บทที่ 5 เฮีย
“เฮ้ย.ทำไมเป็นยังงี้วะ เป็นทุกแผ่นหรือเปล่าวะ”
“อะไรวะ ไหนดู”
ปกรณ์แย่งกระดาษมาจากมือเพื่อนกวาดสายตาไปตามตัวหนังสือที่จางบ้างขาดหายไปเป็นบางตัวบ้าง เขามองไปที่กล่องใส่คำทำนายในศาลเจ้า
“ไปดูแผ่นใหม่ซิไอ้วุฒิ เอามาให้กูด้วยเอาแผ่นนี้ไปคืนที่เดิม”
เขาสั่งเพื่อนเพราะตัวเองเหนื่อยจนไม่อยากลุกเดิน วุฒิศักดิ์ทำตามเพื่อนแต่พอไปถึงกล่องต้องร้องเป็นครั้งที่สอง
“อะไรวะ หมดได้ไงวะ”
“อะไรหมดวะ”
ปกรณ์ถามแต่ไม่หันไปมองเพื่อน เขาหลับตาเอนตัวพิงขั้นบันได ชายวัยกลางยืนอยู่ตรงหน้ายกมือโบกให้เขา
“เป็งไง เหนื่อยละสิ”
“ใช่ เหนื่อยจนอยากหลับ”
“งั้งก็หลับปายเลย ตื่งขึ้งมาจะร่ายหายเหนื่อย”
สำเนียงจีนพูดไทยไม่ชัดและเครื่องแต่งกายที่ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นชาวจีนมาอยู่เมืองไทยและต้องร่ำรวยมหาศาลด้วย เขาเดินมานั่งข้างปกรณ์
“ลื้อไม่ต้องปายอ่างหรอกคำทำนายน่ะ อั๊วทำนายแทงให้เอง ลื้อขายข้าวไข่เจียวร่ายแต่ขายร่ายไม่นางเพราะลื้อต้องไปช่วยอั๊ว”
“ไปช่วยเฮียช่วยอะไรเหรอเฮีย”
ชายหนุ่มลุกนั่งจ้องหน้าเฮียที่เขาเรียกแต่เฮียยกมือขึ้นแล้วชี้มาที่ตัวเอง
“เฮีย..ลื้อเรียกอั๊วว่าเฮีย ลื้อจะบ้ารึเปล่าวา อั๊วเนี่ยอายุเท่ากับปู่ของลื้อแล้วนะ ถ้านับปีนี้ก็เก้าสิบเก้าจะเต็มร้อยอยู่เลี้ยว”
“เก้าสิบเก้าเนี่ยนะ อย่ามาหลอกให้ยาก อายุขนาดนั้นมันต้องหนังเหี่ยวย่น ตาตี่กว่านี้ เดินงก ๆ เงิ่น ๆ แล้วไม่เป็นอย่างนี้หรอก นี่ยังหล่อเฟี้ยวอยู่เลย เรียกเฮียนั่นแหละถูกแล้ว”
ปกรณ์จ้องหน้าเฮียและทำท่าจะโมโหคนพูดที่บอกว่าอายุ 99 ปี เฮียที่ถูกชมยิ้มกว้างและทำเขินเพราะคำชมของเด็กหนุ่มรุ่นเหลน
“บ้านเฮียอยู่ไหนล่ะมาที่นี่ทำไมแล้วที่ว่าจะให้ผมช่วยจะให้ช่วยอะไร”
ปกรณ์ถามเฮียและพร้อมจะช่วยเหลือทันที เฮียยิ้มมากกว่าเดิมแล้วว่า
“อั๊วเลือกคงไม่ผิกจริงๆ ลื้อเป็งคนลีมีน้ำจายนะไอ้หนุ่ม เรื่องที่อั๊วจะให้ช่วย ลื้อต้องไปบ้างอั๊วก่องไปรู้จักกับลูกชายอั๊ว ลูกอั๊วนอนป่วยอยู่ อีเศร้าจาย เมียอีเพิ่งซี้ปาย ทำจายไม่ร่ายก็เลยป่วย ลื้อเอาข้าวไข่เจียวไปเยี่ยมนะแล้วค่อยคุยกัง อั๊วไปก่องละ แล้วจามาคุยใหม่”
“ไอ้กรณ์ ไอ้กรณ์ อะไรวะแค่นี้หลับเลยเหรอวะ”
วุฒิศักดิ์เรียกเพื่อนหลายคำไม่ลืมตาจึงตบที่ไหล่ ปกรณ์ลืมตารวดเร็วและมองไปข้างตัว ไม่มีเฮียที่คุยกับเขานั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว เขามองไปรอบๆ พร้อมกับพึมพำ
“ไปไหนเร็วจัง”
“อะไรวะ อะไรไปไหนเร็ว ใครไปไหน”
วุฒิศักดิ์นั่งมองหน้าเพื่อนที่พูดเหมือนละเมอและมองตามสายตาเพื่อนที่มองรอบตัวเหมือนหาใครอยู่
“ก็เมื่อกี้เฮียแกมานั่งคุยกับกู”
“เฮียที่ไหน กูไม่เห็นใครเลย นี่มันเย็นมากแล้วนะโว้ยไม่มีใครมาหรอก โน่นแหละ ใกล้ ๆ วันหวยออกโน่นแหละนักเสี่ยงเซียมซีหาเลขมากันตรึมแหละ”
“เป็นไปได้ไงวะก็เมื่อกี้เฮียใส่ชุดสีดำมานั่งคุยกับกู หล่อมากด้วยเป็นอาเฮียที่หล่อมากๆว่ะ เขาให้กูไปเยี่ยมลูกชายเขาให้เอาข้าวไข่เจียวไปเยี่ยมด้วย เขาบอกจะให้กูช่วยอะไรก็ไม่รู้ว่ะ”
“ฝันกลางวันไอ้กรณ์ มึงนี่ชั่งฝันจริง ๆ เนาะ ไปกลับบ้าน เซียมซีมึงน่ะไม่มีคำแปล คำแปลจางหายไปในกล่องก็ไม่มีสักใบหมดเกลี้ยงเลย”
วุฒิศักดิ์ลุกยืนและเดินลงบันไดไปก่อน ปกรณ์ลุกยืนงง ๆ เขาหลับจริงหรือ ถ้าอย่างนั้นคนที่เขาคุยด้วยก็เป็นแค่ความฝันแต่ทำไมเหมือนมีคนคุยด้วยจริง ๆ ไม่ใช่ความฝัน เขาต้องพิสูจน์
“ไอ้วุฒิ พรุ่งนี้ไปกับกู กูจะเอาข้าวไข่เจียวไปเยี่ยมลูกเฮีย ลูกเฮียป่วยอยู่”
ปกรณ์ชวนเพื่อนและไม่ให้เพื่อนปฏิเสธ วุฒิศักดิ์ย่นหัวคิ้วแล้วถาม
“ไปเยี่ยมที่ไหนวะ โรงพยาบาลอะไร”
ปกรณ์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน เฮียจะให้เขาไปเยี่ยมลูกชายแกที่ไหน
“บ้านอั๊ว พรุ่งนี้อั๊วจะบอกทาง”
เสียงกระซิบดังอยู่ข้างหู เขาหันไปมองทางต้นเสียงไม่มีใครพูดกับเขา
“ไม่ใช่โรงพยาบาล ไปเยี่ยมที่บ้าน พรุ่งนี้กูจะมาเรียกไปตอนเช้ากูไม่มีเรียน กูมีเรียนตอนสาย ตามนี้”
“เออ.แล้วไม่ถามกูบ้างเหรอ ว่ากูมีเรียนตอนไหนเช้าหรือสายหรือบ่ายหรือค่ำ”
“มึงเรียนได้ทุกเวลาถ้ามึงอยากเรียน ไปนะโว้ยพรุ่งนี้เจอกัน”
ปกรณ์เดินเร็ว ๆ ไปทางบ้านของเขา วุฒิศักดิ์ขยี้จมูกอย่างหงุดหงิดงงกับเพื่อนตั้งแต่ตอนไปเสี่ยงเซียมซี จนถึงนาทีนี้ที่เพื่อนพูด ๆ สั่ง ๆ แล้วก็เดินหนี เขารับนิสัยของเพื่อนได้และเพื่อนก็รับนิสัยของเขาได้เช่นกันนี่แหละที่เขากับปกรณ์ไม่เคยโกรธกันจริงจัง บางครั้งแค่ขัดใจหรือน้อยใจนิด ๆ เท่านั้น
เพื่อนรักของวุฒิศักดิ์กลับเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาทานข้าวกับพ่อแม่เหมือนเป็นหุ่นยนต์ เกรียงไกรมองลูก รู้สึกแปลกกว่าทุกวัน
“กรณ์ เป็นอะไรรึเปล่าลูก ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าครับพ่อ เดี๋ยวผมขอตัวนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
“มีเรียนเช้าเหรอ เห็นแกไปสายนี่นา”
“มีธุระนิดหน่อยครับแม่ นอนก่อนนะครับ”
เขาตอบแม่สั้น ๆ เข้าไปหอมแก้มแม่ หันไปกอดพ่อ หอมพ่ออย่างทุกวันแล้วเดินไปทางห้องนอนของเขา วาณีมองตามร่างสูงของลูกชายแล้วหันมาถามสามี