บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 พรหมลิขิต

บทที่ 6

พรหมลิขิต

ในตอนที่หลันเร๋อยังคงตกตะลึงอยู่นั้น เหล่าชายชุดดำเมื่อเห็นว่า สตรีที่อ่อนแอกลับไม่ได้อ่อนแอดังรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น จึงแยกกันออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งสู้กับหลันเร๋อ อีกกลุ่มสู้กับอี้หนิง แม้ซินซีจะไว้ใจในฝีมือของอี้หนิงแต่นางคงไม่สามารถต่อสู้กับคนมากมายกับปกป้องทั้งตนและนี่กวงหลิงไปพร้อมๆกันได้แน่ ซินซีจึงหยิบพัดที่เหน็บไว้ที่เอวขึ้นมาพลางยื่นมือไปจับแขนกวงหลิงให้หลบวิถีดาบที่พุ่งตรงมาที่นาง พร้อมสะบัดพัดไปทางชายชุดดำที่หมายจะเอาชีวิตทั้งสอง เข็มเงินสองสามเล่มพุ่งออกจากพัดสวยปักลงกลางหน้าผากชายชุดดำล้มลงต่อหน้าต่อตา

นี่กวงหลิงร้องกรี๊ดเมื่อเห็นภาพคนถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา เสียงกรี๊ดของนี่กวงหลิงดึงให้อี้หนิงที่ต่อสู้อยู่หันมามองด้วยความเป็นห่วง พาให้นางเสียสมาธิเป็นการเปิดช่องให้คนชุดดำฟาดดาบลงมา ก่อนที่ปลายดาบจะถึงลำคอของอี้หนิง ดาบสีเงินที่อาบไปด้วยเลือดของคนชุดดำก็หยุดชะงักพร้อมกับร่างที่ล่วงลงกับพื้นเพราะโดนเข็มอาบพิษของซินซีปักเข้าทันเวลาพอดี

พวกชุดดำที่เหลือกันอยู่สองคนเห็นว่าสู้ไปก็ไม่เป็นผลดีกับตนจึงพากันใช้วิชาตัวเบาลอยขึ้นหลังคา หนีไป

อี้หนิงเห็นเช่นนั้นจึงตั้งใจจะตามไปจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นเมื่อนายหญิงเอ่ยปากห้ามไว้เสียก่อน

"อย่าตาม"

อี้หนิงสลัดปลายกระบี่เบาๆให้เลือดที่ติดอยู่กระเด็นออก จากนั้นจึงเก็บกระบี่เข้าฝักหันกายเดินเข้ามาหาซินซี

"นายหญิงบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ?"

"ไม่"

ซินซีตอบสั้นๆพลางดันร่างที่อ่อนปวกเปียกของนี่กวงหลิงไปให้อี้หนิงพยุงแทนตนพร้อมกับเก็บพัด อาวุธของซางหรูที่ให้ตนมาทดลองประสิทธิภาพเหน็บเข้าที่เอวไว้ดังเดิม

'อืม การยิง พิษของเข็มดีเยี่ยม แต่เข็มมีจำกัดและน้อย ถ้าเข็มอาบพิษหมดก็ได้ไปเฝ้ายมบาลกันได้เลย ถ้าจะขายให้ชาวยุทธ์อย่างที่หรูว่าคงต้องเพิ่มลูกเล่นไปอีก'

ซินซียืนนิ่งคิดเรื่องพัฒนาอาวุธชิ้นนี้ต่อไปโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า บ่าวรับใช้อย่างอี้หนิงคิดไปแล้วว่าที่นายหญิงทำท่าทางยืนนิ่งเย็นชาใส่ตนเช่นนี้ คงเพราะโกรธนางที่ทำงานผิดพลาด

อี้หนิงก้มหน้าลงรับผิดทุกอย่าง ตัวนางกำมือเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อพร้อมคิดในใจไปว่า

‘ต้องฝึกให้มากกว่านี้จะได้ไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก จะได้ ไม่ผิดพลาดทำงานไม่สำเร็จให้นายหญิงต้องผิดหวังเช่นนี้อีก'

ฝ่ายหลันเร๋อเมื่อเก็บกระบี่ของตนเข้าฝักแล้วจึงสาวเท้าเข้ามาหาสตรีสามนางที่ไม่ได้มีดีแค่รูปโฉมงดงามอย่างเทพเซียนแต่ยังเก่งกาจเกินสตรี

‘สตรีเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก’

"ข้าขอขอบใจแม่นางทั้งสามที่ช่วยชีวิตข้า"

หลันเร๋อยกมือขึ้นมาประสานกันโค้งคำนับให้สตรีทั้งสาม

ซินซีรู้สึกตัว นางกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อเรียกสติให้กลับมาอยู่ยังปัจจุบัน

"ไม่มีอันใดต้องขอบคุณกันหรอก นายท่าน พวกข้าแค่คนที่เดินผ่านมาเจอเรื่องอันตรายจึงปกป้องตนเองก็เท่านั้น"

หลันเร๋อขมวดคิ้วมุ่นอย่างลำบากใจพลางเอ่ยต่อ

"ถึงอย่างไรแม่นางทั้งสามก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณ จะเป็นอะไรหรือไม่ ถ้าแม่นางจะบอกชื่อแซ่ เผื่อข้าจะตอบแทนบุญคุณนี้ให้แม่นาง"

"ไม่ได้!"

นี่กวงหลิวที่ไม่รู้ว่าคืนสติได้แล้วตอนไหน ปฏิเสธสวนขึ้นมาก่อน

ซินซีลอบยิ้ม ครั้งนี้ตนเห็นด้วยกับนี่กวงหลิง อย่างไรฐานะในร่างนี้ก็สูงส่งเกินไป แถมยังเป็นคนของจวนแม่ทัพ จะบอกชื่อบอกแซ่ให้ใครต่อใครรู้มิได้ อีกอย่างคืนนี้พวกนางพากันออกมาโดยไม่บอกใคร ถ้ามีผู้ใดทราบว่าแอบออกจากจวนและยังไปสร้างเรื่องคงไม่เป็นผลดี

ซินซีมองสีหน้าตกใจระคนสงสัยของบุรุษนักตั้งบุญคุณเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยบอก

"ตัวข้าทั้งสามเป็นเพียงแค่หญิงต่ำต้อยที่เดินผ่านมา ไม่อาจมีบุญคุณกับนายท่านได้หรอกเจ้าค่ะ"

"แต่......"

หลันเร๋อหมายจะแย้ง แต่ก็ถูกซินซีกล่าวตัดบทไปเสียก่อน

"นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกข้าทั้งสามคงต้องขอตัว"

ซินซีไม่รอให้ผู้ชายคนนี้พูดอะไรกับนางอีก ก็ก้มหัวทำความเคารพเป็นเชิงลาแล้วเข้าไปช่วยพยุงร่างที่อ่อนปวกเปียกคล้ายจะเป็นลมไม่เป็นลมแหล่ของนี่กวงหลิงเดินจากมาทิ้งชายหนุ่มรูปหล่อนักตั้งบุญคุณให้มองตามอย่างกระอักกระอ่วนใจ

ช่วงเช้ามืดอย่างเช่นทุกวัน ภายในเรือนประดับดาวที่บัดนี้มีร่างสองร่างหนึ่งนาย หนึ่งบ่าวกำลังฝึกซ้อมอาวุธอยู่กับหุ่นไม้รูปคนที่ถูกหุ้มด้วยฟางสีเหลืองส้ม

ฉึก! ผลั๊วะ! ฉึก! ผลั๊วะ! เสียงอาวุธกระทบหุ่นไม้ของอี้หนิงดังขึ้นอย่างรุนแรง เกิดจากตัวเจ้าของกระบี่ที่ลงมือรุนแรงแม่นยำเคร่งเครียดกว่าในทุกวัน ดึงซินซีที่กำลังฝึกต้องหยุดมองอย่างสงสัย

'ทำไมวันนี้อี้หนิงลงมือหนักจริง?'

สงสัยอยู่ได้ไม่นานก็คิดกับตัวเองว่า

‘อี้หนิงคงจะอยากเก่งขึ้น ดีจริง คนขยันมีความตั้งใจเช่นนี้สิเธอชอบ’

ซินซีพยักหน้าขึ้นลงสองสามครั้งอย่างชอบใจ

หลังจากฝึกตั้งแต่ยังมีแสงสลัวๆจนตอนนี้เริ่มมีแดดสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นทั้งสองก็หยุดฝึกและพากันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เมื่อมาถึงห้องอาหาร นี่กวงหลิงก็เตรียมสำรับไว้ให้แล้ว ทั้งสามที่รวมถึงตัวนางเองด้วย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะนายหญิงบอกว่า ‘ไม่ชอบรับประทานอาหารผู้เดียว จึงให้พวกนางมาทานอาหารด้วย’

แม้จะไม่ถูกต้องสำหรับฐานะนัก แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เจ้านายปรารถนา ทุกคนในเรือนจึงได้แต่หลับหูหลับตา ไม่พูดถึงเรื่องสมควรไม่สมควรหรือไม่นั้นให้นายหญิงต้องรู้สึกขัดเคือง

แม้เหล่าข้ารับใช้จะทราบว่า นายหญิงของเรือนตนไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านแม่ทัพนัก แต่ใครจะกล้าขัดใจฮูหยินผู้นี้ เมื่อคุณชายซางหรูที่ได้รับความโปรดปรานจากคนในจวน และคุณชายซางเหล่ยที่เป็นถึงรองแม้ทัพใหญ่ก็ยังยอมลงให้ฮูหยินน้อยอยู่หลายส่วน ยังขยันมาเอาใจพี่สะใภ้จนออกนอกหน้า เพียงเท่านี้ฐานอำนาจฮูหยินก็เป็นรองเพียงท่านแม่ทัพเท่านั้น ไม่สามารถมีใครมาแทนอำนาจฮูหยินผู้นี้ได้เป็นแน่ อยู่รับใช้ตามใจฮูหยินย่อมเป็นผลดีไม่มีทางตกอับ

เมื่อทานอาหารยามเช้าเสร็จแล้ว นายหญิงเจ้าของเรือนก็พาร่างตนไปยังค่ายทหารเพื่อจะไปโรงทำอาวุธอย่างในทุกวัน แต่เพียงขยับกายหมายจะออกจากห้อง คนรับใช้ในเรือนก็เข้ามารายงานว่าคุณชายซางหรูอยากจะพบ

คุณชายซางหรูก็คือ นายช่างหรูที่เป็นหัวหน้าโรงทำอาวุธผู้ไม่มีราศีแห่งความเป็นวัยหนุ่มผู้นั้น

ในคราแรกที่ทราบจากปากคนงานในโรงทำอาวุธซินซีก็ไม่อยากเชื่อนัก และไม่น่าเชื่อไปอีกว่า แท้จริงนายช่างหรูอายุเพียง19ปี

'หน้าไปไกลมาก ไม่รู้สมัยนี้มีสเต็มเซลล์ไหม จะได้ให้นายช่างหรูใช้'

คราแรกก็คิดว่านายช่างหรูหน้าแก่ แต่คนงานบอกว่า ไม่ใช่ นายช่างหรูนั้นใบหน้างดงามเกินไป ใครได้พบเห็นเป็นต้องหลงเข้ากับใบหน้าและเสน่ห์ของนายช่างเหมือนถูกมนตร์สะกด นายช่างรำคาญ จึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนเป็นอย่างที่เห็น

ซินซีจำได้ว่า พอได้ฟังแบบนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึง อยากจะเห็นรูปโฉมงดงามของนายช่างหรูที่เขาเล่าลือกัน จึงเอามีดไปแอบตัดหนวดเคราที่ยาวเฟื้อยของนายช่างหรู ตอนนายช่างหรูหลับกลางวัน โชคดีตรงตัวเองเป็นคนทำอะไรก็เบาเสียง เก่งกาจอย่างกับนักย่องเบา จึงตัดได้เกือบหมด พอเอาออกไปเกือบครึ่งก็เห็นเป็นจริงตามที่เขาว่ากัน

ว่าจะหาอะไรมาโกนให้หมด แต่นายช่างดันตื่นขึ้นมาเสียก่อน เลยอดทำตามที่ตั้งใจไว้ แย่จริงๆ พอตื่นมาแล้ว นายช่างรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองมันโล้นๆเบาๆแปลกๆจึงรีบวิ่งไปหาอะไรมาส่อง พอเห็นใบหน้าของตัวเองเท่านั้นแหละ ก็ร้องคำรามออกมาอย่างกับแมว (สิงโต) โดนทำร้าย พอเข้ามาสอบถาม (ด่า) ซินซี เจ้าตัวก็เลยบอก (โบ๊ย) ไปที่คนงานว่า

‘คนงานบอกว่าถ้าซินซีไม่เชื่อว่านายช่างหรูมีใบหน้างดงาม ก็ให้มาพิสูจน์เอาเอง’

วันนั้นช่วงบ่ายลามไปถึงวันต่อมาและต่อมา ครบสัปดาห์หนึ่ง ทุกคนในโรงทำอาวุธก็ได้รับรางวัลเป็นการทำงานแบบไม่มีหยุดไม่มีพัก นอนอยู่โรงทำอาวุธกันหมด แต่สำหรับซินซีนั้น นางยังคงมีความสุขกินอิ่มนอนหลับอย่างปกติเช่นทุกวันที่ผ่านมา ส่วนนายช่างซางหรูที่ถูกตัดหนวดเคราไปเกือบหมดด้วยสภาพที่เรียกได้ว่า

‘น่าเกลียด’

ด้วยทนดูความทุเรศที่เกิดจากฝีมือของอาซ้อปีศาจไม่ได้จึงไปจัดการตัดและโกนมันออกให้หมด จนใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาสมวัย พอรองแม่ทัพเห็นและได้ยินข่าวก็มาขอบคุณนางเสียยกใหญ่ และยังพาไปเลี้ยงอาหารที่ดีที่สุดอีกต่างหาก ตบท้ายด้วยสินน้ำใจเล็กๆน้อยให้อาซ้อ เห็นได้ชัดเลยว่าการที่นายช่างหรูตัดหนวดโกนเครามีแต่คนได้รับผลดีทั้งสิ้น

กลับมายังปัจจุบันห้องหนังสือ

"เจ้ามาพบข้าเรื่องอะไรรึ หรู?"

นายช่างซางหรู (ที่หล่อแล้ว) นั่งจิบชาพลางเอ่ยตอบคำถาม อาซ้อปีศาจด้วยโทนเสียงเรียบเฉยตามบุคลิก

"ข้าจะพาท่านไปพบคนผู้หนึ่ง"

"ใคร?"

"ไปถึงก็รู้เอง"

"โอเค"

ซินซีตอบตกลงง่ายๆ นางไม่ใช่คนจุกจิก อีกอย่างนายช่างซางหรูก็เป็นพวกประหยัดคำพูดกลัวน้ำลายจะไม่บูดเลยต้องพยายามทำความเข้าใจเสียหน่อย

'โอเค'

ซางหรูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำว่า 'โอเค' อีกแล้วของซินซี ไม่รู้ว่าจริงๆแปลว่าอะไร แต่จากการคาดเดาคงหมายถึง เข้าใจ,ตกลง

ตัวเขาก็ได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม วันนี้ถือว่าได้ฤกษ์

"อะไรคือ โอเค?"

ซางหรูเอ่ยถามซินซี เจ้าของคำพูดแปลกๆได้ฟังก็เกือบหลุดขำออกมา

‘ดีนะที่ห้ามไว้ทัน’

"โอเคหมายความว่าตกลง"

"ตกลง?"

"ใช่" ซินซีพยักหน้ายืนยัน

"แล้วทำไมไม่พูดตกลง?"

"ก็ โอเคมันสั้นสะดวกกว่า" ซินซีอธิบาย

ซางหรูพยักหน้าเอ่ยขึ้น

"โอเค"

"โอเค” ซินซี

"โอเค" ซางหรู

"โอเค"

"โอ-"

"โว้ย! จะไปกันได้หรือยัง"

ซินซีโวยขึ้นก่อนที่นายช่างซางหรูจะพูด คำว่า 'โอเค' อีกครั้งให้ต้องรู้สึกปวดประสาท

"อืม...."

ซางหรูรับคำสั้นๆ แล้วชันเข่าลุกขึ้นยืนหันกลายเดินนำออกไป แต่ยังไม่พ้นประตู ก็หันกลับมาหาซินซียกยิ้มมุมปากขึ้นข้างหนึ่งกวนๆเอ่ยพูดเป็นคำว่า

"โอเค"

ซินซีหน้าตึงขึ้นมาในทันที คล้ายเส้นอารมณ์กำลังจะขาดออกจากกัน กำลังจะอ้าปากพ่นคำด่าออกมา คนที่กวนประสาทก็พาร่างตัวเองออกไปเสียก่อน เลยไม่ได้ยินคำใหม่สุดน่ารัก

"กวนตีน...."

"ร้านหลันเป็นร้านขายอาวุธที่โด่งดังยิ่งในแคว้น หนึ่งในเครือของห้าง ‘เซิงอี้เซิงหลง’ เขาจะรับอาวุธเก่าอาวุธใหม่ที่มีอานุภาพรุนแรงแปลกพิสดาร รวมทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความยอดเยี่ยมของอาวุธ อาวุธแห่งตำนานที่มีเพียงร้านหลันได้รักษาไว้ก็คือ 'กระบี่กล' เป็นกระบี่ที่มีอานุภาพรุนแรง กระบี่ชั้นยอดที่ทำได้ทุกอย่าง ตัวกระบี่จะเปลี่ยนไปตามการสั่งของผู้เป็นเจ้าของคล้ายมันมีชีวิต เรียกได้ว่าใครได้ครอบครองเป็นต้องเก่งกาจในใต้หล้านี้เป็นแน่ แต่ คนที่ได้ครอบครองกระบี่กลเล่มนั้นมีเพียงแค่ 1 คน เท่านั้น คนที่ได้ครอบครอง 'ฉี่เหนี่ยน' กระบี่กลสีนิล ก็คือ ท่านแม่ทัพสะท้านสี่แคว้น ซางเริ่น พี่ใหญ่ข้าเอง กระบี่กลนี้มีข่าวลือว่ามันจะเลือกผู้ครองของมันเอง ต่อให้ร่ำรวยที่สุด หรือมีอำนาจที่สุดถ้ากระบี่ไม่พึงใจ ก็ไม่มีใครครอบครองมันได้ และถ้ามีการแย่งชิง ตัวกระบี่ก็จะนำพาความโชคร้ายมาให้"

"หืม เจ้าจะบอกว่า สามีข้า ท่านพี่ของเจ้าคือผู้ที่ทรงคุณธรรมที่กระบี่ยอมสยบให้ว่างั้น?"

ซินซีถามขึ้น เมื่อนายช่างซางหรูเล่าจบ

ตอนนี้ทั้งสองอยู่บนหลังม้าคนละตัว เพื่อเดินทางไปยังร้าน ขายอาวุธ 'หลัน' ที่ว่า

ร้านนี้อยู่นอกเมืองค่อนข้างไกลพอสมควร จึงต้องเดินทางโดยใช้ม้าเพราะมันจะสะดวกกว่าและรวดเร็วกว่าด้วยทั้งสองต้องเดินทางไปกลับในวันเดียว ระหว่างทาง ซางหรูจึงเล่าความเป็นมาให้ซินซีฟังคร่าวๆ

"ใช่"

ตอบรับทันทีแบบไม่กระดากปาก ซินซีกลอกตามองบน

กระบี่กลนั้นนางเชื่อว่าต้องมีกลไกอะไรสักอย่างให้มันเปลี่ยนรูปได้ แต่ที่นำพาความโชคร้ายฆ่าล้างคนแบบนั้น แถมไอ้ประเภทที่เลือกนายเองอีกบอกเลย

'ไร้สาระอะ'

"นายช่างหรู ข้าไม่เชื่อได้ไหม?"

ซางหรูหันมามองซินซีเล็กน้อยแล้วหันใบหน้าหล่อเหลาแต่ไร้อารมณ์นั้นไปมองทางต่ออย่างไม่ได้สนใจท่าทางไม่เชื่อที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนจนน่าเกลียดนั้น

"ไปถึงก็รู้เอง"

เอ่ยออกมาเท่านั้นก็ฟาดแส้ลงบนหลังม้าห่อตะบึงออกไป

ซินซีหัวเราะแหะๆตามหลังแล้วกระชากบังเหียนให้ม้าวิ่งตามไปเช่นกัน

เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามในที่สุดทั้งสองก็ถึงสถานที่ ที่มีชื่อว่า ร้านหลัน แม้ไม่ค่อยเหมือนร้านในความคิดนัก คล้ายจวนขนาดใหญ่เสียมากกว่า

ซินซีและซางหรูลงจากหลังม้าแล้วยื่นสายคล้องม้าให้เด็กรับใช้จับเพื่อนำไปเก็บ หน้าจวนที่ดูใหญ่พอตัว มีชายชราคนหนึ่งยืนรอพวกเขาอยู่ เมื่อเขาเห็นซางหรูจึงเดินเข้ามาประสานมือคำนับทักทาย

"คาราวะคุณชายซางยินดีที่ได้พบท่านอีกครั้ง"

"เช่นกัน ท่านพ่อบ้านนัง"

ซางหรูประสานมือคำนับตอบ พลางผายมือมาทางซินซีเอ่ยแนะนำนางต่อท่านพ่อบ้านอาวุโส

"นี่ แม่นางซินซี สหายข้า นางสนใจในยอดอาวุธ ข้าจึงพานางมาด้วย"

ซินซีลอบยิ้มถูกใจกับการแนะนำของนายช่างซางหรู ที่รู้ใจปกปิดฐานะให้อย่างที่นางต้องการ โดยไม่ต้องร้องขอ

"คาราวะแม่นางซิน"

ซินซียิ้มให้ชายสูงวัยพร้อมกล่าวทักทายกลับไป

"คาราวะท่านผู้อาวุโสนัง"

ทั้งสองประสานมือคำนับกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก่อนท่านพ่อบ้านอาวุโสของร้านหลันจะเชิญทั้งสองเข้าไปภายในจวน

"เชิญ…คุณชายซางและแม่นางซิน"

ซินซีและซางหรูเดินตามท่านผู้อาวุโสนังเข้าไปในจวน เมื่ออยู่ใกล้กันแล้วซินซีจึงเอ่ยถามขึ้นเบาๆ

"ท่านผู้อาวุโสนังท่านนั้นเป็นใครหรือ แล้วเราจะไปพบผู้ใด?"

"ท่านผู้อาวุโสนังเป็นพ่อบ้านประจำสกุลหลัน พอคุณชายหลันเปิดกิจการขายอาวุธและสร้างอาวุธ ท่านจึงควบตำแหน่งผู้ดูแลไปด้วยส่วนผู้ที่เราจะไปพบคือคุณชายหลันเร๋อ"

"เข้าใจแล้ว"

ซินซีรับคำเสร็จก็กลับไปตั้งใจเดินตามหลังท่านพ่อบ้านนังไปเงียบๆ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณชาย คุณชายซางหรูมาถึงแล้วขอรับ"

ท่านพ่อบ้านพาเรามายังหน้าห้อง ห้องหนึ่ง ดูแล้วคงจะเป็นห้องที่คุณชายหลัน เจ้าของกิจการรอพบเราอยู่ ท่านผู้ใหญ่เคาะประตูสามครั้ง ร้องบอกคุณชายหลันที่อยู่ในห้อง ผ่านไปไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออกโดยสาวรับใช้นางหนึ่ง สาวรับใช้ในชุดเรียบๆสีครีมย่อกายคำนับอย่างเรียบร้อยอ่อนหวาน พลางผายมือเชิญคนทั้งสามเข้ามาในห้อง

ภายในห้องรับแขกตกแต่งอย่างเรียบง่ายและมีความหรูหราพอเป็นพิธีไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นภาพวาดรูปกระบี่ต่างๆ ที่ถูกใส่กรอบทองแขวนไว้บนผนังห้องอย่างดี และตัวคุณชายหลันที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าภาพที่ยังวาดไม่เสร็จภาพหนึ่ง

คุณชายสวมชุดเรียบๆสีขาว มือข้างขวาเรียวสวยเกินกว่าจะเป็นมือของบุรุษนั้นถือพู่กันไว้ในมือ ปลายพู่กันตวัดไปมาเป็นลายเส้นนุ่มนวลชวนให้หลงใหล

คุณชายผู้นี้มีฝีมือวาดภาพดีเยี่ยมระดับเซียน ขนาดตัวซินซียังอดที่จะเอ่ยปากชมลายเส้นคนผู้นี้ไม่ได้

"คุณชายหลันฝีมือวาดภาพช่างงดงามยิ่ง"

คนถูกเอ่ยชมชะงักมือที่กำลังขยับวาดภาพ จากนั้นจึงวางพู่กันลงกับที่เก็บ รับผ้าเช็ดมือจากสาวใช้มาเช็ด ทุกท่าทางที่แสดงออกล้วนลื่นไหลสง่างามต่างจากชุดที่สวมและทัศนียภาพโดยรอบที่เรียบง่าย

คุณชายหลันจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วจึงลุกขึ้นหันกายมาหาร่างทั้งสาม

คุณชายหลันเร๋อท่านนี้ เป็นชายที่ดูสง่างามอย่างคุณชายสูงส่งทั่วไป มีใบหน้าที่งดงามหล่อเหลา กิริยาท่วงท่าก็เรียบร้อย ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งยามริมฝีปากรูปกระจับนั้นคลี่ยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มยิ่งทำให้หัวใจหนุ่มใหญ่สาวน้อย อาจจะรวมไปถึงสาวแก่ในร่างเด็ก ตาพร่าไปเลยทีเดียว

คุณชายท่านนี้ ถ้าถามถึงเรื่องหน้าตานั้นถือว่าหล่อแต่ก็ยังไม่เท่าสามพี่น้องตระกูลซางกับองค์ฮ่องเต้เซวี่ยซินหยางแต่ถ้าถามถึงรอยยิ้ม

'พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง อกอีแม่จะแตก ผู้ชายอะไรยิ้มได้น่ารักน่าเอ็นดูปานนี้เห็นแล้วก็อยากยิ้มตาม'

คุณชายหลันเมื่อหันหน้ามาพบกับแขกทั้งสองแต่สายตาของเขาสะดุดอยู่ที่ร่างดรุณีน้อยรูปโฉมงดงามปานล้มเมืองผู้หนึ่งที่คุ้นตาคล้ายพึ่งได้พบกัน เมื่อคืนที่ผ่านมา

‘ใช่แน่ ใช่นางแน่ๆ เป็นนางแน่แท้’

หลันเร๋อกล่าวในใจอย่างตื่นเต้น

หลันเร๋อ ไม่นึกเลยว่าโลกจะกลมปานนี้ ดีจริงๆตนว่าจะไปตามหาพวกนางอยู่พอดี น้องสี่ก็พานางมาเจอเขาก่อนแล้ว

คุณชายหลันหันหน้าไปยิ้มยินดีให้ซางหรู ที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขาแม้สักนิด แต่กลายเป็นผู้มีบุญคุณสำหรับหลันเร๋อไปเสียแล้ว

เมื่อคืนที่ผ่านมาหลันเร๋อพึ่งกลับจาก เขาซานเหลียง สำนักยอดกระบี่ที่เขาเป็นศิษย์อยู่ เพื่อรับกระบี่กลเล่มหนึ่งของอาจารย์ ท่านเรียกเขาไปเอามันมา รวมทั้งให้เก็บรักษาเป็นอย่างดีจนกว่าเจ้าของที่กระบี่เลือกมารับมันไป พอหลันเร๋อถามว่า

'ใครคือเจ้าของ' อาจารย์ก็เพียงตอบว่า

'ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้เอง'

แต่พวกพรรคซ่งที่ชอบขโมยกระบี่ของอาจารย์ทราบข่าวจึงหมายมาสังหารเขาเพื่อจะชิงกระบี่ไป ตัวเขาที่เดินทางไปคนเดียวจึงเกือบเป็นศิษย์เลวที่ทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายไม่สำเร็จ โชคดีนักที่เจอพวกนาง

ซินซีรู้สึกว่า คุณชายหลันมองมายังนางแปลกๆ

'ซาบซึ้งระคนนับถือ'

หรืออะไรที่มันทำให้ต้องรู้สึกขนลุกขึ้นมา

‘คงจะไม่ได้หลงรักนางหรอกนะ บอกเลยถึงซินซีจะเป็นคนที่สามีไม่รัก แต่เธอก็รักสามีนะ เฮ้ย ไม่ใช่ ผิดคิวๆ ตัวเธอนั้นมีชายในฝันที่คบกันมานานแล้ว แม้จะอยู่ในฝันก็เถอะ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel