บทที่ 3 ฝัน
“ไปนอนกันดีกว่ารุตพรุ่งนี้แม่ต้องไปขายปลาทูแต่เช้า”
เพ็ญศรีกับมารุตลุกเดินเข้าบ้านไปนานหลายนาทีวุฒิศักดิ์จึงลุกเดินตามไปบ้าง สมองยังคิดถึงเพื่อนรัก ปกรณ์มาบอกกับเขาเพื่อให้เขาช่วยพูดกับเกรียงไกรและวาณีแต่เขาก็หัวเราะเยาะเพื่อน เขาล้มตัวลงนอนบนที่นอนกลางเก่ากลางใหม่ปูกับพื้นบ้าน มารุตนอนกับแม่ตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังติดแม่ซึ่งแยกนอนห้องข้างกับห้องเขา แม่รับจ้างซักเสื้อผ้ามาจนถึงขายของในตลาดสดและมาหยุดที่ขายปลาทูถึงจะไม่มีกำไรมากมายนักแต่ก็พอกินพอใช้ไม่ลำบากมากนัก
“เราจะช่วยไอ้กรณ์ยังไงวะ พูดให้น้าไกรกับน้าณีเชื่อไอ้กรณ์ดีมั้ยแต่น้าณีไม่เชื่อเราอยู่แล้วแหละ กูจะทำยังไงดีวะไอ้กรณ์”
ชายหนุ่มหลับไปโดยที่ใจยังคิดถึงเพื่อนรัก ส่วนปกรณ์กลับมานอนพลิกไปพลิกมาหลับตาแต่ใจไม่หลับ สุดท้ายก็ลุกนั่ง
“ถ้าแม่ไม่ยอมไปขาย เราจะขายเองดูซิว่ามันจะขายได้รึเปล่า เราจะทำให้พ่อกับแม่เห็นว่ามันขายได้”
เขาพูดกับตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง นานเกินชั่วโมงกว่าจะหลับและพอหลับก็ฝันร้ายตลอด ฝันว่าไปเดินขายข้าวไข่เจียวถูกนักเลงที่วางของขายอยู่ก่อนแล้ววิ่งไล่ตีพัลวัน เขาวิ่งหนีร้องให้วุฒิศักดิ์ช่วยแต่เพื่อนกลับเทกล่องข้าวทิ้งเกลื่อนถนนและเพื่อนยังหัวเราะใส่หน้าเขา
“แค่มึงคิดก็ผิดแล้วว่ะกรณ์ กลับไปช่วยแม่กับพ่อมึงขายข้าวไข่เจียวที่ตลาดน่ะดีแล้วโว้ย ไป๊ ไปจากที่นี่ซะ”
ใบหน้าและเสียงหัวเราะของวุฒิศักดิ์เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าคนแก่ใส่ชุดสีทองคนหนึ่งสีขาวคนหนึ่งชี้หน้าไล่เขาและหัวเราะตาถลนออกมานอกเบ้า แสยะปากกว้าง แลบลิ้นยาวมาถึงหน้าของเขา
“ไปซะ ไปซะ ไปซะไอ้หนุ่ม ไป ข้าบอกให้ไปไงล่ะ อย่าคิดทำอย่างนี้อีก ไป”
“เป็นผีบ้ารึไงถึงได้แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ยังงี้ ผมไปก็ได้แต่ไม่ไปนานหรอกจะบอกให้ผมจะมาขายข้าวไข่เจียวที่นี่ให้ได้คอยดูสิ มึงก็เหมือนกันไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนไม่จริงใจเสียแรงกูคบกับมึงมานานต่อไปนี้มึงไม่ใช่เพื่อนกู มึงเทข้าวกูทิ้งมึงจำไว้เลย ไอ้เพื่อนเลว”
ปกรณ์ชี้หน้าคนแก่สองคนและหันไปด่าวุฒิศักดิ์แบบยั้งไม่อยู่ วุฒิศักดิ์แลบลิ้นใส่และใบหน้าของเพื่อนก็เปลี่ยนเป็นคนแก่สองคนอีกครั้ง
“ข้าบอกให้ไปยังมายืนชี้หน้าด่าข้าอีก คราวนี้ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแล้วนะ ข้าจะหักคอเจ้าประเดี๋ยวนี้”
ผู้ชราทั้งสองยื่นมือออกมามือนั้นยาวถึงคอปกรณ์และบีบพร้อมกัน เขาพยายามแกะมือออกและดิ้นให้หลุดจากมือใหญ่ที่บีบแรงขึ้นทุกขณะจนหายใจแทบไม่ออก เขามองไปที่วุฒิศักดิ์ เพื่อนรักยืนกอดอกยักคิ้วให้และส่ายหน้าไม่เข้ามาช่วยเขา
“ไอ้วุฒิ ไอ้เพื่อนเลว มึงไม่ช่วยกูมึงยังสมน้ำหน้ากูอีก กูตายไปกูจะหลอกหลอนมึงจนตายเลยคอยดู”
“โอ๊ย.กูกลัวจังเลย กูไปนอนต่อดีกว่า”
“ไอ้วุฒิ ช่วยกูด้วย ช่วยกูด้วยสิ อย่าเพิ่งไป ช่วยกูด้วย ไอ้วุฒิ ช่วยกูด้วย ช่วยด้วย”
มือบีบแน่นขึ้น ลมหายใจติดขัด เขากำลังจะตายใช่หรือเปล่า เขาจะไม่เห็นหน้าพ่อแม่อีกแล้วใช่ไหม เขาจะไม่ได้ขายข้าวไข่เจียวหน้าห้างสรรพสินค้าตามที่คิดใช่ไหม ไม่..เขายอมไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องขายข้าวไข่เจียวหน้าห้างสรรพสินค้า เขาต้องขายให้ได้
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ถ้าผมตายตาสองคนบาปหนักแน่ ฆ่าคนไม่มีทางสู้ ตกนรกหมกไหม้เลย ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย ตาสองคนตกนรกแน่ ตกนรกแน่ ๆ”
เขาร้องออกมาดวงตาจ้องหน้าชายชราทั้งสอง มือที่บีบลำคอของเขาคลายออกและร่างของผู้ชราก็หายวับไปพร้อมกับแสงสีขาวพุ่งเข้าใส่ตัวเขา
“โอ๊ยยยยยย...”
ร่างที่นอนดิ้นรนบนเตียงสะดุ้งสุดตัวมือยังกำอยู่ที่ลำคอตัวเอง เขาลืมตามองเพดานห้องที่มีแต่ความมืด เขาลุกขึ้นนั่งเหงื่อชื้นทั่วใบหน้า เขาฝันแต่ความฝันเหมือนเป็นเรื่องจริงเขาเจ็บคอจริง ๆ
“อยากไปขายมากนะเนี่ยฝันเลยเนี่ยแต่ตาแก่สองคนนั่นเป็นใครวะไล่บีบคอแทบตายไอ้เพื่อนชั่วก็ไม่ช่วยกู วันนี้มึงโดนแตะแน่ไอ้วุฒิ”
ความง่วงหายไปเพราะความฝันที่ไม่เข้าใจกับชายชราทั้งสองคนที่ไล่เขาออกมาจากหน้าห้างสรรพสินค้า เขาจะไปขายข้าวไข่เจียวที่นั่นจะหิ้วขายลองดู ถ้าไม่มีคนซื้อจริง ๆ เขาจะหยุดความคิดตั้งร้านที่นั่น
วาณีมองหน้าลูกชายที่เดินออกมาจากห้องน้ำติดกับครัว หล่อนต้มน้ำชงกาแฟตอนเช้าเตรียมอาหารเช้าสำหรับลูกไปเรียนและสามี วันนี้ปกรณ์ตื่นเร็วกว่าทุกวันตื่นก่อนหล่อนเสียอีก
“มองอะไรแม่”
ลูกชายเดินผ่านแม่ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มแล้วเดินเลยไป วาณีมองตาม
“เกิดอะไรขึ้นวะ ลูกชายฉันตื่นแต่เช้ามืด สงสัยต้องซื้อหวยสักใบ”
“ไม่ต้องเลยแม่ ตื่นเช้าแล้วเป็นไง ไม่ดีเหรอจะได้ช่วยแม่เตรียมข้าวไปขายไง วันนี้วันอาทิตย์เอ๊ะหรือวันเสาร์”
เสียงลูกดังมาและทำเสียงประชดให้แม่แต่ท้ายก็ทำให้แม่ยิ้มกับคำถามที่ไม่ค่อยมั่นใจของคนพูด วาณีส่ายหน้ายิ้มขำ ๆ วันนี้ลูกชายของหล่อนแปลกไปอาจนอนไม่หลับเพราะคิดมากเรื่องที่คุยกับหล่อนเมื่อคืนนี้ หล่อนถอนหายใจยาว ลูกหวังดีอยากให้แม่ขายของได้มากกว่าทุกวันนี้แต่หน้าห้างสรรพสินค้าไม่ใช่ที่ว่างสำหรับข้าวไข่เจียว หล่อนอยากบอกให้ลูกเลิกคิดเรื่องนี้