บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 (1)

วันแรกของการก้าวลงจากตำแหน่งประธานมาเป็นเลขาฯ ให้กับเจ้าของเดอะธาราแกรนด์โฮเทลคนใหม่ทำให้

นีราพรรณแทบไม่อยากมาทำงาน แต่ถ้าให้หยุดงานพักอยู่ที่บ้านเธอก็ต้องคอยหลบสายตาความห่วงอาทรของบิดาที่คอยแวะเวียนมาถามอาการเจ็บป่วยว่าเธอหายดีหรือยัง ระหว่างที่คิดหาหนทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเธอคงต้องหลบหน้าหลบตาบิดาสักพักจนกว่าเธอจะเข้มแข็งมากพอสำหรับการเอื้อนเอ่ยบอกความจริงกับบิดา

เมื่อก้าวออกจากลิฟท์ที่วิ่งมาถึงชั้นบนสุดนีราพรรณก็ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของตนเองพร้อมกับเปิดประตูออกกว้างด้วยความเคยชิน วินาทีต่อมาก็ต้องชะงักงันตัวชาด้วยความอายเมื่อเจ้าของห้องคนใหม่กวาดสายตาจ้องมองมาอย่างเย็นยะเยือกเย้ยหยัน

อานีสต์ขยับกายออกมายืนสังเกตการณ์อยู่ตรงมุมห้อง ในใจรู้สึกสงสารนีราพรรณที่ต้องเจอพายุอารมณ์ของเจ้าเหนือหัวตนเองเล่นงาน

“เดี๋ยว!...จะไปไหนน้ำเหนือ”

เจ้าชายฮารีฟร์สั่งเสียงห้วน เรือนกายกำยำหล่อเหลาลุกขึ้นจากเก้าอี้ใหญ่แล้วสืบเท้าช้าๆ มั่นคงมาหยุดยืนใกล้ชิดกับร่างบางระหง มือร้อนผ่าวกระชากแขนขาวเนียนให้เจ้าตัวหันมาสบตากันพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ

“เมื่อวานเจ้าหายไปไหนมาทั้งวัน”

“ดิฉันลาป่วยครึ่งวัน”

นีราพรรณเอ่ยตอบเสียงแข็งปานกันพยายามทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาของพญาอินทรีโดยไม่คิดหลบตาทั้งๆ ที่ในใจหวาดหวั่นหวาดกลัวจนไร้เรี่ยวแรงแทบทรุดไปกองกับพื้น

“ใครอนุญาตให้เจ้าลาป่วย”

เจ้าแห่งทะเลทรายผู้หาญกล้าก้มหน้าลงมาใกล้กับเรียวปากสีหวาน น้ำเสียงที่เอ่ยถามแข็งกระด้างด้วยความไม่พอใจที่นีราพรรณเอาความเจ็บป่วยที่ไม่เป็นเรื่องจริงมาเป็นข้ออ้างในการหลบหน้าเขา

“ไม่มีใครอนุญาตทั้งนั้น ดิฉันไม่สบายต้องการกลับไปพักที่บ้าน”

นีราพรรณกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด ใบหน้างามลออเชิดขึ้นเอ่ยตอบอย่างท้าทายเจ้านายคนใหม่

“ไหนใบลา ไหนใบรับรองแพทย์”

นัยน์ตาคมกริบ น้ำเสียงทุ้มลึกที่เอ่ยถามอย่างทรงอำนาจพร้อมเชือดเฉือนให้จิตใจอันบอบช้ำได้รับความเจ็บปวดทำให้นีราพรรณต้องเบือนหน้าหนีอยากร่ำไห้ให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอในวันสองวันที่ผ่านมา จะให้เธอเอาใบรับรองแพทย์มาจากไหนก็ต่อเมื่อเธอไม่ได้ไปพบหมอ แต่คนที่เธอไปพบคือแม่ของเธอเองก่อนจะซมซานกลับมาด้วยความชอกช้ำเมื่อได้รับรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของมารดา

“ว่าไงน้ำเหนือ เราถามเจ้าว่าใบรับรองแพทย์อยู่ไหน”

เมื่อนีราพรรณนิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบทำให้เจ้าชายฮารีฟร์ต้องถามย้ำอีกครั้ง เจ้าแห่งทะเลทรายไม่ได้ต้องการสิ่งที่ร้องเรียกหาแต่ต้องการรับรู้ความจริงว่าหญิงสาวหายตัวไปไหนมาบ้าง

คำถามที่ถามย้ำกอปรกับสายตาคมกริบที่ทอดมองบังคับแกมขู่เข็นทำให้นีราพรรณต้องเอ่ยตอบออกมาในที่สุด

“ไม่มี ดิฉันไม่ได้ไปหาหมอ”

“เจ้าบอกว่าป่วยแต่ไม่ไปหาหมอ เจ้ารักษาอาการป่วยของตนเองได้ด้วยหรือ?...”

ถ้อยคำถากถาง สายตาที่จ้องมาอย่างเยาะหยันกำลังทำให้ความอดทนต่อสิ่งกดดันรอบตัวถึงที่สุด หญิงสาวกำมือแน่นสูดลมหายใจเข้าปอดพยายามบังคับไม่ให้ตนเองล้มไปต่อหน้าต่อตาเจ้าชายฮารีฟร์เพราะเธอจะไม่ได้รับความเมตตาปราณีจากเจ้าแห่งทะเลทรายผู้นี้นอกจากการซ้ำเติมให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม

“ดิฉันไม่ได้เป็นหมอ...และอาการปวดหัวแค่เล็กน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปที่โรงพยาบาล ดิฉันหายาทานเองได้”

“ดีนี่!...ปวดหัวแค่นิดเดียวก็ใช้อำนาจของการเป็นอดีตประธานโรงแรมหนีกลับไปบ้าน ต่อไปถ้าหากเจ้าลางานโดยไม่บอกกล่าวเราจะหักเงินเดือนเจ้า”

“จะหักเงินเดือนหรือจะลงโทษด้วยวิธีไหนก็ไม่ต่างไปจากตอนนี้หรอกค่ะ”

ดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำจากการกล้ำกลืนก้อนสะอื้นจ้องมองเจ้าแห่งทะเลทรายโดยไม่ลดละ การที่สมบัติอันเป็นที่รักภาคภูมิใจของพ่อต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนพูดก็ทำกับว่าเป็นการลงโทษชนิดที่เรียกว่าแสนสาหัสอยู่แล้วต่อให้ถูกลงโทษเจ็บปวดไปมากกว่านี้เธอก็ต้องทำใจยอมรับการลงทัณฑ์

แววตาสีหน้าของนีราพรรณที่เรียบเฉยเย็นชาทำเอาเจ้าชายฮารีฟร์เดือดพล่านด้วยความโมโหมือใหญ่กระชากเรือนร่างบอบบางจนปลิวมาปะทะกับอกกว้างแข็งแกร่ง ดูเอาเถอะ?...เขารึอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นกังวลที่เธอหายเงียบไปครึ่งค่อนวันแทนที่นีราพรรณจะขอโทษสักคำก็ไม่มี หนำซ้ำยังเถียงคำฉอดๆ จ้องมองด้วยสายตาเย็นชาทำให้เจ้าแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขาต้องเจ็บปวดใจ

นีราพรรณพยายามขืนกายออกจากกำแพงมนุษย์หนาแข็งแกร่ง ดวงตากลมโตที่ยังแดงก่ำอยู่กวาดสายตามองอดีตห้องทำงานของตนเองด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ห้องทำงานใหญ่มีโต๊ะตั้งอยู่มุมห้องเพิ่มมาอีกตัวซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าเป็นที่

งานของเธอหรือว่าองครักษ์หนุ่มที่ชื่ออานีสต์

“จะสั่งงานหรือยังคะแล้วจะให้ดิฉันนั่งทำงานที่ไหน”

ด้วยรู้ว่ายิ่งถกเถียงกับเจ้าชายผู้นี้ก็ยิ่งทำให้ตนเองถูกเฉือดเชือนด้วยสายตาและคำพูดให้เลือดออกซิบทั่วกาย ขอหลบเลี่ยงความเจ็บปวดให้จิตใจได้พักชั่วขณะหนึ่งเถอะ

เจ้าชายฮารีฟร์รู้สึกขัดเคืองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวดูขัดหูขัดตาไปหมดเมื่อเจอปฏิกริยาแข็งข้อขัดขืนของนีราพรรณหญิงสาวคนเดียวในโลกที่กล้าทำกับเขาเช่นนี้ มือหนาร้อนผ่าวผลักร่างโปร่งบางออกเล็กน้อยจากนั้นก็ชี้นิ้วไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่มุมห้อง

“นั่นที่ทำงานของเจ้าและถ้าหากเจ้าอยากทำงานมากนักเราก็ไม่ขัดศรัทธา เราต้องการสรุปผลการประชุมของเมื่อวานและต้องการรู้ข้อมูลทั้งหมดของโรงแรมแห่งนี้”

“ได้ค่ะ ดิฉันจะทำให้ทุกอย่าง”

นีราพรรณรับคำเสียงแข็ง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเจ้าแห่งทะเลทรายอย่างท้าทาย

“เราต้องการภายใน 2 ชั่วโมง”

เจ้าชายหนุ่มหล่อเหลากำหนดกะเกณฑ์เวลาให้เลขาฯ คนใหม่ ใบหน้าหวานลออ ดวงตากลมโตที่มองมาอย่างต้องการท้าทายอำนาจทำให้เจ้าแห่งทะเลทรายสั่งงานลงไปโดยไม่สนใจว่าคนที่ถูกสั่งจะทำได้หรือไม่ หลังจากสั่งงานเรียบร้อยแล้วเรือนกายกำยำบึกบึนก็ก้าวเท้ายาวๆ กลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง

“ค่ะ รับทราบค่ะ”

นีราพรรณพึมพำรับคำตามแผ่นหลังของเจ้านายคนใหม่ เธอกัดเม้มริมฝีปากแน่นเดินลากเท้าไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานของตน ดวงตาคู่สวยเผยแววเจ็บช้ำเมื่อต้องตกมาเป็นเบี้ยล่างให้กับเจ้าชายฮารีฟร์ เวลาสองชั่วโมงช่างสั้นเหลือเกินสำหรับงานที่เบื้องบนได้สั่งลงมา อย่างว่าแต่สองชั่วโมงเลยต่อให้ทำสองวันเธอก็ทำไม่เสร็จเมื่อวานเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคณะกรรมการแต่ละคนรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง หัวสมองของเธอคิดอยู่แค่เรื่องเดียวคือเรื่องที่มารดาขายโรงแรม

อานีสต์ถอนหายใจยาวด้วยความสงสารนีราพรรณ นี่แค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้นหญิงสาวยังต้องเจอพายุอารมณ์ของเจ้าชายฮารีฟร์อีกมาก จริงๆ แล้วเขาทำรายงานสรุปการประชุมเมื่อวานและวางไว้บนโต๊ะทำงานให้เจ้าชายเรียบร้อยแล้ว แต่ที่เจ้าเหนือหัวของตนออกคำสั่งกับนีราพรรณเช่นนี้คงเป็นเพราะต้องการแกล้งหญิงสาวเสียมากกว่า

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”

ใบหน้างามที่ซึมเศร้าซีดเซียวทำให้องครักษ์อานีสต์เห็นใจขยับกายเข้าไปใกล้เอ่ยถามแผ่วเบาอย่างต้องการช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเธอ

“อานีสต์!...เจ้าว่างมากหรือไง”

น้ำเสียงตวาดห้วนดังก้องทั่วห้องทำงานกอปรกับใบหน้าถมึงทึง นัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองเขม็งแข็งกร้าวเป็นสัญญานส่งให้รับรู้ว่าไม่ควรเข้าไปใกล้นีราพรรณอีก

อานีสต์ยิ้มแห้งๆ ให้เจ้าแห่งชีวิตจากนั้นก็รีบถอยห่างออกมาจากโต๊ะทำงานของเลขาฯ สาวแสนสวยแล้วตรงดิ่งไปหยุดยืนใกล้ๆ กับเจ้าชายฮารีฟร์ที่ยังตีหน้าบึ้งอยู่เหมือนเดิม

“พระองค์มีเรื่องจะรับสั่งหรือเปล่าพะยะค่ะ”

“ไม่มี เจ้ากลับไปที่ห้องทำงานของเจ้าได้แล้ว”

เจ้าชายหนุ่มโบกมือไล่องครักษ์มือหนึ่งที่ยืนนิ่งรอรับคำสั่ง รอจนกระทั่งอานีสต์เดินพ้นจากห้องทำงานแล้วจึงเริ่มเปิดฉากศึกสงครามเย็นเป็นรอบที่สอง

“เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมงกับ 50 นาที งานที่เราสั่งต้องวางไว้บนโต๊ะทำงาน”

“ถ้าหากเจ้าชายจะกรุณาปล่อยให้ดิฉันทำงานคนเดียวเงียบๆ ดิฉันก็จะขอบคุณเป็นอย่างมาก”

เจ้าชายฮารีฟร์คำรามในลำคอด้วยความโมโหฉุนเฉียว เขาไม่ได้ทำตามคำขอของเลขาฯ คนสวยแต่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วสาวเท้ายาวๆ ไม่กี่ก้าวก็เข้ามากระชากร่างบอบบางให้ปลิวมาปะทะอกแข็งแกร่ง

“เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสั่งเจ้าชายอย่างเราและในฐานะของเลขาฯ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งของเราเช่นเดียวกัน”

เจ้าชายฮารีฟร์คำรามชิดกับเรียวปากอิ่มเอิบสีหวาน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาว ปทุมอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่บดเบียดแนบชิดกับแผ่นอกทำให้เจ้าแห่งทะเลทรายตกอยู่ในภวังค์วังวนแห่งความหอมละมุนละไมชักจะเลือนๆ ว่ากำลังคุยกับนีราพรรณในเรื่องใด

นีราพรรณถึงกับน้ำตาตกในกับถ้อยคำประหัตประหารของเจ้าชายผู้นี้ หญิงสาวรวบรวมเรี่ยวแรงผลักคนตัวใหญ่ให้ออกห่างแต่ยิ่งผลักก็ยิ่งถูกกอดรัดแน่นจนขยับกายไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel