บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ดูแคลน

นับจากวันนั้นซ่างกวนหว่านเย่ว์ก็ไม่ได้อยู่ที่คอกม้าอีก นางได้ไปอยู่ที่โรงครัวแทน ที่นั่นมีห้องที่สามารถนอนได้อยู่หนึ่งห้อง ซ่างกวนหว่านเย่ว์ไม่ได้เรื่องมากเท่าใดนัก ชีวิตของนางเดิมทีก็ลำบากมาไม่น้อย นับจากบิดามารดาตายไปนางก็ถูกไล่มาอยู่ที่ห้องเก็บของในจวน นอนกับพื้นหญ้า เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว นางยังมีชีวิตที่ดีกว่าตอนนั้นอยู่มาก

เหล่าทหารเองก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้นางเท่าใดนัก ในทุกๆวันนางมีงานต้องทำอยู่ไม่น้อย ทั้งซักผ้าทั้งเย็บปะชุนเสื้อผ้า อีกทั้งยังทำอาหารให้เหล่าทหาร ในค่ายเดิมทีก็มีสตรีอยู่ไม่กี่คน ส่วนมากจะเป็นภรรยาของเหล่าแม่ทัพและนายทหารยศสูงที่มาประจำการอยู่ในค่าย พวกนางเป็นสตรีมีหน้ามีตาย่อมไม่หยิบจับงานพวกนี้ โชคดีที่โจวฉี ทหารใต้บัญชาของมู่หรงจิ่งยังส่งคนมาช่วยนางบ้างจึงพอจะช่วยแบ่งเบาลงไปได้บ้าง

"แม่นางซ่างกวนวันนี้มีอันใดให้พวกข้าได้กินบ้าง"

เสียงของโจวฉีดังมาแต่ไกล เขาเองเป็นถึงทหารองค์รักษ์ข้างกายของมู่หรงจิ่ง ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่กำลังล้างถ้วยชามพลันเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อย

"นายท่านโจว วันนี้ข้าน้ำพริกกากหมู ข้าวห่อผัก กับเนื้อตุ๋นเจ้าค่ะ ต้องโทษข้าที่ไม่อาจทำอาหารเลิศรสอย่างที่คนในเมืองหลวงเขากินกัน ต้้องขออภัยท่านด้วย"

โจวฉีที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ตั้งแต่มีนางมาอยู่ในกองทัพก็นับว่าอาหารมีรสชาติดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นเท่าตัว อีกทั้งนางก็ตั้งใจทำงานไม่ได้สร้างความวุ่นวาย เขาจึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย

"ข้าไม่ถือสาหรอก มีให้กินก็ดีมากแล้ว เจ้าอย่าลืมนำอาหารไปให้องค์ชายสามด้วยเล่า"

โจวฉีเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินก็เริ่มอยู่ไม่สุข ทุกวันนางจะต้องนำอาหารไปมอบให้เขา นางกลัวแทบตาย กลัวว่าเกิดนางทำสิ่งใดที่ไม่ถูกใจเข้า เขาจะชักดาบขึ้นมาปาดคอนางจนตายได้

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งทุกข์ใจ แต่จะทำเช่นไรเล่า มันเป้นงานที่นางต้องทำ แค่พวกเขาไม่สร้างความลำบากใจให้เชลยที่ถูกจับตัวมาเช่นนางก็นับว่าดีมากแล้ว

ซ่างกวนหว่านเย่ว์รีบเตรียมสำรับอาหาร ก่อนจะเดินเข้าไปที่กระโจม เหล่าทหารมองเห็นนางจนเคยชินเสียแล้วจึงไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ เพียงตรวจดอาหารก่อนจะให้นางเดินเข้าไปด้านใน ซ่างกวนหว่านเย่ว์เดินเข้ามาในกระโจมก็ได้กลิ่นสุราอ่อนๆโชยมา นางเดินก้มหน้าก้มตานำอาหารเข้าไปวางให้เขา

"อาหารมาแล้วเพคะองค์ชายสาม"

"อืม"

มู่หรงจิ่งยกสุราขึ้นดื่มก่อนจะปรายตามองซ่างกวนหว่านเย่ว์พร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น สตรีนางนี้เป็นอันใดกัน เขาน่ากลัวเหมือนเสือหรืออย่างไรกัน เจอเขาทุกครั้งนางไม่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเช่นนี้

ยามอยู่ที่เมืองหลวงข้าน่ะได้ชื่อว่าเป็นองค์ชายที่รูปงามที่สุดในซีหลงเชียวนะ ตาบอดหรือ!!!

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ไม่ล่วงรู้ถึงความคิดของมู่หรงจิ่งก็คิดว่าที่เขาปรายตาขึ้นมามองนางเป็นเพราะนางทำให้เขาไม่ถูกใจ นางก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อให้รำคาญสายตาของเขาอีก จึงรีบก้าวเดินออกมาจากกระโจมในทันที นางตกใจแทบตาย อยู่ใกล้เขาทีไรนางต้องรู้สึกหวาดหวั่นทุกคราเลย

หลังจากล้างถ้วยล้างชามเรียบร้อยแล้ว นางก็ยกตระกร้าผ้าไปซักที่ริมแม่น้ำ ด้านมู่หรงจิ่งที่เพิ่งจะกินอาหารอิ่มจึงเดินออกมาตรวจตราดูความเรียบร้อยภายในค่ายทหาร ฉับพลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ที่บริเวณริมแม่น้ำ นางยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตน ใบหน้างดงามแดงระเรื่อเล็กน้อย ยามนี้เป็นฤดูร้อนอากาศจะต้องร้อนมากกว่าปกติ แต่นางกลับไม่ปริปากบ่นสักคำเดียวอีกทั้งยังไม่แสดงท่าทีไม่มีเรี่ยวมีแรงเช่นเหล่าสตรีน่ารำคาญในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อย

มู่หรงจิ่งส่งเสียงเหอะออกมา พลางครุ่นคิดว่าเขามีเวลาว่างมากถึงขนาดมานั่งมองสตรีซักผ้าเชียวหรือ

ไร้สาระเป็นที่สุด!!!

ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไปก็พลันได้ยินเสียงตู้มดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่พลัดตกลงไปในน้ำ นางตะเกียกตะกายร้องของความช่วยเหลือ ผ้าที่ซักลอยไปตามกระแสน้ำ มู่หรงจิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปหานางทันที เขาคว้าจับมือของนางเอาไว้ แต่กระแสน้ำแรงเกินไป

"ช่วยด้วย!!! อั๊ก!!"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์สำลักน้ำพลางดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย มู่หรงจิ่งที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"ทหารตายกันหมดแล้วหรือ!!! หาเชือกมาผูกกับต้นไม้ใหญ่แล้วส่งมาให้ข้า ข้าจะดึงตัวนางขึ้นไป!!!"

โจวฉีที่กำลังเคี้ยวซาลาเปาอยู่เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของเจ้านายก็รีบวิ่งมาดู ก่อนจะตกใจเป็นอย่างมาก เขาถึงกับถุยซาลาเปาลงพื้น ก่อนจะรีบสั่งให้เหล่าทหารไปช่วยเจ้านายของตนในทันที แต่ทว่าเพิ่งจะผูกเชือกเข้ากับต้นไม้เสร็จ มู่หรงจิ่งก็ลอยไปตามน้ำพร้อมกับซ่างกวนหว่านเย่ว์เสียแล้ว ยามนี้หญิงสาวหมดสติไปแล้ว มู่หรงจิ่งไม่รู้จะทำเช่นไรจึงทำได้เพียงพาซ่างกวนหว่านเย่ว์ลอยตามกระแสน้ำไป โชคดีทีีมีกิ่งไม้ใหญ่กิ่งหนึ่งยื่นออกมา เขาจึงคว้าจับและพานางกับที่ริมแม่น้ำได้สำเร็จ แม่น้ำเชี่ยวมาก เขาคว้าจับกิ่งไม้เอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็โอบรัดเอวบางของนางเอาไว้ นางซบใบหน้าลงไปที่ไหล่ของเขา มู่หรงจิ่งก้มลงมองสตรีน้อยตรงหน้าคราหนึ่ง ใบหน้าของนางยิ่งได้มองใกล้ๆก็งดงามเหลือเกิน ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด ยิ่งยามนี้ร่างกายเปียกน้ำทำให้เสื้อผ้าแนบลู่ไปกับร่างบางระหง ทำให้เขามองเห็นเรือนร่างอรชรราวกิ่งหลิวนั้นได้อย่างถนัดตา

ให้ตายเถอะ!! สตรีในโลกใบนี้ช่างเป็นสิ่งที่น่ารำคาญจริงๆ!!!

"นี่เจ้า อย่ามาตายในอ้อมกอดข้าเชียวนะ ได้ยินหรือไม่!!!"

เขาเอ่ยจบ ซ่างกวนหว่านเย่ว์ก็ลืมตาขึ้นมา เมื อเห็นว่ายามนี้นางและเขาร่างแนบชิดกันจนน่าหวาดเสียวก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด คิดจะหนี แต่เมื่อเห็นว่ายามนี้นางและเขากำลังติดอยู่ริมแม่น้ำที่เชี่ยวกรากนางก็ไม่กล้าทำสิ่งใดเพราะกลัวจะจมน้ำ

มู่หรงจิ่งที่ได้เห็นว่าดวงตาของนางยามที่มองเขาทั้งหวาดกลัวราวกับเห็นผีก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ยามอยู่ที่เมืองหลวงมีแต่สตรีอยากโผเข้าหาเขาจนเขารำคาญ แต่นางกลับพยายามหลีกหนี

ตาบอดตาถั่วข้ารูปงามจะตายไป!!!

ไม่นานนักโจวฉีก็นำคนมาช่วยได้ทันเวลา เหล่าทหารที่ได้เห็นเรือนร่างบางของซึ่งซ่อนอยู่ใต้ชุดที่เปียกปอนของซ่างกวนหว่านเย่ว์ก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ มู่หรงจิ่งมีหรือจะไม่รู้ความคิดของทหารตน จึงออกปากไล่เหล่าทหารเหล่านั้นออกไปให้หมด ก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกของตนที่เปียกน้ำโยนมาตรงหน้าของซ่างกวนหว่านเย่ว์

"รีบสวมเอาไว้แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย อยู่ที่นี่อย่ามาคิดยั่วยวนทหารของข้าเชียว มิเช่นนั้นข้าจะโยนเจ้าลงน้ำไปอีกครั้ง อย่าคิดว่าข้าใจดีกับเจ้า แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดก็ได้"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย นางยังไม่ได้ยั่วยวนผู้ใดเลยเข้าก็มาว่านางแล้ว ก่อนหน้านี้ที่นางพลัดตกน้ำเพราะหน้ามืดต่างหาก!!!

เมื่อเห็นว่านางไม่ยอมเดินกลับ อีกทั้งยังมีสีหน้าเหมือนรู้สึกผิดอีกทั้งยังสับสนเหมือนไม่เข้าใจ ไม่รู้เพราะเหตุใดมู่หรงจิ่งจึงรู้สึกเวทนานางขึ้นมา

"กลับสิ จะยืนบื้ออยู่ทำไมกัน รอให้ข้าอุ้มเจ้าหรือ ฝันไปเถอะ ก็แค่เชลยนางหนึ่งเท่านั้น!!!"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ไม่เอ่ยสิ่งใด นางเดินตามเขาไปเงียบๆโดยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เมื่อมาถึงห้องก็รีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำงานที่ตนควรจะทำต่อไป

ในขณะที่นางกำลังเก็บกวาดโรงครัว ก็มีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาหานาง ก่อนจะโยนผ้าผืนหนึ่งมาใส่หน้านาง และเอ่ยอย่างดูแคลน

"เสื้อผ้าขาดมันมีรอยขาด เจ้าช่วยปะชุนให้หน่อยสิ ไหนๆก็ถูกจับมาเป็นเชลยเพื่อทำงานพวกนี้อยู่แล้ว คงเต็มใจทำกระมัง"

สตรีนางนั้นดูแล้วมีอายุราวยี่สิบปี นางจำได้ว่าเขาเป็นภรรยารองของแม่ทัพคนหนึ่งในกองทัพ ซ่างกวนหว่านเย่ว์พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด สตรีนางนั้นเบ้ปากมองนาง ก่อนจะเอ่ย

"เจ้าอย่าคิดฝันสูงไปหน่อยเลย องค์ชายสามน่ะสูงส่งราวกับเทพเซียน เขาไม่ชายตาแลเจ้าหรอก อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าน่ะแกล้งตกน้ำเพื่อยั่วยวนองค์ชายสามใช่หรือไม่ หึ นังคนชั้นต่ำ"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ย

"ข้าไม่เคยคิดยั่วยวนผู้ใดและไม่เคยฝันสูง"

สตรีนางนั้นที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะ ก่อนจะเอ่ย

"อย่าทำเป็นเสแสร้งไปหน่อยเลย ข้าน่ะมองออก หึ!!!"

ซ่างกวนหว่านเย่ว์แม้นิสัยจะเป็นคนนิ่งเงียบรักความสงบและไม่ชอบมีปัญหากับผู้ใด แต่ก็ไม้ได้หมายความว่าจะยอมให้ใครมาดูถูกหรือรังแกได้ง่ายๆ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ยกับสตรีนางนั้น

"ที่ท่านมองออก เพราะท่านเองก็เคยใช้วิธีเหล่านี้จนสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นภรรยารองของสามีผู้อื่นได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"

"นี่เจ้า!!!!"

"ข้าจะทำงานแล้ว ผ้าพวกนี้ท่านก็หาคนปะชุนให้เองเถิด ข้าไม่กล้าแตะต้องของของสตรีสูงส่งเช่นท่านหรอก"

พูดจบก็เดินกลับเข้าโรงครัวโดยไม่ชายตามองสตรีนางนั้นอีก สตรีนางนั้นเถียงไม่ออก ทำได้เพียงกระทืบเท้าเร่าๆด้วยความโมโห

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel