บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 นวด

เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามเย็น ซ่างกวนหว่านเย่ว์เตรียมทำอาหารมื้อเย็นอีกครั้ง วันนี้โจวฉีนำทหารมาช่วยนางหั่นผักก่อเตาไฟ นานวันเข้าก็เริ่มสนิทสนมกันขึ้นมา วันเวลาในค่ายทหารก็ไม่ได้นับว่าเลวร้ายมากเท่าใดนัก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะซ่างกวนหว่านเย่ว์ต่อว่าสตรีนางนั้นไปหรือไม่ ท่าทีของเหล่าภรรยานายทหารหลายคนจึงดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับนางเท่าใดนัก หากไม่เอ่ยวาจากระทบกระเทียบ ก็มองนางด้วยสายตาที่ดูแคลน แต่ซ่างกวนหว่านเย่ว์ก็คร้านที่จะใส่ใจจึงทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ได้ยินไปเสีย

"อาหารมื้อนี้รสชาติดีมากเลยแม่นางซ่างกวน ตั้งแต่มีเจ้าอยู่ในค่ายทหารนี้นับว่าดีไม่น้อยเลย"

โจวฉีเอ่ยด้วยความชอบใจ ซ่างกวนหว่านเย่ว์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ด้านสตรีนางนั้นที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปากก่อนจะเอ่ย

"เห้อ สตรีที่เป็นเชลยคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นที่ชื่นชอบพอของทหารทั้งกองทัพได้เช่นนี้ พวกเจ้าระวังสามีของตนเอาไว้ให้ดีล่ะ!!!"

คำพูดเช่นนี้มีหรือซ่างกวนหว่านเย่ว์จะมองไม่ออกว่ากำลังต่อว่านาง หาว่านางยั่วยวนทหารทั้งกองทัพ อีกทั้งยังเอ่ยวาจาปลุกปั่นสตรีในกองทัพคนอื่นๆให้ระวังสามีตนเอาไว้เกรงว่านางอาจจะไปแย่งสามีพวกนางเอาได้ ซ่างกวนหว่านเย่ว์เริ่มจะทนไม่ไหว ในขณะที่คิดจะโต้เถียงออกไป ก็มีเสียงของคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"เพิ่งรู้ว่าค่ายทหารของข้ากลายเป็นสถานที่เอาไว้สำหรับตีฝีปากของเหล่าสตรีเสียแล้ว พวกเจ้าว่างงานกันมากนักหรือ หรือตายกันไปหมดแล้ว จึงปล่อยให้สตรีของพวกเจ้ามาเอ่ยวาจาน่ารำคาญเช่นนี้ในค่ายทหารของข้า!!!"

ทุกคนที่ได้ยินต่างก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยวาจาใดอีกเลยแม้แต่ครึ่งคำ ซ่างกวนหว่านเย่ว์เงยหน้าไปมองมู่หรงจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักอาหารให้เหล่าทหารต่อไป มู่หรงจิ่งละสายตาจากผู้คนอื่นๆ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับซ่างกวนหว่านเย่ว์

"รีบยกอาหารไปให้ข้า!!"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรีบนำอาหารไปมอบให้เขาที่กระโจม เมื่อเข้ามาถึงนางก็ทำเหมือนเช่นที่เคยทำ นำอาหารวางให้เขาและกำลังจะเตรียมออกไป

"ช้าก่อน"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมามองมู่หรงจิ่งด้วยความสงสัย

"เพคะ"

"กองทัพของข้าไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งตั้งแต่เจ้าเข้ามาก็กลายเป็นเช่นนี้เสียได้ เจ้าอย่าสร้างปัญหาได้หรือไม่"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น นี่เขากำลังกล่าวหาว่านางคือตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอย่างนั้นหรือ

เขายังไม่ทันไต่สวนหาสาเหตุของเรื่อง ก็มากล่าวหานางเช่นนี้เสียแล้ว!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาชั่วขณะ เหตุใดชีวิตของนางจึงต้องพบเจอแต่คนกล่าวหากันนะ

"ข้า เอ่อ หม่อมฉันไม่เคยหาเรื่องผู้ใดก่อน ขอองค์ชายสามโปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเพคะ"

"หึ"

เถียงเก่ง!!!!

มู่หรงจิ่งส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะปรายตามองสตรีตรงหน้าด้วยความรำคาญเล็กน้อย กำลังจะเอ่ยปากด่าทออีกคำรบ แต่เมื่อได้เห็นว่าดวงตาของนางวูบไหวไปมาคล้ายกับจะมีน้ำตาเอ่อคลอ เขาก็เอ่ยวาจาใดไม่ออกอีก

"ไสหัวออกไปเถอะ"

"เพคะ"

เมื่อถูกไล่ออกมาซ่างกวนหว่านเย่ว์ก็ไม่คิดจะอยู่ต่ออีก นางไม่อยากอยู่ใกล้เขาเพราะเกรงว่าเขาจะหาว่านางคิดยั่วยวนเขาขึ้นมาอีก

วันเวลาในค่ายทหารก็ผ่านไปเช่นนี้จนล่วงเลยมาเป็นเวลาสิบวัน เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงอากาศก็ไม่ค่อยร้อนอบอ้าวเท่าแต่ก่อนอีก ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลิตหลายครอบครัวจึงเริ่มออกจากบ้านมาทำงาน เพราะสงครามยังอยู่ในช่วงนิ่งสงบจึงไม่ได้ ชายแดนจึงเข้าสู่ความปกติอีกครา ดอกเบญจมาศเริ่มผลิบานงดงามยิ่งนัก ทำให้ทั่วทุกพื้นที่ดูสดชื่นงดงามขึ้นมาไม่น้อย

ยามนี้มู่หรงจิ่งกำลังเตรียมการทุกอย่างเพื่อเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในเร็ววัน เดิมทีเขาคิดว่าการอยู่ที่ค่ายทหารย่อมสุขสบายมากกว่าเป็นเท่าตัว แต่อย่างไรเมืองหลวงที่นั่นก็ถือว่าเป็นบ้านของเขา จะไม่ยอมกลับไปเลยย่อมเป็นไม่ได้

เพราะสตรีในค่ายทหารล้วนแต่เป็นภรยาของทหารในกองทัพ จะใช้งานพวกนางย่อมไม่สะดวกเท่าใดนัก โจวฉีจึงสั่งให้ซ่างกวนหว่านเย่ว์ไปช่วยเก็บของใช้ของมู่หรงจิ่งก่อนที่เขาจะออกเดินทางเพียงหนึ่งวัน ซ่างกวนหว่านเย่ว์พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบไปจัดการตามที่โจวฉีบอกในทันที

ข้าวของเครื่องใช้ของมู่หรงจิ่งไม่ได้มีสิ่งใดมากนัก ล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ซ้ำๆกันไปมาเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานก็เก็บเสร็จเรียบร้อย ในขณะที่เขากำลังก้าวเดินเข้ามาในกระโจมก็พบกับสตรีน้อยนางนั้นที่กำลังเก็บของให้เขาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามา นางก็เพียงทำความเคารพด้วยท่าทีหาดหวั่น และรีบถอยออกไปในทันที ไม่รู้เพราะเหตุใดมู่หรงจิ่งจึงรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อถูกนางเมินเฉยเช่นนี้

หรือว่าความหล่อเหลาของข้ามันจะลดน้อยลง!

เช้าวันต่อมากองทัพก็ออกเดินทางมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงในทันที เหล่าสตรีคนอื่นๆล้วนได้นั่งบนหลังม้ากับสามีของตน แต่ทว่าซ่างกวนหว่านเย่ว์กลับต้องเดินเท้าตามเหล่าทหารไป มู่หรงจิ่งที่นั่งอยู่ในรถม้าเลิกผ้าม่านหน้าต่างขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูทิวทัศน์โดยรอบ ฉับพลันสายตาของเขาก็มองเห็นซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่กำลังเดินตามมาไม่ห่างจากรถม้าของเขามากนัก หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อใบหน้างดงามแดงระเรื่อด้วยความเหนื่อยล้า มู่หรงจิ่งพลันรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพลันงดงามขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แน่นอนว่าเมืองหลวงย่อมมีสตรีใบหน้างดงามราวเทพธิดาอยู่มากมาย แต่ทว่าหญิงสาวที่งดงามบริสุทธิ์และจับต้องได้เช่นนางนั้นไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยเท่าใดนัก

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ปวดเท้าไม่น้อยแต่นางไม่กล้าปริปากบ่น นับแต่นี้เมื่อเข้าสู่เมืองหลวงแคว้นซีหลงแล้ว นางก็คงไร้หนทางได้กลับบ้านเกิดอีก ชาตินี้จะมีโอดกาศได้กลับไปกราบไหว้หลุมศพของบิดามารดาหรือไม่ก็ยังไม่อาจรู้ได้

เดินทางมาจนถึงยามเย็น ขบวนกองทัพก็หยุดพัก การเดินทางครั้งนี้มู่หรงจิ่งไม่ได้รีบร้อนเท่าใดนัก ซ่างกวนหว่านเย่ว์วางห่อสัมภาระลงก่อนจะลงมือปรุงอาหาร เสื้อผ้าของนางที่ได้สวมใส่ล้วนมาจากโจวฉีที่ช่วยหามาให้ เขาบอกว่าเป็นเสื้อผ้าของเหล่าภรรยาทหารคนก่อนๆ แม้จะเป็นเสื้อผ้าเก่าๆ แต่นางก็ไม่ได้เรื่องมากหรือรังเกียจเลยแม้แต่น้อย

กลิ่นอาหารหอมฉุนลอยอบอวลไปทั่วทั้งพื้นที่ วันนี้นางทำอาหารง่ายๆ เหล่าทหารไปจับปลามาได้ไม่น้อย ซ่างกวนหว่าเย่ว์จึงทำ ปลาดุกตุ๋นมะเขือม่วง และปลาราดน้ำส้มสายชู เมื่อทำเสร็จแล้วจึงตักแบ่งออกมาหนึ่งชุดเพื่อนำไปมอบให้กับมู่หรงจิ่งที่พักอยู่ในรถม้า

"องค์ชายสาม อาหารมาแล้วเพคะ"

"เอาเข้ามา"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์เอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม คนด้านในเอ่ยมาเพียงประโยคสั้นๆ ซ่างกวนหว่านเย่ว์จึงรีบก้าวเดินเข้าไปในรถม้าทันที เมื่อเข้ามาด้านในรถม้าภาพที่นางได้เห็นทำให้หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ ยามนี้มู่หรงจิ่งไม่ได้สวมชุดเกราะเยี่ยงทหารออกรบอีก เขาสวมชุดสีเขียวอ่อน บนศีรษะสวมรัดเกล้าเยี่ยงชายผู้สูงศักดิ์ เขาเอนศรีษะพิงหน้าต่างรถม้าพลางหลับตาคล้ายกำลังครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่ ซ่างกวนหว่านเย่ว์รู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างดูน่ามองจนละสายตาไม่ได้ ชีวิตนี้นางพบเจอบุรุษมาไม่น้อยเพราะออกไปค้าขายกับบิดาอยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าบุรุษที่หล่อเหลาและสูงส่งเช่นเขานั้นนางยังไม่เคยพบเห็นเลยสักครั้ง

นางพยายามเรียกสติตนเองไม่ให้มอง หญิงสาววางอาหารลงตรงหน้าเขา มู่หรงจิ่งลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาคมปรายตามองสตรีน้อยตรงหน้า ก่อนจะเอ่ย

"อาหารหน้าตาไม่เลว เชลยเช่นเจ้านับว่าจับมาไม่เสียเปล่า"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย นางกำลังจะหันหลังเดินออกไปจากรถม้า แต่ทว่ามู่หรงจิ่งกลับเอ่ยเรียกนางขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ซ่างกวนหว่านเย่ว์หันมามองด้วยความสงสัย

"องค์ชายสามมีสิ่งใดที่ต้องการอีกหรือเพคะ"

มู่หรงจิ่งกระแอมไอออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

"เจ้านวดเป็นหรือไม่"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยตอบ

"เอ่อ นวดเป็นเพคะ หม่อมฉันเคยนวดให้บิดา"

"มานวดให้ข้า"

"ห๊ะ!!!"

ท่าทางตกใจราวกับเห็นผีของนางมันทำให้มู่หรงจิ่งชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด เขากระแทกตะเกียบลงกับโต๊ะ ก่อนจะเอ่ย

"ทำไม!!! เพราะข้าหน้าไม่เหมือนบิดาเจ้าหรือ เจ้าจึงไม่เต็มใจนวดให้ข้า"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลนลานขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบเอ่ย

"หาไม่ได้เพคะ หม่อมฉันจะนวดให้เดี๋ยวนี้"

เอ่ยจบนางก็ขยับเข้าไปหาเขาทันที ซ่างกวนหว่านเย่ว์พยายามเว้นระยะห่าง ก่อนจะยื่นมือออกมานวดให้ไหล่ให้มู่หรงจิ่ง มือของนางนุ่มนิ่มแต่กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยเลย นวดดีเสียกว่าไอ้พวกทหารบัดซบด้านนอกนั่นเสียอีก

ซ่างกวนหว่านเย่ว์กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ นางจึงไม่กล้าปริปาก ยามนี้นางหิวข้าวมาก แต่กลับไม่กล้าบอกเขา

จ๊อก!!!

มู่หรงจิ่งที่กำลังหลับตาอย่างอารมณ์ดีพลันขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและหันมามองซ่างกวนหว่านเย่ว์ทันที

"เจ้ายังไม่ได้กินอาหารหรือ"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย มู่หรงจิ่งที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาในทันที

"ไปเถอะ ข้าสบายขึ้นมากแล้ว นี่รางวัลให้เจ้า"

เขาเอ่ยจบก็หยิบก้อนทองเล็กๆโยนมาตรงหน้าของซ่างกวนหว่านเย่ว์ก้อนหนึ่ง หญิงสาวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ย

"เอ่อ ให้หม่อมฉันหรือเพคะ"

"ใช่ ถามมากจริง ไสหัวไปกินข้าวสิ"

ซ่างกวนหว่านเย่วฺ์พยักหน้าด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบหยิบยิบก้อนท้องนั้นมาเก็บเอาไว้ ในขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไป อยู่ๆรถม้าก็เกิดขยับโคลงเคลงเหมือนกับว่าเจ้าม้าด้านนอกจะเกิดพยศขึ้นมา ซ่างกวนหว่านเย่ว์เซถลาเข้ามาหามู่หรงจิ่ง แต่แทนที่มู่หรงจิ่งจะคว้ามือมารับตัวนางเอาไว้ เขากลับถอยหนีด้วยความตกใจ ทำให้ซ่างกวนหว่านเย่ว์ล้มหน้าคะมำ ศีรษะกระแทกกับขอบหน้าต่างรถม้าจนบวมปูด

ให้ตายเถอะองค์ชายสาม!!! ที่ข้าบอกว่าท่านรูปงามราวเทพเซียนก่อนหน้านี้นั้น ข้าขอถอนคำพูดได้หรือไม่ ท่านมันบัดซบที่สุดเลย แล้งน้ำใจเป็นที่สุด!!!

ด้านมู่หรงจิ่งเมื่อเห็นแววตาคล้ายกับกำลังก่นด่าเขาเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคิดในใจ

นางล้มเองแท้ๆ แล้วเหตุใดต้องมามองข้าด้วยสายตากล่าวโทษเช่นนี้ด้วยเล่า

สามหาว!!!!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel