1
หญิงสาวพลางดิ้นพล่าน นางไม่ยอม นางจะไม่โดนกระทำเยี่ยงนี้ ไม่ต้องการเยี่ยงนี้ นายทหารถกเสื้อขาวขึ้นจากนั้นสองมือขยำเคล้าคลึงยอดปทุมถันอย่างแรง ใบหน้างามเอ่อล้นไปด้วยคราบน้ำตา ฝ่ามือหนาใหญ่กระทบใบหน้างามอย่างแรง
“กรี๊ด!!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างแรง
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ” เสี่ยวสี่เขย่าร่างเจ้านายอย่างแรง
กระนั้นเรือนร่างอรชรพลันลุกขึ้นมา สงบสติอารมณ์ทันที ใบหน้างามชุ่มไปด้วยหยาดเม็ดเหงื่อ หญิงสาวหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้นางแค่ฝันไปหรอกรึ ดวงตาหงส์มองไปที่สาวใช้ใบหน้าซาลาเปาอย่างเสี่ยวสี่
“เสี่ยวสี่” กระนั้นนางรีบดึงสาวใช้เข้ามากอด ด้านเสี่ยวสี่ตกใจไม่น้อย
“ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ” เสี่ยวสี่เอ่ยถามเจ้านาย
“ข้าแค่ฝันร้ายไปเท่านั้น”
“คุณหนูฝันว่าอะไรเจ้าคะ”
เสี่ยวสี่อยากจะรู้ยิ่งนักฝันร้ายอันใดทำให้คุณหนูของนาง กรีดร้องลั่นเรือนเยี่ยงนี้
“ข้าฝันว่าคนตระกูลฉู่ถูกจับไปเป็นทาสเพราะท่านพ่อร่วมมือกับองค์ชายรองคิดก่อกบฏ” เสี่ยวสี่พลางมองใบหน้างามของเจ้านาย ที่ฝันเป็นตุเป็นตะ
“คุณหนูอย่าคิดมากไปเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรมันก็แค่ความฝัน” เสี่ยวสี่ปลอบใจเจ้านาย เรื่องเยี่ยงนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกระตระกูลฉู่เป็นแน่แท้ เพราะอัครเสนาบดีฝ่ายขวาฉู่หวังเป็น ขุนนางมือสะอาดไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับคนโฉด
“ข้าก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น” นางเอ่ยกับเสี่ยวสี่ หลังจากล้างหน้าบ้วนปากผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองนายบ่าวจึงออกมาเดินเล่นที่ตรอกฝูจิ้น ซึ่งเป็นตรอกขายของที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหยางอัน
สองมือของสองนายบ่าวเต็มไปด้วยของกินพะรุงพะรัง ฉู่หลินซีกัดกินถังหู่ลู่อย่างเอร็ดอร่อย พลางเดินเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขกับสาวใช้ตัวกลม นางเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ที่เอาแต่เล่นซุกซนไปวันๆ แค่กินกับเดินตลาดนางก็มีความสุขแล้ว
“หลีกไป”
“หลบไป” เสียงบุรุษชบนหลังม้าห้อตะบึงม้าผ่านตรอกฝูจิ้น สองนายบ่าวรีบหลบข้างทางทันที เหล่าทหารม้ามุ่งไปทางจวนตระกูลฉู่
“เสี่ยวสี่ เหล่าทหารมุ่งไปทางตระกูลฉู่ หรือว่า” แย่แล้วคงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นหรอกนะ หวังว่าความฝันของนางจะไม่เป็นความจริงหรอกกระมัง
ฉู่หลินซีรีบทิ้งของกินในมือมุ่งหน้าไปที่จวนฉู่ราวกับพายุ สาวใช้ตัวกลมไม่รอช้ารีบสาวเท้าตามเจ้านายอย่างเร่งด่วน…
หน้าจวนตระกูลฉู่เวลานี้เกิดความโกลาหลขึ้นเป็นอย่างมาก เหล่าทหารนับสิบนายมีราชโองการยึดทรัพย์ตระกูลฉู่รวมทั้ง จับตัวคนตระกูลฉู่ไปเป็นทาสนอกเมือง สาเหตุมาจากอัครเสนาบดีฉู่สมคบคิดกบฎกับองค์ชายรอง บัดนี้องค์ชายได้นำตัวไปจำคุกแล้ว
ทุกคนในจวนได้ยินเรื่องนี้ต่างเป็นลมจับ ทางด้านฉู่หลินซีกับสาวใช้อย่างเสี่ยวสี่ ที่อยู่ไม่ไกลนักทั้งสองคนต่างตกใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ความฝันของข้าเป็นจริง” ฉู่หลินซีตกใจกับความฝันไม่น้อย ที่มันเป็นความจริง นางจะทำอย่างไรดี ในเมื่อคนทั้งตระกูลถูกจับไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่นางคนเดียวที่ยังไม่ถูกจับ
คิดได้กระนั้นใบหน้างามถึงกับวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย
เสี่ยวสี่เห็นใบหน้างามเจ้านายวิตก สาวใช้อย่างนางก็พลอยกังวลไปด้วย
“คุณหนูพวกเราไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายเผยอวี้ดีหรือไม่เจ้าคะ” คุณชายเผยอวี้ที่เสี่ยวสี่เอ่ยถึงเป็นบุตรชายของ ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายเผยฮัว เผยอวี้เป็นคุณชายใหญ่ของสกุลเผย นิสัยเถรตรงอีกทั้งเป็นคนสุภาพเรียบร้อย เขานั้นมีใจปฎิพัทธ์ต่อ คุณหนูใหญ่สกุลฉู่ อย่างฉู่หลินซีมาตลอด คาดว่าถ้าไม่เกิดเรื่องก่อกบฎขึ้นเสียก่อน เผยอวี้คงได้มาสู่ขอฉู่หลินซีแล้วกระมัง
เวลานี้นางไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งผู้ใดแล้ว สงสัยคงต้องเป็นคุณชายใหญ่สกุลเผยนี่ล่ะตัวเลือกสุดท้ายของนางแล้ว
จวนสกุลเผยเวลานี้ บุรุษรูปงามในอาภรณ์สีน้ำเงินถักทอด้วยผ้าต่วนอย่างดีปักลายนกยูงอย่างงดงามประณีต ทำให้ผู้สวมใส่นั้นดูดีราวกับองค์ชายใหญ่ที่อยู่ในวังหลวง แต่ทว่าผู้ที่สวมใส่นั้นไม่ใช่องค์ชาย แต่เป็นคุณชายใหญ่สกุลเผย
ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวที่กำลังจะจ้องอาหารอันโอชะ จ้องมองกระดานหมากล้อม ที่มีเม็ดหมากล้อมขาวดำเรียงรายเป็นตาข่ายอยู่นั้น สมองของเผยอวี้ขบคิดว่าจะเอาชนะ คุณชายรองเผยหรูได้อย่างไร
“พี่ใหญ่ รีบวางหมากของท่านเสีย” น้ำเสียงหล่อเหลาของคุณชายรองเผยหรูเอ่ยออกมา ทำให้คนฟังปรายตามองน้องรอง ช่างไม่ให้พี่ชายอย่างเขาขบคิดบ้างเลย ว่าจะวางหมากไปทางไหน
ในระหว่างที่คุณชายใหญ่กำลังจะวางหมากสีดำนั้น ได้มีบ่าวชายย่างกรายเข้ามาที่ศาลาแปดเหลี่ยมอย่างเร่งรีบ
“มารดาเจ้าเสียหรือไง วิ่งมารวดเร็วเยี่ยงนี้” แน่นอนคำพูดประโยคนี้ไม่มีทางออกจากปากคุณชายใหญ่เป็นแน่ แต่เป็นคุณชายรองผู้ปากเสียต่างหากที่เอ่ยออกมา ไม่ไว้หน้าเสี่ยวอิ๋น
มือหนาใหญ่ที่คีบหมากสีดำต้องชะงัก แล้วค่อยๆหันใบหน้าหล่อเหลามองบ่าวชายคนสนิท ที่หายใจราวกับสุนัข ที่วิ่งเล่นจนเหนื่อยแล้วค่อยวิ่งมาหาเจ้าของ
ริมฝีปากหนาหยักโค้งของเผยอวี้เอื้อนเอ่ยออกมา “มีอันใดรึ”
เสี่ยวอิ๋นรีบเอ่ยขึ้น “แย่แล้วขอรับ สกุลฉู่ ถูกจับได้ว่าก่อกบฏกับองค์ชายรอง บัดนี้คนสกุลฉู่ทั้งจวนได้ถูกส่งตัวไปเป็นทาสที่นอกเมืองของรับ”
ตอนที่เสี่ยวอิ๋นออกไปซื้อของที่ตรอกฝู่จิ้นเขาได้คิดข่าวลือนี้ อย่างกระฉ่อน เขารีบกลับเข้ามารายงานเจ้านายทันที เพราะคุณชายใหญ่มีใจปฏิพัทธ์คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่
มือที่คีบหมากไว้นั้นถึงกับร่วงหล่นลงมาก เมื่อกี้เขาได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่ คนตระกูลฉู่ถูกให้เป็นทาสนอกเมือง
“เจ้าว่าใหม่อีกทีสิ” เผยอวี้ถามเสี่ยวอิ๋นอีกครั้ง
“พี่ใหญ่ ท่านได้ยินไม่ผิดหรอก บัดนี้คนสกุลฉู่ถูกจับตัวไปเป็นทาสนอกเมือง” เผยหรูเอ่ยขึ้นแทนเสี่ยวอิ๋น
“ข้าจะไปหาหลินซี” กล่าวจบ เผยอวี้หมายจะลุกออกไป แต่ทว่ามือหนาใหญ่ของคุณชายรองเผยหรู รั้งกายคุณชายใหญ่ไว้
“พี่ใหญ่ ใจเย็นอย่างเพิ่งวู่วาม” เผยหรูดูออกว่าพี่ชายนั้นเป็นห่วงคุณหนูใหญ่สกุลฉู่มากแค่ไหน แต่ทว่าไปตอนนี้ไม่สามารถช่วยอันใดได้ รั้งแต่จะทำให้เดือดร้อน
“คุณชายใหญ่เจ้าคะ” สาวใช้โรงครัววิ่งมายังรีบร้อน
“มีอันใดอีก”
“คุณหนูฉู่มาหาท่านตอนนี้อยู่หลังโรงครัวเจ้าค่ะ นางเข้ามาทางช่องลอดหมา”
เมื่อรับรู้ว่าฉู่หลินซีลอดช่องหมาเข้ามาหาเขาสีหน้า ของเผยอวี้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก อย่างน้อยนางก็คิดถึงเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย…
สองนายบ่าวยืนรอที่หลังโรงครัวเพิ่งนางเพิ่งลอดช่องหมามาหยกๆ เนื้อตัวนั้นเปื้อนเปรอะเล็กน้อย โชคดีที่เจอสาวใช้โรงครัง จึงสั่งให้สาวใช้นางนั้นนำความไปบอกคุณชายใหญ่ เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้วทำไมเขายังไม่มาอีก
“หวังว่าสาวใช้นางนั้นจะไม่หลอกพวกเรานะ” ฉู่หลินซีเอ่ยอย่างคิดหนัก
สายตาของเสี่ยวสี่เห็นบุรุษชุดสีน้ำเงินมุ่งหน้ามาทางหลังโรงครัวอย่างเร่งรีบ “คุณหนู คุณชายใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวสี่ชี้ไปทางนั้น ฉู่หลินซีหันไปมองตาม ดวงหน้างามเผยอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“พี่เผย” นางเรียกเขาด้วยความดีใจ
ชายหนุ่มไม่รอช้า เมื่อรู้ว่าสตรีที่รักสุดหัวใจมาขอความช่วยเหลือ เขารีบวิ่งมาหยุดตรงหน้านาง ดวงหน้างามเงยหน้าขึ้น เพระนางสูงแค่เพียงหน้าอกเขา แล้วทอดสายตาหงส์คู่นั้นจ้องมองดูหน้าหล่อเหลา
“น้องฉู่”
“พี่เผยข้ามีเรื่องรบกวนท่าน” เขาจ้องมองเข้าไปในแววตาคู่งามที่ใส่กระจ่าง ราวกับสายธาร ไม่ว่านาง จะขอร้องเรื่องอะไรเขาเต็มใจช่วยนาง
“ข้ารู้แล้ว ตอนนี้เจ้ากำลังลำบาก”
“พี่เผย”
“ข้าจะหาทางให้เจ้าหนีไปนอกเมือง อย่าให้ใครจับได้เป็นอันขาด รอให้เรื่องสงบลงเจ้าค่อยกลับมา”
“ขอบคุณพี่เผยมากเจ้าค่ะ”
“ยามอิ๋นตรอกฝูจิ้น ให้เจ้ากับสาวใช้ปลอมเป็นบุรุษ อาศัยไปกับพ่อค้าผ้าออกไปนอกเมือง เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้ ข้ารู้จักกับพ่อค้าผ้า เจ้ามิต้องกังวล”
สองนายบ่าวได้ยินกระนั้นซึ้งน้ำใจ เผยอวี้ยิ่งนัก
“รบกวนพี่เผยแล้ว”
จากนั้นชายหนุ่มยื่นทองคำแท่งจำนวนหนึ่งให้ “เอาไว้ให้เจ้าไปตั้งตัว”
“พี่เผย” หญิงสาวดีใจเป็นอย่างมาก จึงเผลอกระโดดกอดเขา ลืมเรื่องระหว่างชายหญิงไม่ควรใกล้กัน
ชายหนุ่มตกใจไม่น้อย
“คุณหนู” เสี่ยวสี่เรียกเจ้านายที่ทำอะไรไม่งาม
“ข้าลืม ขอโทษพี่เผยที่เสียมารยาท” หญิงสาวคลายอ้อมแขนออกทันที
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าไปพักที่เรือนคนใช้ก่อนแล้วกัน เมื่อถึงยามอิ๋นข้าจะไปเรียก” สองนายบ่าวรีบเดินตามเผยอวี้มุ่งไปทางเรือนคนใช้ทันที
คืนนั้นเป็นคืนที่หิมะตกหนัก สองนายบ่าวเบียดกันนอนที่เตียง ด้านเสี่ยวสี่นั้นนอนมิหลับนางจึงลุกขึ้น มองดูคุณหนูของนาง นอนสั่นใต้ผ้าห่มราวกับผีเข้าสิง
สาวใช้ผู้จงรักภักดีอย่างเสี่ยวสี่จึงมองผ้าห่มผืนนั้นให้ฉู่หลินซี จากนั้นสายตาของนางเห็นเตาผิงไฟในเรือนนอน สาวใช้ไม่รอช้ารีบจุดไฟให้ความอุ่นในเรือนทันที…
เสี่ยวสี่คิดถึงความลำบากที่อยู่ข้างหน้า คุณหนูของนางกับสาวใช้อย่างนางจะต้องเผชิญเจอ แค่คิดก็เหนื่อยไว้รอแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร นางอยู่เคียงข้างคุณหนู…
รถเกวียนขนผ้านับสิบจอดเรียงรายที่ตรอกฝูจิ้นในยามอิ๋น บรรยากาศช่างเหน็บหนาวยิ่งนักสองหนุ่มน้อยปรายตามองรถเกวียนที่พวกเขาจะต้องขึ้นไปนั่ง กว่าจะถึงเมืองไคเฟิงคงอีกหลายวัน สายตาของบุรุษชุดฟ้าปรายตามองดวงหน้าหล่อเหลาของบุรุษชุดน้ำเงิน