บทที่ 9 ข้าวไข่เจียว
“รู้ได้ยังไงว่าของอยู่ตรงไหนบ้าง หยิบเหมือนเป็นบ้านตัวเอง พ่อหนุ่มนี่เป็นใครกันหว่า”
ชิวพึมพำ ตันหยงลุกนั่งมองตามชิวและรู้สึกไม่ต่างจากแม่บ้าน หล่อนงงกับการหยิบจับของใช้ทุกชิ้นที่ต้องการใช้ เขารู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง มีดอยู่ในลิ้นชักด้านล่างของเคาน์เตอร์ เขาหั่นพริกอย่างชำนาญ ฝานมะนาวคล่อง หยิบขวดน้ำปลาเทใส่ถ้วยใบเล็ก วางที่เดิมล้างมีด ล้างเขียงเก็บเข้าที่เดิม เก็บมะนาวที่เหลือ พริกใส่ตู้ หันมาเช็ดมือที่ผ้าสำหรับเช็ดมือข้างอ่างล้างชาม เปิดตู้ชั้นล่างสุดหยิบจานช้อนส้อม ทำทุกอย่างรวดเร็ว
“คุณหยง ตามมาเร็ว ๆ ป้าด้วย ช่วยดูแลคนป่วยหน่อยนะ”
เขาหันมาสั่งตันหยงกับชิวแล้วถือจานกับถ้วยพริกน้ำปลาเดินออกจากห้องครัว หากตันหยงกับชิวมองเห็นหยางก็จะรู้ว่าที่ปกรณ์หยิบจับของคล่องมือได้อย่างไร หยางปรากฏตัวให้ปกรณ์เห็นเพียงคนเดียวแล้วยกนิ้วแตะปากไม่ให้เรียกเฮีย
“ไม่ต้องเรียกอั๊วนะ จะเอาอะไรก็บอกอั๊วจักกางให้”
ปกรณ์เข้าใจจึงพูดเหมือนกับถามตัวเอง
“มีดแล้วก็เขียง”
พอเขาเอ่ยของที่อยากได้ออกมา หยางชี้ไปตรงที่เก็บของเหล่านั้นไม่กี่นาทีพริกน้ำปลาของปกรณ์เสร็จเรียบร้อย หยางเดินตามปกรณ์ออกจากห้องครัวปล่อยให้ตันหยงกับสาวใช้นั่งมองตามปกรณ์ด้วยสีหน้าทึ่งปนงุนงงอยู่อย่างนั้น
“อ้าว เร็ว ๆ นะคุณหยง อากงคุณรอกินข้าวอยู่นะ อย่ามัวนั่งบื้ออยู่สิ” เสียงปกรณ์ดังมาจากประตูแต่ตัวเขาเดินห่างออกไปไกลแล้ว
“หึย.ไอ้บ้า..แกโดนแน่” หญิงสาวลุกขึ้นด้วยความโกรธที่ถูกชายหนุ่มว่าอย่างไม่เกรงใจ ชิวรีบคว้าแขนนายสาวไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหยง ป้าว่าอย่าเพิ่งโกรธเขาเลยค่ะ ตามไปดูให้รู้กันว่าเขาพูดจริงรึเปล่าที่ว่ามาเยี่ยมคนป่วย เราจะได้ถามเขาด้วยว่าเฮียที่เขาอ้างน่ะชื่ออะไร อาจเป็นเพื่อนคุณฟางก็ได้นะคะ”
ตันหยงกะพริบตาเร็ว ๆ กับคำพูดของชิว หล่อนไม่ควรใจร้อน ถ้าเขามาร้ายป่านนี้หล่อนกับชิวคงถูกมัดมือมัดเท้าหรือไม่ก็ถูกทำร้ายเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เขาอาจเป็นคนดีมีน้ำใจมาเยี่ยมปู่ของหล่อนก็ได้
“งั้นไปดูกันป้า”
“ไปค่ะ”
ชิวเดินเร็ว ๆ ตามเจ้านายน้อยขึ้นชั้นบนตรงไปที่ห้องนอนเจ้านายใหญ่ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ตันหยงเปิดประตูก้าวเข้าห้องมองไปที่เตียงนอนเฟยไม่เห็นร่างคนป่วยนอนอยู่บนเตียงหล่อนก้าวเร็ว ๆ ไปหาปกรณ์
“นายทำอะไรอากงฉัน” หล่อนถามเสียงห้วนใบหน้าบึ้งโกรธ ชิวตามมายืนข้างเจ้านายและกำลังโกรธตามเจ้านายแต่พอเห็นผู้ที่นั่งบนเก้าอี้โซฟาตัวยาวเท่านั้น หล่อนถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“อั๋ยย่ะ อากงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง อ่ะ..หา..”
คำถามยังไม่ได้คำตอบก็ต้องร้องอุทานออกมาเหมือนเห็นผีหรือสิ่งมหัศจรรย์ตรงหน้าเพราะเฟยที่นอนป่วยอยู่บนเตียงนานหลายเดือนนั่งยิ้มอยู่ที่โซฟาและบนโต๊ะตรงหน้ามีจานข้าวไข่เจียวเหลืองน่ารับประทานวางอยู่ ปกรณ์นั่งข้างเฟย
เสียงร้องอย่างตกใจปนแปลกใจของชิวทำให้ตันหยงลืมอารมณ์โกรธได้ในพริบตาและเห็นภาพอย่างที่ชิวเห็น หล่อนยืนนิ่งไปชั่วครู่ ปกรณ์เงยหน้าจ้องมองหล่อนอยู่นานแล้วตั้งแต่หล่อนโวยวายใส่เขา
“ลื้อเสียงดังทำไม กงไม่ได้เป็นอะไร กงขอกินข้าวไข่เจียวก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ อาชิวขอน้ำชาร้อน ๆ ให้อั๊วหน่อย”
“ได้ค่ะอากง” ชิวรีบถอยออกไปและเดินออกจากห้องเกือบจะเป็นวิ่งเพราะดีใจที่เห็นเจ้านายใหญ่ลุกจากเตียงมานั่งทานอาหารด้วยตัวเองได้
“แกล่ะอาหยง ทำไมไม่ไปทำงานล่ะ”
“หนูไปมาแล้วกงแต่มันปวดหัวมากก็เลยขอป๊ะกลับบ้านจะมานอนซะหน่อยก็เจอไอ้โรคจิตเนี่ยกดกริ่งหน้าบ้านเรา”
“เขาไม่ใช่โรคจิตหรอก เขามาเยี่ยมกงจริง ๆ เอาข้าวไข่เจียวมาเยี่ยมด้วย”
เฟยหันมายิ้มกับปกรณ์ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดูเด็กหนุ่มรุ่นหลาน หยางนั่งยิ้มอยู่บนเตียงเฟย
“อาเฟย อั๊วเจอเจ้าหนุ่มนี่เพราะบุงวากสะหนา ต่อปายเจ้าหนุ่มจาเป็งที่พึ่งให้กับเหลนสาวของอั๊ว” หยางพูดกับเฟยสายตาของหยางจับทีใบหน้าปกรณ์ เฟยมองตามสายตาของพ่อยิ้มน้อย ๆ
“เดี๋ยวอากง ข้าวนั่นมียารึเปล่า ให้หนูชิมก่อน”
ตันหยงเพิ่งนึกถึงความปลอดภัยของปู่ หล่อนนั่งข้างปู่ตักข้าวกับไข่เจียวไม่ลืมตักพริกน้ำปลาราดก่อนจะส่งข้าวเข้าปากแล้วทำตาโต ปกรณ์อ้าปากลุ้นด้วยความตื่นเต้น อยากรู้รสชาติของไข่เจียวที่เขาตั้งใจทำสุดฝีมือจากปากหญิงสาวแปลกหน้าของเขา
“เป็นไง อร่อยใช่มั้ยล่ะ กงกินไปหลายคำแล้ว ลื้อเป็นห่วงกงช้าไปหน่อยนะ”
เฟยถามหลานสาวพร้อมกับยิ้มเข้าใจว่าหลานสาวถูกใจรสชาติไข่เจียวปกรณ์แต่คำตอบที่ดังออกมาจากปากตันหยงทำให้ปกรณ์หุบปากลงทันทีทันใด
“อร่อยอะไรล่ะอากง เผ็ดชะมัด ซี้ดด..โอ้ยยย..น้ำ น้ำ ขอน้ำหน่อย ขอน้ำได้ยินมั้ย ไอ้โรคจิต ส่งมาเร็วสิ เผ็ดจะตายอยู่แล้ว”
หล่อนโวยวายกวักมือเร็ว ๆ เร่งให้ปกรณ์ส่งแก้วน้ำให้หล่อน เขาส่งแก้วน้ำให้แล้วหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่เกรงใจเฟยที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ หล่อนดื่มน้ำหมดแก้ววางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงช่วยให้เสียงหัวเราะหยุดลง หล่อนจ้องหน้าเขาและว่าให้เขา
“หัวเราะบ้าอะไร หัดเกรงใจผู้ใหญ่บ้างสิ ไร้มารยาท”
“ไม่เป็นไร มันน่าหัวเราะไม่ใช่เหรอ ก็ลื้อตักพริกใส่เองกินเองมันก็เผ็ดเองไปโทษพ่อหนุ่มเขาไม่ได้หรอก เออ.จริงสิพ่อหนุ่ม กงยังไม่รู้จักชื่อเสียงพ่อหนุ่มเลย ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ทำงานอะไร พ่อแม่ล่ะทำอะไร”
“ฮี ฮี่ ฮี่ ถามยาวเชียวครับอากง ผมชื่อปกรณ์ครับ ชื่อกรณ์ นามสกุลสุดใจดี ครับ พ่อชื่อเกรียงไกร แม่ชื่อวาณี สุดใจดี อาชีพหลักเก็บของเก่าขาย อาชีพรองขายข้าวไข่เจียวครับ บ้านอยู่โน่นครับหมู่บ้านชานเมืองมีนครับ”
ปกรณ์ตอบทุกคำถาม เฟยพยักหน้าตาม หยางนั่งฟังอยู่บนเตียงพยักหน้าตามไปด้วยแต่หยางรู้จักปกรณ์กับครอบครัวเป็นอย่างดีจึงบอกเฟย
“ครอบครัวนี้ขยังขังแข็งลีอั๊วชอบ อีอยากให้พ่อแม่อีขายข้าวไข่เจียวหน้าห้างสรรพสิงค้าใกล้หมู่บ้างอีนั่งแหละ ลื้อช่วยอีร่ายมั้ยอาเฟย อั๊วช่วยไม่ร่ายเพราะอั๊วคุยกับเจ้าของห้างฯไม่ร่าย ลื้อช่วยอีร่าย”
“ป๊ะ อั๊วจะช่วยยังไง นอนป่วยอยู่อย่างนี้”
เฟยพูดออกมาสายตามองไปที่เตียงนอน ตันหยงจ้องหน้าปู่ ปกรณ์มองหยางที่เตียงเฟยแล้วหันมามองเฟย