4
ในค่ำคืนนั้นสาวงามถูกส่งตัวกลับเรือนจนหมด เหลือเพียงสองสตรีที่ถูกจองจำส่งเข้าไปในคุกหลวง ฉู่หลินซีกับเสี่ยวสี่ถูกเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกนางทั้งสองนั่งในคุกที่มืดและเหม็นอับไปด้วยกลิ่นหูตาย
ฉู่หลินซีจำแววตาน้ำแข็งพันปีของมู่หรงเยว่ได้ นางไม่เคยมีความแค้นต่อเขา เหตุใดเขาจึงมองนางด้วยแววตาน่ากลัวเยี่ยงนี้ แถมยังรีบส่งตัวนางมาที่คุกหลวงอีกต่างหาก
“คุณหนูพวกเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” เสี่ยวสี่ถามอย่างเป็นกังวล
ก้ต้องคงแล้วแต่ฟ้าดินกำหนดแล้วทีนี้
“แล้วแต่ฟ้าดินแล้วกระมัง” นางเอ่ยอย่างหมดหวัง กระนั้นสองนายบ่าวต่างหลับกันคนละมุม ชีวิตของนางคงได้จบสิ้นแล้ว
ยามเช้าในคุกหลวงเวลานี้ สองนายบ่าวเพิ่งได้กินอาหารที่เหล่าทหารนำมาให้ ฉู่หลินซีทอดสายตามองแป้งทอดหยาบๆ สี่ชิ้น เสี่ยวสี่ไม่รอช้านางรีบกัดกินแป้งทอด สาวใช้กินได้คำเดียวถึงกับคายออกมา
“คุณหนูทั้งแข็งทั้งหยาบเจ้าค่ะ”
ฉู่หลินซีไม่สนใจคำสาวใช้ นางรีบกัดกินแป้งทอดอย่างจำใจ จนหมดไปหนึ่งแผ่น “ยามนี้ไม่ใช่ยามที่เราจะเลือกกิน มีให้กินก็กินไปเถอะ”
สาวใช้รีบกินอย่างที่เจ้านายสั่ง อย่างจำใจ
“จะกินอิ่มได้อย่างไร” น้ำเสียงนี้ทำให้ทั้งสองคนหันไปมองผู้ที่มาเยือน ยืนอยู่นอกกรงขัง
“พี่เผย” พี่เผยรู้ได้อย่างไร ว่านางถูกจับมาขังคุก ฉู่หลินซีเห็นเผยอวี้ดวงตาหงส์ของนางทอประกายมีความหวังอีกครั้ง
ดวงหน้าหล่อเหลาราวกับพระโพธิสัตย์มาโปรดนางยิ่งนักเวลานี้ เขาทอดสายตามองหญิงที่เขามีใจคะนึงหา เผยอวี้ไม่คิดเลยว่านางจะโชคร้ายถูกโจรป่าจับไป ในครานั้นเขารีบรุดออกจากเมืองหลวงไปช่วยนางแต่ทว่า ไม่ทันเสียแล้ว นางได้ตกในมือของทางการแล้ว
กระนั้นวันนี้เขาจึงมาเยี่ยมนาง ชายหนุ่มยื่นหมั่นโถวให้นางสี่ชิ้น “ข้ามอบให้เจ้า” ดวงตาของเขามีเลศนัยทำให้นางรับรู้ว่าในหมั่นโถวต้องมีอะไรแน่ๆ
นายทหารชั้นผู้น้อยยืนเฝ้าไม่ห่างจ้องมองพวกนางอย่างไม่กะพริบตา
“เอาล่ะ คุณชายเผยออกไปได้แล้วกระมัง ที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับท่าน” นายทหารชั้นผู้น้อยเอ่ยขึ้น เผยอวี้ไม่อยากจะละสายตาออกจากดวงหน้างามเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องจำใจเขาเหลือบมองนางด้วยหางตาแล้วเดินจากไปอย่างช้าๆ
หญิงสาวถือหมั่นโถวในมือปรายตามองเรือนร่างหนาใหญ่ เดินหายไปในพริบตา นางอยากจะขอบคุณเขาอีกครั้ง
“คุณหนู”
หญิงสาวกลับไปนั่งที่เดิม นางยื่นหมั่นโถวให้เสี่ยวสี่ สาวใช้จอมตะกละรีบกินหมั่นโถวอย่างดีใจ เคี้ยวไปได้สองคำ รีบคายออกมา
“ดูนี่เจ้าค่ะ”
ดวงตาหงส์ของฉู่หลินซีทอประกายดีใจขึ้นมาทันที เมื่อเห็นกระดาษห่อเล็ก เสี่ยวสี่รีบเปิดอ่านสองนายบ่าวดีใจยิ่งนัก ที่อ่านข้อความในกระดาษ
พี่เผยขอบคุณท่านยิ่งนัก
เช้าของวันถัดมานายทหารได้คุมนักโทษนับร้อยนายออกจากเมืองหลวงหยางอัน เหล่านักโทษในชุดขาวเปื้อนเปรอะ ต่างเดินผ่านตลาดกว่าจะถึงประตูเมือง ผู้คนต่างปาข้าวของใส่ ราวกับไล่สุนัขจอนจร ฉู่หลินซีโดนเต็มๆ หัวผักกาดขาวกระทบกับศีรษะนางอย่างแรง
“สมน้ำหน้า” เหล่าฝูงชนต่างเอ่ยขึ้น
เสี่ยวสี่เดินตามหลังผู้เป็นนายอดสงสารมิได้
ฉู่หลินซีท้อใจในชะตาชีวิตที่ตกต่ำของนาง เหล่าทหารได้กันฝูงชนไว้มิใช้ทำร้ายนักโทษ นักโทษทุกคนต่างภาวนาให้ออกจากเมืองหลวงโดยไว
หลังจากออกจากเมืองหลวงมาแล้ว เหล่าทหารพานักโทษมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านทางเหนือที่ใกล้กับเมืองไคเฟิง สองนายบ่าวต่างสบตากัน
“ข้ามิไหวแล้ว” เสี่ยวสี่เอ่ยขึ้นกับเหล่าทหาร
ทหารนายหนึ่งตาเขียวใส่เสี่ยวสี่
“ต้องเร่งเดินทาง มิไหวก็ต้องไหว” นายทหารผู้นั้นตะคอกอย่างแรง
ไม่นานร่างของเสี่ยวสี่ก็ล้มลง ฉู่หลินซีตกใจมิน้อย นางขาอ่อนลงข้างร่างเสี่ยวสี่ “ให้พวกเราพักเถอะ” ฉู่หลินซีเอ่ยขึ้น
นายทหารทอดสายตามองนักโทษแต่ละคน ที่ทำหน้าอย่างอิดโรยจึงอนุญาตให้พักได้ เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป
พวกนางต่างนั่งคนละมุม เสี่ยวสี่กับฉู่หลินซีนั่งพิงที่ต้นไม้ใหญ่ นายทหารต่างดูเวลา เมื่อหมดเวลาพักแล้วนักโทษแต่ละคนเข้าแถว แต่ทว่ามีสองคนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ นายทหารผู้นั้นหมายจะตบหน้า ง้ามือขึ้นตบหน้าเสี่ยวสี่อย่างแรง
เหล่านักโทษต่างสงสารชะตาชีวิตของเสี่ยวสีที่โดนกระทำอย่างแรง แต่ทว่าร่างนางนั้นนอนแน่นิ่ง ราวกับคนได้
“ทำไมยังมิตื่น”
กระนั้นนายทหารจึงเอามืออังใต้จมูกเสี่ยวสี่
“นางตายแล้ว”
นายทหารอีกท่านรีบสาวเท้ามาดูร่างหญิงสาวทั้งสองคน จึงเอามืออังใต้จมูกฉู่หลินซี “นางตายแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรดี”
“คงได้แต่ทิ้งศพพวกนางไว้ที่นี่กระมัง”
พวกเขาคงมิสามารถแบกศพทั้งสองไปได้ คิดได้กระนั้นจึงถีบศพเสี่ยวสี่จนศพนั้นกลิ้งไปไม่ไกลต้นไม่ใหญ่นัก
“ดูท่านางคงจะเหนื่อยตายกระมัง พวกเราเร่งเดินทางไปเมืองไคเฟิงดีกว่า”
กล่าวจบนายทหารต่างเดินนำหน้านักโทษออกไป เหล่านักโทษต่างสงสารพวกนางทั้งสองคนที่ตายระหว่างทางเหลือเกิน
พริบตาเดียวร่างทั้งสองร่างต่างปรือตาขึ้นมา “คุณหนู” เสี่ยวสี่ที่ลุกขึ้นอย่างโอดโอย นางถูกถีบอย่างแรง
ฉู่หลินซียิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดนางก็รอดพ้นเสียที
เรื่องทั้งหมดต้องขอบคุณเผยอวี้ที่ช่วยนาง เมื่อวานนั้นตอนที่เขานำหมั่นโถวมาให้นาง มีข้อความเขียนว่า เขาได้เตรียมแผนสำรองให้นางแล้ว คือให้พวกนางกินยากลั้นลมหายใจ อีกทั้งเมื่อเดินทางมาถึงต้นไม้ใหญ่ จะมีถุงผ้าของสตรีทั้งสองนาง อีกทั้งใบสำมะโนครัวสองใบอยู่ในห่อผ้า
หญิงสาวทั้งสองรีบหาถุงห่อผ้าอย่างเร่งด่วน มีถุงห่อผ้าสองถุงที่ถักทอลายบุปผาอย่างงดงามประณีต
“พี่เผย ข้าขอบคุณพี่ยิ่งนัก ชาติหน้ามีจริง ข้าจะเป็นวัวควายรับใช้ท่าน” ฉู่หลินซีเอ่ยทั้งน้ำตา นางรีบเปลี่ยนอาภรณ์ทันที อาภรณ์ที่นางสวมนั้นเป็นอาภรณ์ที่หยาบกระด้าง สีน้ำเงิน หญิงสาวคิดว่าเผยอวี้ช่างเป็นคนรอบคอบโดยแท้ เขาไม่เลือกเสื้อผ้าอย่างดีให้พวกนาง แต่เลือกเสื้อผ้าที่หยาบกระด้างให้นาง ถือว่าเป็นการปลอมตัวดีที่สุด
ในห่อผ้ามีจดหมายด้วย ฉู่หลินซีไหม่รอรีบช้าคลี่อ่านทันที
น้องฉู่ ข้าได้เตรียมตั๋วเงินให้เจ้าเอาไว้ตั้งตัว อีกทั้งใบสำมะโนครัวสองใบนั้นของเจ้ากับสาวใช้ ต่อไปนี้เจ้าคือ จางซีซี ส่วนสาวใช้เจ้าคือ ไป๋เถา เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีอย่าให้ใครจับได้ ข้ากับเจ้าคงไร้วาสนาต่อกัน
“พี่เผย” หญิงสาวรีบทำลายกระดาษแผ่นนั้นทันที หวนคิดถึงใบหน้าเผยอวี้ เขาช่างดีกับนางนักจากนั้นปรายตามองเสี่ยวสี่
“ไปเถอะ ไป๋เถา” เสี่ยวสี่มองเจ้านายทำไมเรียกนางว่าไป๋เถา
“คุณหนู เหตุใดท่าต้องเรียกข้าว่าชื่อนี้”
“ต่อไปนี้เจ้าคือไป๋เถา สำมะโนครัวใบใหม่ ส่วนข้าคือ จางซีซี ต่อไปเจ้าเรียกข้าว่า คุณหนูจาง”
เสี่ยวสี่กระจ่างแล้ว
“เจ้าค่ะคุณหนูจาง บ่าวไป๋เถาจะจำไว”
จางซีซีได้ยินกระนั้นนางสบายใจขึ้นมาทันที หญิงสาวคลี่ยิ้มให้กับสาวใช้อย่างไป๋เถา ต่อไปนี้คงจะมีแต่จางซีซีกับไป๋เถาเท่านั้น พวกนางมีใบสำมะโนครัวแล้ว อีกทั้งใบหน้านางนั้น เผยอวี้ได้ให้ผงปกปิดหน้าตาที่จริงของนาง จนใบหน้าคล้ำหมอง หาได้มีความงามแต่เดิมไม่
“ข้าดูเป็นอย่างไรบ้าง”หลังจากที่จางซีซี ทาผงปกปิดไปแล้ว ดวงหน้างามหม่นหมองยิ่งนัก
“คุณหนู ใบหน้าท่านไม่งามล้ำเหมือนแต่ก่อนเจ้าค่ะ” ได้ยินคำพูดประโยคนี้ จางซีซีพอใจยิ่งนัก ยิ่งอัปลักษณ์ยิ่งดีต่อนาง
จากนั้นรีบยื่นตลับผงปกปิดให้สาวใช้ทา บัดนี้ไป๋เถาดูอัปลักษณ์กว่าเดิม สองนางบ่าวรีบนำเดินทางทันที
ค่ายทหารที่เมืองไคเฟิง เวลานี้ ท่านแม่ทัพแห่งแว่นแคว้นได้มาประจำการที่เมืองไคเฟิงแทน สองวันมานี้เขามัวยุ่งอยู่กับการฝึกฝนนายทหาร แม่ทัพใหญ่มู่หรงนั้นเพิ่งย้ายมาประจำการที่เมืองไคเฟิง ท่านเจ้าเมืองรีบเข้ามาเยี่ยมเยือนอีกทั้งส่งข้าวของมาให้ท่านแม่ทัพไม่น้อย
มู่หรงเยว่นั่งในห้องโถงของค่ายทหารปรายตามอง ท่านเจ้าเมืองเวยจินที่อ้วนท้วมสมบูรณ์ มาสนทนากับเขาตั้งแต่เช้าเวลานี้จะเที่ยงแล้วยังมิกลับ
“ท่านเจ้าเมือง ช่วงบ่ายข้ามีธุระในค่าย”
เวยอินพอจะทราบเวลา “ข้าน้อยขอตัวลา” กล่าวจบท่านเจ้าเมืองประสานมือคารวะ ชายหนุ่มโบกมือให้นายทหารชั้นผู้น้อยไปส่งหน้าค่าย
เขาตั้งใจจะรอนักโทษหญิงอย่างฉู่หลินซี นักโทษหญิงที่มาที่ค่ายทหารแห่งนี้ ต่างต้องให้บุรุษชำเลาทั้งนั้น สำหรับนางแล้วเขาจะทรมานนางผู้เดียว แค่คิดก็มีความสุขแล้ว มุมปากหนายักยิ้มอย่างสาแก่ใจ แต่ทว่าความคิดนั้นไม่เป็นผล เมื่อนายทหารชั้นผู้น้อยวิ่งเข้ามาแล้วรายงานเขา
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” เขาได้ยินไม่ชัด
“นักโทษหญิงนามว่า ฉู่หลินซีกับสาวใช้ของนาง ได้ตายระหว่างทางขอรับ” เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดนางต้องตายด้วย เขายังมิได้แก้แค้นเสียด้วยซ้ำ
“แล้วศพนางเล่า”
“เอ่อคือว่า ศพนั้นถูกทิ้งในป่าขอรับ”
ถ้านางตายจริง เขาต้องเห็นศพนาง “พาข้าไปเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งพันปี ทำให้ผู้ฟังนั้นหวาดกลัวยิ่งนัก…
เวลานี้ฝนห่าใหญ่ได้ตกลงมา สองนายบ่าวอาศัยอยู่ในวัดแห่งหนึ่งบนเนินเขา ดูท่าวัดนี้ไม่ค่อยมีผู้คนมาบุญเสียด้วยซ้ำ ข้างในวัดรกร้างเป็นอย่างมาก สองนายบ่าวเข้ามาในอารามวัด เห็นทีคืนนี้พวกนางต้องพักอาศัยวัดแห่งนี้