2
“พี่เผยบุญคุณครั้งนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยขึ้น ฉู่หลินซีในคราบหนุ่มน้อย ซึ้งใจเผยอวี้ยิ่งนักที่เขาช่วยเหลือนาง
“น้องฉู่ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน” เขาไม่อาจตัดใจจากนางได้เช่นกัน พิภิบัติใหญ่หลวงครั้งนี้เขาขอให้นางมีชีวิตรอดปลอดภัยก็เป็นพอ ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่เรียงเคียงหมอนกันก็ได้ หากมีวาสนาต่อกันอยู่ไกลแค่ไหนก็คงต้องโคจรกลับมาพบกันอีกคราเป็นแน่แท้
มืองามกุมมือหนาใหญ่พร้อมมอบรอยยิ้มแสนหวานให้เขา เผยอวี้ทอดมองรอยยิ้มที่งดงามราวกับแสงจันทราส่องลงมาให้ความสว่างในหัวใจของเขา
“เช่นกันเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น ทำให้คนฟังอยากจะรั้งนางให้อยู่ข้างกายไปตลอดชีวิตเสียด้วยซ้ำ
กระแสลมพัดผ่านมาพร้อมกับแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง ที่ติดใบหน้ากลมของเสี่ยวสี่ สาวใช้ตัวอวบรีบหยิบมันออก
“คุณหนูแย่แล้ว พวกเขาประกาศถามหาท่านเจ้าค่ะ” ดวงตาของเสี่ยวสี่แทบถลนออกมา มือที่ถือกระดาแผ่นนั้นรีบยื่นให้เจ้านายดู
ฉู่หลินซีจ้องกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย เผยอวี้ไม่คิดว่าทางการจะติดประกาศตามหาฉู่หลินซี
“เจ้ารีบขึ้นรถเกวียนเถอะ” เขาไม่อยากให้นางรั้งอยู่นาน เดี๋ยวพวกทหารมาเห็นเข้าจะแย่เอาได้ สองนายบ่าวรีบขึ้นไปนั่งในรถเกวียนที่เต็มไปด้วยผ้าต่วนหลายผืน สายตาของเผยอวี้มองนางอย่างอาลัยอาวรณ์
รถเกวียนขนผ้านับสิบเกวียนค่อยเคลื่อนย้ายไปทางประตูเมือง สองนายบ่าวนั่งคุดคู้อยู่ภายในรถเกวียนอย่างเงียบๆ ใบหน้างามฉุดคิดถึงเผยอวี้ นางซึ้งน้ำใจเขาจนไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย
“คุณหนูถึงหน้าประตูเมืองแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวมองรอดผ่านช่องสี่เหลี่ยม เห็นทหารนับสิบยืนเฝ้าประตูเมืองหลวงที่ใหญ่โตมโหฬาร
“ขนผ้าไปเมืองไหนรึ” นายทหารเอ่ยถามสารถี
“เมืองไคเฟิงขอรับ”สารถีเอ่ยขึ้น
สายตาของนายทหารนับสิบทอดมองรถเกวียนที่ขนผ้าขนาดสิบเกวียน เดินวนรอบเกวียนไปมา
จังหวะนั้นสองนายบ่าวที่อยู่ในรถเกวียนคันแรกแทบจะหยุดหายใจเพราะกลัวพวกมันจับได้ นายทหารจ้องมองเข้าไปผ้าต่วนที่ซ้อนกันหลายผืน
“ไปได้” คำพูดประโยคนี้ทำให้สองนายบ่าวพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เสียงสารถีบังคับรถเกวียนออกมาจากนอกเมืองหยางอัน
“เรารอดแล้วเสี่ยวสี่” นางเอ่ยกับสาวใช้อย่างดีใจ
“เจ้าค่ะ พวกเรารอดแล้ว” สองนายบ่าวกอดกันกลมในรถม้า
หญิงสาวมองรอดผ้ารูทอดสายตามองกำแพงเมืองหยางอัน ที่นางเติบโตมาจวบจนอายุสิบหกปี ถึงคราที่นางต้องจากเมืองอันเป็นที่รักเสียที
หยางอันที่รัก สักวันหนึ่งข้าคงได้กลับมาอีกครา
แสงสุริยันสาดส่องลงมากระทบใบหน้างาม แพรขนตาหนาราวกับปีกผีเสื้อที่โบยบิน กระพือขึ้นมาอย่าง ช้าๆ ริมฝีปากบางสีแดงสดราวกับผลอิงเถาเอื้อนเอ่ยออกมา “เช้าแล้วรึ”
“ใช่ตื่นๆ มากินข้าวกินปลากัน” สารถีคนที่เปิดพลับผ้าที่ปกพวกนางอยู่นั้นเอ่ยขึ้น
สายตาของฉู่หลินซีเหลือบมองสาวใช้ตัวอวบอย่างเสี่ยวสี่ ที่นอนไม่รู้สึกตัว “เสี่ยวสี่” เสี่ยวได้ยินเสียงเรียกเจ้านายพลันปรือตาขึ้นทันที
สองนายบ่าวรีบลงอย่างรถเกวียน แต่ละคนเมื่อเท้าถึงพื้นถึงกับบิดกายไปมา นั่งคุดคู้ทั้งคืนเหนื่อยแทบแย่
สารถีนับสิบนายนั่งย่างกระต่ายป่าที่หามาได้ สองนายบ่าวนั่งไม่ห่างจากรอบกองไฟนัก กลิ่นกระต่ายป่าย่างชวนให้หิวโหยเหลือเกิน สองนายบ่าวต่างสบตากัน ดูเหมือนส่าสารถีอีกคนจะมองพวกนางออก เขาจึงยื่นกระต่ายย่างให้พวกนางสองไม้
หญิงสาวทั้งสองคนดีใจเป็นอย่างมากพร้อมเอ่ยคำขอบคุณ สองนายบ่าวรีบกินกระต่ายย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย
ที่ที่พวกนางพักอยู่นั้นอยู่ห่างจากลำธารไม่ไกลนัก สองนายบ่าวรีบมุ่งหน้ามาทางลำธาร ที่ใสสะอาด ฉู่หลินซีที่เห็นลำธารไหลไม่รอช้า เรือนร่างอรชรรีบไปใกล้ๆ ฝั่งทันที มือเรียวงาม สัมผัสน้ำที่กระจ่างแล้วตักขึ้นมากระทบกับใบหน้างาม
ช่างเย็นสดชื่นยิ่งนัก
“เย็นจริงๆ” ฉู่หลินซีเอ่ยขึ้นพร้อมพรมน้ำทั่วกาย
“เย็นจริงๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้ตัวอวบทำตามเจ้านาย
หลังจากล้างหน้าเสร็จ พวกนางสองนายบ่าวย่างกรายกลับมาที่พักตามเดิม สารถีบอกว่าพักให้ม้ากินหญ้าเสียหน่อยยามซื่อค่อยออกเดินทางต่อ
กระนั้นสองนายบ่าวจึงนั่งพักที่ต้นไม้ใหญ่ หวนคิดถึงเหตุการณ์ใกล้ยามเช้าในครานั้นที่เหล่าทหารสำรวจตรวจตรารถม้า ทำให้ฉู่หลินซีใจหายเช่นกัน…
เสียงกระบี่กระทบกันอย่างแรง ทำให้ฉู่หลินซีกับเสี่ยวสี่รีบปรือตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เหล่าโจรภูเขานับสิบต่อสู้กัยสารถีขับรถเกวียนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คุณหนูพวกเราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” เสี่ยวสี่เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ฉู่หลินซีไม่คิดเลยว่านางแค่เผลอหลับไปแค่ไม่เกินสองก้านธูปเท่านั้น เหล่าโจรภูเขาก็มาดักปล้นเสียแล้ว
“เสี่ยวสี่หนีเร็ว” ฉู่หลินซีเอ่ยกับสาวใช้ สายตาของนางทอดมองศพสารถีสี่คนนอนตายอย่างกลาดเกลื่อน
นางไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่
สองนายบ่าวลุกขึ้นหมายจะย่องไปเงียบๆ แต่ทว่าไม่รอดพ้นสายตาของพวกโจรภูเขาไปได้ กระบี่จ่อไปที่ลำคองามระหงของสองนายบ่าว
“คิดว่าจะหนีพวกข้าพ้นรึ”
“ลงทุนปลอมเป็นบุรุษ พวกเจ้าไม่อาจรอดพ้นสายตาของข้าไปได้”
ฉู่หลินซีกับเสี่ยวสี่แทบจะหยุดหายใจในช่วงเวลานั้น
โจรภูเขาเก็บกระบี่เข้าฝักจากนั้นซัดไปที่ท้ายทอยของพวกนางทั้งสองคน ฉู่หลินซีเปลือกตาค่อยๆปิดลงภาพนั้นช่างมืดมิดยิ่งนัก…