำตอบของชิว เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือ เฮียที่บอกให้เขามาเยี่ยมลูกชายและลูกชายเฮีย..
“เออจริงด้วย”
เขาโพล่งออกมาเมื่อคิดถึงคนป่วยบนเตียงในห้องนอนที่เขาเปิดประตูเข้าไป คนป่วยไม่ใช่เด็กหนุ่มแต่เป็นคนสูงวัยและตันหยงเรียกว่า อากง
“จริงด้วยอะไรของนาย”
ตันหยงเสียงดัง กระตุกคอเสื้อปกรณ์เพื่อให้เขาตอบคำถามของหล่อน เขาทำหน้าเหยเก
“โอ้ย.ผมเจ็บนะ ปล่อยซะทีสิ ผมจะได้ยกจานไปใส่ข้าวให้ลูกชายเฮีย” เขาจับมือหล่อนพยายามดึงมือหล่อนออกจากคอเสื้อแต่หล่อนจับแน่น
“มันบ้าจริง ๆ ด้วย ป้าชิวโทร.บอกตำรวจมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
ตันหยงสั่งคนรับใช้เก่าแก่ สายตาจับที่ใบหน้าของชายหนุ่ม เขาจ้องตาหล่อนเช่นกัน
“ผมไม่ได้บ้า ผมมาเยี่ยมคนป่วยจริง ๆ จะให้ผมสาบานที่ไหนก็ได้แต่ถ้าคุณจะจับผมส่งตำรวจก็ได้แต่ขอให้คนป่วยกินข้าวก่อนได้มั้ย เวลาเขาเหลือน้อยแล้วนะ”
“ว่าอะไรนะ นายแช่งอากงฉันงั้นเหรอ คนที่เวลาเหลือน้อยคือนายต่างหาก อ้ากก..”
หญิงสาวรวบรวมพลังทั้งหมดเหวี่ยงร่างชายหนุ่มที่สูงกว่าหล่อนประมาณ 10 เซนติเมตรใส่ผนังห้องครัว ร่างสูงถลาราวกับนกปีกหักปะทะผนังปูนเต็มแรง เขาร้องแทบไม่ออก
“เอาะ”
เสียงดังออกมาแค่นั้น ร่างสูงก็ทรุดรูดไปกองกับพื้น ชิวอ้าปากค้างตาเบิกโตแต่โตไม่มากกว่าเดิมเท่าไรนักเพราะตาชั้นเดียวแบบชาวจีน
“คุณหยง ซี้แล้ว ทำแบบนี้ทำไมคะเดี๋ยวเขาตายไปคุณหยงติดคุกหัวโตแหง ๆ เลย”
“ป้าชิว แช่งฉันนะน่ะ หมอนี่ไม่ตายง่าย ๆ หรอก ไอ้สิบแปดมงกุฎมันก็เสแสร้งเก่งอย่างนี้แหละป้า” หล่อนเดินไปหยุดยืนข้างร่างที่งองุ้มอยู่กับพื้น ยื่นมือออกมาพร้อมคำสั่ง
“ลุกขึ้นไม่ต้องมาทำสำออย”
“ผมไม่ได้สำออย ผมเจ็บจริง ๆ ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองดู”
ปกรณ์ลุกขึ้นยืนและพริบตานั้นเขาจับแขนหญิงสาวที่ทำให้เขาเจ็บตัวหลายครั้ง ภายในไม่ถึงชั่วโมงเหวี่ยงเต็มแรงของเขา ร่างบางหมุนละลิ่วกระแทกกับผนังห้องอีกด้านเสียงดัง
“ปึก..”
ไม่มีเสียงร้องออกมาจากปากหล่อนแต่ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวและร่างค่อย ๆ ทรุดฮวบลงไปนอนกับพื้น ชิวตาเบิกกว้างกว่าเดิมร้องเสียงหลง
“อั๋ยย่ะ ซี้แล้ว ๆ ซี้จริง ๆ อาคุณหยง”
ปกรณ์เดินมายืนห่างจากร่างที่นอนตะแคงอยู่กับพื้นพอควร
“เป็นไงล่ะคุณ เจ็บมั้ยล่ะ”
“ไอ้บ้า เจ็บสิโว้ย ฮือฮือ..ฉันจะฟ้องอากง ฉันจะฟ้องป๊ะ ฉันจะฟ้องแม่ ฉันจะฟ้องเฮีย”
ตันหยงยกมือกุมไหล่ข้างที่ชนผนังห้อง ครางเหมือนร้องไห้ขู่เขาด้วยการจะฟ้องผู้ใหญ่ทุกคนในบ้าน
“ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำคนอื่นเขาเจ็บยังไง คุณไม่ฟังผมเลย ผมมาดี ไม่ได้มาคิดร้ายกับครอบครัวคุณ ป้าชิวใช่มั้ยครับ”
“ใช่ ลื้อรู้ได้ยังไงว่าอั๊วชื่อชิว” ชิวเงยหน้ามองปกรณ์อย่างโมโหเพราะเขาทำให้นายสาวของหล่อนเจ็บตัว
“ไม่รู้ก็บ้าแล้วป้า คุณหยงของป้าเรียกป้าชิว ป้าชิว ตั้งหลายครั้ง เอาเป็นว่าผมแนะนำตัวก่อนก็แล้วกัน ผมชื่อปกรณ์ นามสกุลไม่บอกหรอก”
“อะไรวะ ลื้อนามสกุลไม่บอกหรอก บ้ารึเปล่าวะ” ชิวทำหน้าทึ่งเมื่อได้ยินนามสกุลของชายหนุ่มหน้าตาดี ยิ่งพิจารณา ยิ่งดูดีไปทุกส่วน
“ไม่ใช่ป้า ผมไม่บอกนามสกุลผม ผมบอกแค่ชื่อ ผมชื่อปกรณ์ ชื่อเล่น กรณ์ ผมขอจานใส่ข้าวหน่อยนะป้า ขอพริกน้ำปลากินกับไข่เจียวด้วย ผมทำเองได้ ของอยู่ไหนบ้างล่ะ อ้อ.ไม่ต้องบอกแล้วผมรู้แล้ว ผมจัดการแป๊บเดียว ให้คนป่วยกินข้าวก่อน ผมจะรีบไปเรียน อ้อ.ผมเรียนปีสี่แล้วอีกเทอมเดียวก็จะจบปริญญาตรีแล้วละป้า เรียนที่ไหนไม่บอกเหมือนกัน แค่นี้นะ คุณหยงลุกเองนะครับ”
เขาชี้มือไปที่หน้าหล่อนแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นใบใหญ่ค้นหาของบางอย่างและหยิบออกมา เคาน์เตอร์ทำอาหารอยู่ริมหน้าต่างกระจกบานเกล็ด เขาหยิบจับของใช้อย่างคล่องแคล่ว ชิวมองตาค้างอีกเช่นเคยแต่ครั้งนี้เป็นไปในทางอึ้งปนทึ่งและแปลกใจ