บทที่ 7 เยี่ยมลูกเฮีย
“เอ่อ.ผม..ไปกันใหญ่แล้วกลับดีกว่า ไม่เยี่ยมแล้ว เฮียนะเฮีย บอกให้มาเยี่ยมแล้วให้มาเจอใครก็ไม่รู้”
เขาบ่นพึมพำหันหลังให้ผู้หญิงสวมแว่นสีชา จะเดินหนีหล่อนแต่ต้องชะงักเท้าเพราะเสียงเรียกมาจากด้านในประตูรั้ว
“จาปายหนาย อั๊วบอกให้ลื้อมาเยี่ยมลูกอั๊ว ก็เข้ามาสิไม่ต้องไปสงจายอาหยงหรอก อั๊วจาเปิกประตูให้”
เฮียที่ปกรณ์นึกโมโหชี้นิ้วไปที่ประตูใหญ่ ประตูเลื่อนช้า ๆ ตันหยงจ้องหน้าชายหนุ่มที่ทำเหมือนเห็นใครอยู่หลังประตูรั้วและยังไม่ทันจะถามอะไรอีกเขาก็วิ่งผ่านช่องประตูที่เปิดกว้างออก วิ่งตามถนนซีเมนต์ตรงไปที่บ้านหลังใหญ่ของหล่อน
“เฮ้ย.ไอ้บ้านี่ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
หล่อนชี้มือร้องเรียกพร้อมคำสั่งที่เขาไม่ได้ยิน หล่อนรีบกลับเข้าไปนั่งในรถ ขับผ่านประตูรั้วเร่งความเร็วเพื่อให้ทันผู้ชายแปลกหน้า หล่อนต้องหยุดเขาให้ได้
“หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามเข้าบ้านฉัน”
หล่อนลดกระจกลงตะโกนสั่งออกนอกรถแต่ผู้ชายแปลกหน้าไม่หยุดวิ่ง ยิ่งห้ามยิ่งเร่งเท้าเร็วขึ้นและมาหยุดยืนหอบหน้าบันไดหินอ่อนของตัวตึกหลังใหญ่
“นี่นาย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ตันหยงเหยียบเบรกเสียงดัง เปิดประตูรถก้าวลงอย่างรีบเร่งปากก็ร้องสั่งชายหนุ่ม
“ลื้อจะรออีขวางทำมายวา รีบเข้าไปหาอาเฟยเร็ว ๆ สิ ไปเร็ว ๆ”
ปกรณ์มองเฮียรูปหล่อกวักมือเรียกอยู่หน้าประตูบ้าน เขาวิ่งขึ้นบันไดหินอ่อนตรงไปหาคนเรียกแต่เฮียไปยืนรอที่บันไดขึ้นชั้นบนของบ้าน
“มาเรว ๆ ลูกชายอั๊วรอกิงข้าวไข่เจียวลื้ออยู่ อาหยงอีตามมาแล้ว เรว ๆ”
ชายหนุ่มวิ่งขึ้นบันไดตามเฮียไปจนถึงหน้าห้องขวามือสุด
“ลูกชายเฮียอยู่ห้องนี้เหรอ”
“ช่าย ๆ เปิกประตูเข้าไปเลย”
เฮียชี้นิ้วไปที่ประตู บานประตูที่ปิดสนิทเปิดออกและร่างของปกรณ์ถูกผลักถลาเข้าไปข้างใน ตันหยงวิ่งตามไปติด ๆ และคว้าแขนเขาไว้
“หยุดเลยนะไอ้หัวขโมย”
“เฮ้ย.ผมไม่ใช่ขโมย ผมมาเยี่ยมลูกชายเฮีย”
ปกรณ์โมโหที่ถูกว่าเป็นหัวขโมย หน้าตาของเขาเหมือนโจรมากหรืออย่างไร ผู้หญิงหน้าตาดีแต่สวยไปทางอาหมวยจึงกล่าวหาเขาอย่างนี้
“มาเยี่ยมลูกชายเฮีย เฮียไหน ใครคือเฮีย พี่ชายฉันน่ะเหรอ แกไปรู้จักพี่ชายฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ชายฉันคงไม่มีเพื่อนรุ่นน้องหลายปีอย่างนี้หรอก บอกมาว่านายเข้ามาในบ้านฉันต้องการอะไร”
หล่อนยืนเท้าเอวสองข้าง ตายาวรีจ้องเขม็งที่ใบหน้าของเขา หล่อนพูดถึงพี่ชายของหล่อน เฮียที่บอกให้มาเยี่ยมลูกชายเป็นพี่ชายหล่อนอย่างนั้นหรือ
“ผมมาเยี่ยมลูกชายเฮีย เฮียบอกว่าให้มาเยี่ยมหน่อย ลูกชายกำลังไม่สบาย เสียใจที่เมียตาย ให้เอาข้าวไข่เจียวมาเยี่ยม นี่ไง”
เขาชูถุงกระดาษให้หล่อนดูแต่หล่อนไม่สนใจอะไรมากไปกว่าเขาบอกจะมาเยี่ยมลูกชายเฮีย เฮียให้มาเยี่ยม ลูกชายเฮียป่วยอยู่ซึ่งคนที่นอนป่วยและภรรยาเพิ่งเสียชีวิตคือปู่ของหล่อนไม่ใช่เฮียและเฮียฟางหรือพี่ชายของหล่อนยังไม่แต่งงาน ไม่มีภรรยา ผู้ชายที่ทำหน้าไร้เดียงสาตรงหน้าหล่อนเป็นสิบแปดมงกุฎแน่นอน
“หุบปากของนายเลย เฮียฉันไม่มีเมียจะมีลูกได้ยังไงแล้วที่นอนป่วยอยู่บนเตียงคืออากงหรือปู่ฉัน นายอย่ามาตอแหลที่นี่ ออกจากบ้านฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ลุงจาง ลุงจาง มาจับตัวไอ้หมอนี่ส่งตำรวจ”
“เฮ้ย.ไม่นะ ผมไม่ได้โกหก เฮียแกบอกให้ผมมาเยี่ยมคนป่วยจริง ๆ นี่ไงข้าวไข่เจียว”
ปกรณ์สะบัดแขนออกจากมือนุ่มของหญิงสาว หล่อนสวย น่ารักแต่ทำไมปากถึงน่ากัดนักก็ไม่รู้ เขาก้าวเร็ว ๆ ไปยืนข้างเตียงคนป่วย ผู้ชายที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นมองหน้าเขา
“มาแล้วเหรอ อั๊วรอกินข้าวของลื้ออยู่พอดีเลย อ้าว.อาหยง ให้คนเอาจานมาใส่ข้าวไข่เจียว อ้อ.ไอ้หนุ่มนี่ไม่ได้โกหกหรือตอแหลหรอก เหล่ากงของลื้อให้มาเยี่ยมอั๊วเอง”
“กงว่าไงนะ เหล่ากงบอกให้มาเยี่ยม กง..เหล่ากงตายไปตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่หนูยังไม่เกิด ถ้าเหล่ากงอยู่ถึงตอนนี้ก็อายุเกือบร้อยแล้วนะกง กงอย่าพูดถึงเหล่ากงเลยนะ กงอยากกินข้าวไข่เจียวทำไมไม่บอกป้าชิวล่ะ เดี๋ยวหนูให้ป้าชิวทำให้นะ กงรอเดี๋ยวนะ”
น้ำเสียงและสายตาของหญิงสาวอ่อนโยนลงทันทีเมื่อเข้ามาจับมือชายชรา รอยยิ้มของหล่อนก็อ่อนโยนไปด้วย ปกรณ์ยืนนิ่งงันไม่ใช่เพราะรอยยิ้มของหล่อนแต่เพราะคำพูดของหล่อน
“ถ้าเหล่ากงอยู่ถึงตอนนี้ก็อายุเกือบร้อยปีแล้วนะกง”
“เกือบร้อยปี งั้นก็เก้าสิบเก้าน่ะสิ”
เขาเผลอพูดออกมา คนป่วยมองหน้าเขาแล้วยิ้ม ดวงตาเป็นประกายสดใสและพูดพร้อมรอยยิ้มมีความสุข
“ใช่แล้วไอ้หนุ่ม ถ้าพ่ออั๊วยังอยู่ก็อายุเก้าสิบเก้าปี ลื้อเห็นพ่ออั๊วใช่ไหม”
“เอ่อ.คือผม..ผมไม่รู้ครับ นี่มันอะไรกันครับ ผม..โอ๊ย.งงว่ะ” เขาวางถุงกระดาษทางปลายเตียง ยกมือขึ้นกุมศีรษะแล้วทรุดนั่งกับพื้น เสียงหัวเราะดังอยู่ข้างหู
“ม่ายต้องงง อั๊วนี่แหละเหล่ากงของอาหยงอี อั๊วชื่อหยาง ตองที่อั๊วซี้ อายุห้าสิบ อาเฟยลูกชายอั๊วอายุเพิ่งสามสิบ เข้าจายหรือยาง อั๊วเปงผี ลื้อเห็งอั๊วเพราะเราสื่อสางกางร่าย เข้าจายหมาย”
ปกรณ์นั่งพับเพียบเงยหน้ามองเฮียที่เขาเรียกตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรกที่ศาลเจ้า เฮียยืนยิ้มอยู่ข้างเตียงนอนลูกชาย
“ผมไม่เข้าจายอะไรทั้งนั้นแหละ เฮียเอ้ย เหล่ากงทำกับผมยังงี้ได้ยังไง”
“นายพูดกับใคร”
ตันหยงกะพริบตาจ้องหน้าปกรณ์เขม็ง เขาพูดกับใครที่ข้างเตียงอากงของหล่อน เขาเรียกเหล่ากง เขาเห็นอย่างนั้นหรือ เขาเห็นผี
“เฮ้ย.นายเห็นผีเหรอ ผีเหล่ากง เฮ้ย.รีบออกไปจากบ้านฉันเลยนะ ป๋าไปไหนเนี่ย ป๋า ป๋า”
“อาโหยวกับอาฟางไปโรงงาน ลื้อไปไหนมา เพิ่งมาเอาป่านนี้ ไปบอกอาชิวจัดข้าวใส่จานให้กงเดี๋ยวนี้เลย ไอ้หนุ่ม พากงไปนั่งนั่นที”
ชายสูงวัยที่นอนป่วยเกือบ 3 เดือนลุกนั่งเองอย่างไม่น่าเชื่อ ตันหยงมองอากงหรือปู่นิ่ง ปกรณ์ลุกยืนประคองเฟยลงจากเตียง ตันหยงเข้ามาช่วยประคองอีกข้าง เฟยเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวยาวใกล้กับหน้าต่างห้องนอน มีโต๊ะกระจกตัวเตี้ยอยู่หน้าเก้าอี้
“อาหยง รีบไปบอกอาชิวมาเร็ว ๆ กงหิวแล้ว”
“จ้ะกง นี่นาย มากับฉัน ฉันไม่ไว้ใจนาย”