บทที่ 9 กระบี่กล
บทที่ 7
กระบี่กล
"คุณชายขอรับ"
ท่านพ่อบ้านร้องเตือนคุณชายหลันเร๋อเมื่อเห็นคุณชายนิ่งนานเกินไปแล้ว
หลันเร๋อกะพริบตาครั้งหนึ่ง คลี่ยิ้มอีกครั้ง ทุกกิริยาล้วนลื่นไหลไม่ได้ดูขัดตาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงกล่าวกับแขกทั้งสองด้วยโทนเสียงนุ่มนวลชวนเคลิบเคลิ้ม
"ขออภัยที่ หลันเร๋อเสียมารยาท เชิญท่านทั้งสองนั่งกันก่อนเถิด"
"ขอบคุณ คุณชาย"
ซินซีเอ่ยขอบคุณแทนซางหรู ก่อนจะพากันไปนั่งยังชุดรับแขกไม้แท้สลักลวดลายมังกรคาบแก้วไว้ตรงกลางของโต๊ะ
ท่านพ่อบ้านเมื่อส่งแขกทั้งสองให้เจ้าของจวนแล้ว จึงขอตัวออกจากห้องเพื่อไปทำงานของตนเองต่อ ภายในห้องนี้จึงเหลือ ซินซี ซางหรู หลันเร๋อ และสาวใช้ไว้คอยรับใช้หนึ่งคน
"แม่นางท่านนี้คือ....?"
หลันเร๋อผายมือมาทางซินซีเพื่อจะถามนามที่เขาอยากรู้ตั้งแต่เมื่อคืน
ซินซีพึ่งนึกขึ้นได้จึงลุกย่อกายคำนับเอ่ยแนะนำตน
"ขออภัยคุณชายหลันที่เสียมารยาท ข้ามีนามว่า ซินซี เป็นผู้ช่วยของนายช่างซางหรูเจ้าค่ะ"
หลันเร๋อฟังจบก็ขมวดคิ้วแปลกใจ หันมามองศิษย์น้องอย่างงุนงง ตัวหรูรับผู้ช่วยหญิงตั้งแต่เมื่อใด แถมอยู่ในจวนแม่ทัพอีก จะกล่าวว่าสตรีตรงหน้าคือสาวรับใช้ ก็มิหน้าเป็นไปได้ ท่วงท่ากิริยากลิ่นอายไปด้วยความสูงศักดิ์เช่นนี้ สตรีหนึ่งเดียวที่น่าจะอยู่ในจวนแม่ทัพในขณะนี้ก็เห็นจะมีแต่----
หลันเร๋อเบิกตากว้าง ในใจล้วนขัดแย้งกัน จะเป็นไปได้อย่างไร องค์หญิงสี่ มิใช่สตรีที่อ่อนหวาน อ่อนโยน บอบบางดังบุปผาหรอกหรือ แต่ถึงข่าวลือจะเป็นเช่นนั้น พอมองทั้งรูปร่างกริยาท่วงท่า และนามของสตรีผู้นี้
'ซินซี เซวี่ยซินซี'
ซินซีเห็นท่าทางของคุณชายหลันแล้วก็รู้สึกเหนื่อยใจจึงเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเบื่อหน่าย
"ตามที่ท่านคิดนั่นแหละ"
จบคำ คุณชายหลันก็ลุกขึ้นคุกเข่าประสานมือคำนับนาง
ปฏิกิริยารุนแรงยิ่ง
"ถวายบังคมองค์หญิงสี่ โปรดลงอาญาที่บ่าวบังอาจล่วงเกินพระองค์"
"ไม่เป็นไรๆ ลุกขึ้นเถอะคุณชายหลัน" ซินซีร้องบอก รู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่ง
หนุ่มคนนี้ เป็นคนจริงจังโดยแท้
"มิได้พ่ะย่ะค่ะ"
‘เฮ้อ’ ซินซีเหนื่อยใจ หันไปหานายช่างหรูที่ยกชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจโดยที่ไม่คิดจะช่วยนางสักนิด เมื่อส่งสายตาให้นายช่างก็มิได้สนใจ จึงจำต้องเอ่ยร้องเรียกอย่างจำยอม
"นายช่างช่วยข้าพูดที"
ซางหรูรู้สึกขบขันอาซ้อปีศาจยิ่งนัก ทหารนับหมื่นนับแสน รวมทั้งพี่รองเขานางยังใช้ความเผด็จการชนะมาได้ แล้วอะไรทำให้ ฮูหยินวิปลาสไม่อยากใช้ความเผด็จการอย่างที่ถนัดกับศิษย์พี่ของเขาผู้นี้
'วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว'
ซินซีพอจะรู้ความขบขันที่นายช่างหรูเป็น เพราะดวงตาที่พราวระยับคล้ายสนุกเสียเต็มประดาของเขาที่ฉายออกมาอย่างชัดเจน แม้ใบหน้าจะยังคงเรียบเฉยดุจกระดาษ A4 ที่ยังไม่ได้แกะใช้ของเขา เมื่อเห็นว่าถ้าอยากให้นายช่างช่วยก็ต้องจ่ายอะไรที่สนุกๆให้เสียก่อน ซินซีจึงยื่นหน้าไปกระซิบเบาๆกับนายช่างว่า
"ข้าแพ้ทางเด็กหน้าตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ นิสัยแบบนี้!"
ซางหรูยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างถูกใจ แล้วจึงกระซิบตอบซินซีว่า
"องค์หญิง---ท่านไม่ควรเรียกใครมั่วซั่ว ว่า 'เด็ก' ถ้าท่านเป็นคนที่ 'เด็ก' ที่สุดหนา"
ซางหรูแสร้งกดเสียงเข้มย้ำคำว่า 'เด็ก' ทุกประโยคที่ต้องลากผ่าน ผู้ที่ถูกบอกว่า เป็น 'เด็ก' หน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งยังคิดในใจ
'หรู เอ๋ย หรู ถ้านายเห็นร่างจริงของฉัน นายจะไม่พูดเช่นนี้'
"คุณชายหลัน ท่านลุกขึ้นเถิด ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก องค์หญิงสี่เดินทางมาอย่างลับๆ หากท่านทำเช่นนี้ จะเป็นการทำให้ความลับแตก"
ซางหรูเอ่ยขึ้นด้วยโทนเสียงสูงต่ำให้ดูคล้ายว่า การมานี้เป็นความลับอย่างยิ่ง หลันเร๋อ ได้ฟังเช่นนั้นก็เงยหน้าถามซินซี
"เป็นเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"ใช่ๆเป็นเช่นนั้น"
ซินซีรีบตอบทันทีเมื่อนายช่างหรูปูมาให้ถึงขนาดนี้
"เช่นนั้น บ่าวต้องขออภัย"
ว่าเสร็จหลันเร๋อก็ยันกลายลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้เช่นเดิม สร้างความโล่งใจให้ซินซีขึ้นมาก
ซางหรูเมื่อเห็นว่าเสร็จเรื่องเจ้าๆนายๆนี้แล้วจึงเริ่มกล่าวถึงสาเหตุที่ตนเดินทางมายังที่แห่งนี้
"ที่ข้ามาที่นี่เป็นเพราะอยากทราบเรื่องกระบี่กลเล่มใหม่ของท่านอาจารย์"
ซินซีเมื่อได้ยินคำว่ากระบี่กลก็หูผึ่งนั่งนิ่งตั้งใจฟังทั้งสองสนทนากันเงียบๆทันที ดูจากกิริยาที่ทั้งสองแสดงออกต่อกัน คงจะไม่ใช่ พ่อค้ากับลูกค้าเป็นแน่ นายช่างหรูผู้ไม่เคยเห็นใครมีหัว บัดนี้ดูเคารพชายผู้นี้อยู่หลายส่วน และยามที่เอ่ยถึง อาจารย์ ก็ให้ความเคารพอย่างหนัก เห็นที ถ้าคิดตามหนังจีนที่เคยดูสองคนนี้คงจะเป็น ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก แต่สำนักอะไรนี่สิ
หลันเร๋อปรายตามามององค์หญิงสี่เล็กน้อย ศิษย์น้องสี่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้า องค์หญิง แปลว่า น้องสี่ไว้ใจพระองค์สินะ
หลันเร๋อและซางหรู เป็นศิษย์พี่น้องร่วมสำนักเดียวกัน นั่นก็คือ สำนักเขาซานเหลียง อาจารย์ของพวกเขามีนามว่า หลงจื่อ ท่านอาจารย์มีสมญานามว่า หลงจื่อ เทพผู้สร้างอาวุธ ไม่มีอาวุธชิ้นไหนที่อาจารย์สร้างไม่ได้ และไม่มีอาวุธชิ้นไหนเมื่อถึงมืออาจารย์แล้วจะซ่อมไม่ได้ อาจารย์เป็นคนปลีกวิเวก ไม่สนใจทางโลก โลกส่วนตัวสูง รับศิษย์ก็ยากยิ่ง ถ้าเทียบกับสำนักอื่นถือว่าน้อยมากแต่ศิษย์ของอาจารย์ก็ล้วนได้รับความรู้อย่างเต็มที่ พวกเขาไม่เพียงซ่อมอาวุธได้ แต่ยังสามารถผลิตยอดอาวุธออกมาได้อีกต่างหาก
หลันเร๋อเป็นบุตรชายตระกูลขุนนางชั้นกลาง ไม่ใหญ่โตและไม่ต่ำต้อย ครอบครัวของเขามีจวนตระกูลหลันอยู่ในเมือง พี่น้องรับราชการกันทั้งสิ้น จะมีแต่ ตัวหลันเร๋อเองที่นอกคอกผันตัวมาเป็นพ่อค้าวานิชขายอาวุธ ทำงานช่าง เป็นศิลปิน ภาพวาดของเขานั้นขึ้นชื่อและเป็นที่ต้องการของหลายคน จนนำไปประมูลเป็นเงินสูงถึง ห้าร้อยตำลึงทอง แม้หลันเร๋อจะเป็นที่นับหน้าถือตาของคนภายนอกแต่สำหรับภายในครอบครัว ความสัมพันธ์กลับไม่ดีนักเพราะตัวเขาเป็นลูกของฮูหยินหลัน ภรรยาเอกของใต้เท้า
หลันซัว ผู้เป็นมิดา เนื่องด้วยเขาไม่รับราชการอย่างที่บิดามารดาวาดหวังแต่กลับไปเป็นพ่อค้าที่ถูกมองว่าต่ำต้อย
กลับมายังปัจจุบัน หลันเร๋อเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงลุกขึ้นเดินไปที่กำแพงที่มีภาพต้นไผ่ติดอยู่บนผนังห้อง
คุณชายหลันแตะที่ภาพวาดเบาๆ ภาพวาดกระดาษก็กลายเป็นแผ่นอิฐรูปต้นไผ่
คุณชายหลันแตะแผ่นอิฐที่เป็นลำต้นข้อหนึ่ง แล้วเลื่อนไปทางขวา จากนั้นก็เปลี่ยนไปจับข้อบนสุดเลื่อนลงมาข้างล่าง แล้วเปลี่ยนจับข้อไม้ไผ่ข้อของอีกต้นเลื่อนไปทางคว้า จับข้อนั้นเปลี่ยนข้อนี้ จนซินซีมองตามแล้วปวดตัว รหัสกลไกที่ทำขึ้นนั้นจะว่าซับซ้อนก็ซับซ้อน แต่จะว่ามั่วซั่วมันก็มั่วซั่ว แต่ละข้อที่ คุณชายหลันจะขยับล้วนเดาทางไม่ออกว่าจะไปต่อในทิศทางใด เหมือนเขานึกอยากจะจับเลื่อนอันไหนก็จับเลื่อนคล้ายไม่ได้คิด กลไกเช่นนี้ถือว่ายากมากเลยทีเดียว เพราะเป็นกลไกเฉพาะที่สร้างตามความนึกคิดของผู้เป็นเจ้าของ คงจะมีแต่ตัวเจ้าของเท่านั้นที่รู้ ถ้าเจ้าของตาย รหัสก็จะตายไปกับเจ้าของ หรือไม่ คนที่เปิดกลไกนี้ได้ก็คงมีแต่ โคลนนิ่งร่างของหลันเร๋อเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องไปลากวิญญาณของเจ้าของกลไกมาบอก ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ไม่สามารถทำได้ คนคิดกลไกลฉลาดมากจริงๆ
"นี่ นายช่างหรู คุณชายเขาเคยเลื่อนผิดบ้างไหม"
ซินซีกระซิบถามซางหรู
เขาพยักหน้าเบาๆเป็นการบอก เห็นอย่างนั้นซินซีก็ตกใจรีบร้องถามผล
"แล้วเป็นอย่างไร?"
ซางหรูเหลือบมองร่างเล็กข้างกายเล็กน้อยแล้วจึงตอบ
"แต่ละข้อต่อล้วนมียาพิษเคลือบไว้ ถ้าเลื่อนถูกกลไกลพิษก็จะไม่ทำงานแต่ถ้าเลื่อนผิด---"
"เช่นนั้น"
ซินซีหันไปมองร่างสูงโปร่งของคุณชายหลันอย่างหวั่นใจ
"ใช่ พี่สามโดนพิษ ขนาดต้องพาไปรักษาถึงบนเขาซานเหลียงที่มีหมอเทวดาอาศัยอยู่ ถึงรอดมาได้ แต่นั้นก็เป็นเพียงพิษที่ไม่เด็ดขาด"
"มีพิษที่เด็ดขาดมากกว่านี้อีกเหรอ?"
ซินซีขยับเข้าไปถามใกล้ๆ เพราะการนินทาเจ้าของเรื่องระยะเผาขนเช่นนี้ ไม่ดีนัก
แต่ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ยินก็ถือเป็นอีกเรื่อง
ซางหรูปรายตามองคนที่สนใจเรื่องนี้จนดูออกนอกหน้า คล้ายเจ้าตัวอยากเห็นพิษที่ว่านั้นหรือเกินพลางเอ่ยตอบ
"มี. ข้อต่อทั้งหมด 50 อัน จะมีข้อต่ออันหนึ่งที่ถ้าเลือนผิดไปโดนมัน พิษรุนแรงก็จะถูกปล่อยใส่ตา แล้วตายทันที จากนั้นก็จะระเบิด ห้องนั้นก็จะถูกปิดตาย"
ซินซีพยักหน้ารับรู้ เป็นจังหวะเดียวกับเสียงทุ้มนุ่มของคุณชายหลันดังขึ้นบอกทั้งสองให้เดินตามเข้ามา
"เสร็จแล้ว ทั้งสองตามข้ามา"
ซินซีที่มัวแต่คุยจนลืมดูว่าประตูลับนั้นเปิดยังไง ได้แต่เก็บความเสียดายไว้ในใจแล้วเดินตามหลังซางหรูไปเงียบๆ
ภายในห้องลับถูกจุดโคมให้สว่างอยู่แล้วราวไฟในโคมไม่เคยดับหรือคุณชายหลันอาจจะมาจุดไว้แล้วก่อนที่พวกตนจะมา ตลอดทางเป็นผนังอิฐสีดำสนิท มีรอยขรุขระบ้างตามธรรมชาติ เพราะไม่ได้ถูกฉาบจนเรียบ
ตลอดเส้นทางไม่ได้มืดนักแต่ก็ไม่ได้สว่างจัด ให้ความรู้สึกเหมือนมาค้นหาสมบัติโบราณมากกว่า เดินมาได้สักพัก ก็พากันหยุดลงตรงห้องกว้างวงกลมห้องหนึ่ง ภายในห้องถูกสร้างไว้เป็นที่เก็บอาวุธชนิดต่างๆ ทั้งเก่าและใหม่ แต่ที่ดูโดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นเพียงกระบี่สีขาวทั้งด้าม ด้ามจับเป็นสีขาว ฝักก็เป็นสีขาว ให้ความรู้สึกสว่างตาเย็นสบาย เป็นกระบี่ที่งดงามละเมียดละไมอย่างหาที่เปรียบมิได้
ซินซีไม่รู้ว่าตนเดินเข้าไปหามันเมื่อไหร่ ได้สติอีกทีก็ตอนที่คุณชายหลันร้องห้ามเสียงดังจนน่ากลัว
"อย่าจับ!!"
แต่หน้าเสียดาย ซินซีจับกระบี่เล่มนั้นไปเสียแล้ว
นางตกใจรีบปล่อยกระบี่ลงที่เดิมแล้วกล่าวขอโทษหลัน เร๋อด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเผลอเสียมารยาท
"ขออภัยข้ามิได้ตั้งใจ"
หลันเร๋อเมื่อเข้ามาตรวจสอบกระบี่ว่าไม่เปลี่ยนแปลงตรงไหนก็คลายใจลง หันมายิ้มอ่อนโยนให้ซินซี
"ข้าขออภัยเช่นกันที่ตวาดพระองค์ แต่กระบี่เล่มนี้เปลี่ยนรูปได้ หากเกิดแตะต้องมันเพียงเล็กน้อยอาจจะบาดเจ็บ แต่คงจะไม่มีอะไร"
"นี้คือ กระบี่กล เหลียนเปี่ยน หรือ พี่สาม?"
ซางหรูเดินเข้ามาสมทบยังกลางห้อง พลางเอ่ยถามถึงกระบี่สีขาวเบื้องหน้า
หลันเร๋อพยักหน้าตอบรับสั้นๆ
"ใช่" ซินซีหันกลับมามองกระบี่ที่ว่าอย่างสนองสนใจมากขึ้น
'นี่หรือกระบี่กล รูปลักษณ์คล้ายกระบี่ทั่วไปแต่มีความงดงามแฝงอำนาจโดดเด่นอย่างประหลาด ไม่น่าคนถึงได้ฆ่าฟันแย่งชิงกันจะเป็นจะตาย ถ้ากระบี่กลสีขาวสวยขนาดนี้ แล้วสีดำสมญานาม กระบี่เลือด นั่นจะงดงามขนาดไหน'
ซินซีนึกอยากรู้ในใจ พาให้นึกถึงผู้ที่ถือกระบี่เล่มนั้นที่นางไม่ได้พบ ไม่ได้ยินข่าวคราวมาหลายเดือนแล้ว
‘ท่านแม่ทัพคงจะหาเมียใหม่ที่ ชายแดนได้แล้ว ฮ่าๆ’
ซินซีคิดในใจเล่นๆ ทั้งยังใช้สายตาสำรวจตัวกระบี่อย่างพินิจพิเคราะห์ อยากจะรู้เสียจริงว่า กระบี่มันเปลี่ยนรูปไปแบบไหนบ้าง
‘เปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิลได้ไหมน้อฮ่าๆ’
"กระบี่เล่มนี้ กลไกเป็นเช่นใดหรือพี่สาม?"
ซางหรูเอ่ยถามหลันเร๋อ กระบี่กลแม้จะเป็นกระบี่กลเหมือนกัน แต่กลไกก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละแบบ
หลันเร๋อผู้ทำหน้าที่เก็บรักษากระบี่กลละสายตาจากกระบี่หยกขาวมามองศิษย์น้องตนพลางเอ่ยตอบ
"พี่ก็ไม่ทราบ แต่อาจารย์บอกว่า เจ้าของคือสตรี"
"สตรี---"
ซางหรูทวนคำหลันเร๋ออย่างคาดไม่ถึงในคำตอบ
"ใช่ แตกต่างจาก ฉี่เหนี่ยน แต่เรื่อง กระบี่อาบเลือดคงจะไม่ต่าง เมื่อคืน ระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่ พี่ถูกดักสังหาร แต่โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้"
ประโยคสุดท้าย หลันเร๋อปรายตามามององค์หญิงสี่ เพื่อที่พระองค์จะได้รู้ตัว แต่ เหมือนความหวังของเขาจะเป็นเพียงลม เมื่อองค์หญิงกลับเอ่ยราวไม่ใช่เรื่องที่ตนมีส่วนเกี่ยวข้อง
"คุณชายหลันโชคดียิ่ง"
'นี่พระองค์จำมิได้หรือขอรับ'
เขาคิดในใจอย่างผิดหวัง
"ผู้ใดที่มาช่วยท่านพี่หรือ?"
หลันเร๋อเก็บสายตาผิดหวังของตนแล้วตอบศิษย์น้องไป
"ไม่ทราบเช่นกัน"
ซางหรูรู้สึกเหมือนศิษย์พี่จะไม่มีกะจิตกะใจจะกล่าวถึงนักจึงเลิกถาม
ซินซีรู้สึกว่าบรรยากาศมันหม่นๆแปลกๆ จึงมองไปรอบๆเพื่อหนีออกจากสถานการณ์นี้ แต่สายตาก็ไปปะทะกับสิ่งที่คุ้นเคยอย่างบังเอิญ
"ปืนลูกซอง"
"ว่าอย่างไรนะ?"
ซางหรูเอ่ยถามซินซี เมื่อเห็นนางพึมพำอะไรสักอย่างออกมา และเมื่อสักครู่เขาก็ได้ยินไม่ถนัดนัก
ซินซีหันมาฉีกยิ้มดีใจอย่างเด็กเจอเรื่องน่าตื่นเต้น พลางชี้นิ้วไปทางซ้ายที่มีอาวุธหนึ่งตั้งอยู่ พร้อมเอ่ยออกมาอย่างปิดน้ำเสียงยินดีไว้ไม่มิด
"ปืนลูกซอง นั่น ที่ข้าเคยร่างแบบให้ท่านดูอย่างไรเล่า นายช่างหรู"
ซางหรูเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตาโต รีบก้าวตามซินซีที่พุ่งไปที่อาวุธที่ว่านั้นก่อนตนแล้ว
"สิ่งนี่ ใครคือผู้สร้างรึ?"
ซินซีชี้ปืนลูกซองที่ประดับบนผนัง หันมาถามหลันเร๋อที่งุนงงกับกิริยาของคนทั้งสอง แต่ก็ยอมตอบโดยดี
"ถ้าหมายถึงสิ่งนั้น ข้าสร้างมันเอง ตอนสมัยยังเป็นหนุ่ม แต่มันใช้การมิได้"
ซินซีไม่ได้สนใจ ประโยคหลัง นางสนใจประโยคหน้ามากกว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นผู้สร้าง ปืนลูกซองรึ ซางหรู และ ซินซีพร้อมใจหันมามองหน้ากันพลางฉีกยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า
"ท่านสนใจจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ พร้อมกับพวกข้าหรือไม่?"
"หาาาา---?"
ชายแดนบูรพา ค่ายทหารสกุลซาง เมืองหวาง
ชายแดนบูรพา เป็นชายแดนฝั่งตะวันออกติดกับ แคว้นเหม่าที่ทำสัญญาสงบศึกกันมาแล้วตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ก่อน อาณาเขตมีภูเขาสูง ธรรมชาติล้วนอุดมสมบูรณ์ หลายปีมานี้ประชาราษฎร์ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนเมื่อหลายเดือนก่อน มีข่าวไม่ดีนัก ว่ามีการสร้างกองกำลังเพื่อก่อกบฏ ทั้งเผาบ้านเผาเมือง จนเป็นเหตุให้ ซางเริ่น แม่ทัพใหญ่สะท้านสี่แคว้น ต้องลงมาประจำพื้นที่เพื่อดูเหตุการณ์และรักษาความสุขสงบให้ชาวบ้าน
ณ ศูนย์บัญชาการ เมืองหวาง
ท่านแม่ทัพซางเริ่นผู้หนีหายภรรยามาได้สองเดือนแล้ว กำลังทำงานอยู่ในห้องของตนอย่างขะมักเขม้น โดยมิได้ทราบข่าวสารอันใดจากเมืองหลวงแม้แต่น้อย เพราะอยากตัดขาดจากข่าวสารภายในจวนสกุลซางของตน แต่เสียงเรียกหน้าห้องก็ดึงให้ต้องหยุดมือจากเอกสารมากมาย เอ่ยอนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา
"เข้ามาได้"
ประตูถูกเปิดออกพร้อมนายทหารร่างใหญ่ร่างหนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมจดหมายที่มักส่งมาก่อนทุกๆห้าเดือน
"มีจดหมายขอรับ"
"ข้ารู้แล้ว ขอบใจมาก"
นายทหารวางจดหมายลงแล้วถอยไปโค้งกายคำนับก่อนจะเดินออกไป
ซางเริ่นปรายตามามองจดหมายสองฉบับ ถอนหายใจเล็กน้อยจึงหยิบทั้งสองฉบับนั้นขึ้นมาดู
ฉบับแรกเป็นจดหมายประทับตรามังกรสีทอง ส่วนอีกฉบับประทับตรามังกรสีแดง เขาพอรู้ว่า ตรามังกรสีทองคือ จดหมายที่กล่าวถึงหมายกำหนดการ การประชุมรวมทุกห้าเดือน จึงมิได้หยิบขึ้นมาแกะอ่าน แต่ตรามังกรสีแดงนั้น ทำให้เขาขมวดคิ้วรูปกระบี่อย่างงุนงง ไม่คิดว่าจะมีส่งมาด้วย
‘หรือจะเป็นสารต่อว่าของฝ่าบาท’
ท่านแม่ทัพถอนหายใจอย่างปลงๆ เตรียมรับคำต่อว่าทุกอย่างโดยดุษณี แต่พอแกะออกอ่าน ในเนื้อความกลับเขียนว่า
'ขอบใจเจ้ามากสหายของข้า ข้ามิผิดหวังเลยที่ส่งแก้วตาดวงใจของข้าให้เจ้าดูแล รีบกลับมาเมืองหลวง เราจะได้ดื่มสุราชมจันทร์ด้วยกัน'
หลังอ่านเนื้อความจบซางเริ่นถึงกับนิ่งงัน
‘เหตุใด ฮ่องเต้ทรงกล่าวเช่นนี้ หรือองค์หญิงมิได้เล่าอันใดให้ ฝ่าบาททรงฟังหรือ เป็นไปไม่ได้ ถึงมิได้เล่า ข่าวคราวก็ต้องไปถึงพระเนตรพระกรรณบ้าง’
"เกิดอะไรขึ้นที่จวนข้า?"
ซางเริ่นพึมพำกับตนเอง ทั้งยังคิดว่า อีกสองเดือน คงได้ทราบความจริงถึงสิ่งที่สงสัย