ตอนที่ 4 (1)
4
ท่ามกลางแสงสีในยามค่ำคืนเหล่าผีเสื้อราตรีทั้งหลายต่างโบยบินออกมาหาความสุขสำราญ หลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดทั้งวัน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าพ่อนักท่องราตรีอย่างเดชาธร ที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน คืนนี้เขามาพร้อมความโสดสนิท ที่จะมีตลอดนับจากนี้ไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม เนื่องจากแฟนสาวของเขาต้องไปทำงานให้บิดาที่ต่างจังหวัด
“พี่ธรคะ ทางนี้ค่ะ”
หญิงสาวรูปร่างขาวสวยหมวยอึ๋ม ในชุดเกาะอกสีดำรัดรูปแนบเข้ากับลำตัวจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน โบกไม้โบกมือพร้อมกับตะโกนเรียกชายหนุ่มแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทันทีที่ร่างสูงปรากฏตัว
คนถูกเรียกยกยิ้มนัยน์ตาพราวไหวระริกอย่างชอบใจ เมื่อหันไปเจอสาวสวยรูปร่างอวบอั๋นในชุดเซ็กซี่น่าฟัดของคู่ขาคนล่าสุด ที่เขาควงลับๆ มานานหลายปี และนานที่สุดถ้าเทียบกับคนอื่นๆ เดชาธรยืนมองหญิงสาวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ยังไงซะคืนนี้เธอคนนี้ต้องมีทีเด็ดมาเซอร์ไพรส์เขาแน่ แค่คิดก็แทบทนรอไม่ไหว ขายาวๆ จึงรีบสาวเท้าตรงเข้าไปหาหญิงสาวทันที
“คิดถึง...”
เดชาธรเอ่ยเสียงหวาน ขณะทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกันนั้นร่างอวบอัดของหญิงสาวก็ขยับมานั่งเกยอยู่บนหน้าตัก เรียวแขนขาวตวัดโอบรัดต้นคอแข็งแรงพลางเอ่ยต่อว่าชายหนุ่มน้ำเสียงเง้างอด แตกต่างกับสายตาที่สุดแสนจะยั่วยวน
“บอกว่าคิดถึง แต่ไม่ค่อยมาหะ...”
ยังไม่ทันจะพูดจบ...ประโยคต่อจากนั้นก็ถูกกลืนหายไป กับจูบร้อนแรงของชายหนุ่ม ซึ่งฝ่ายหญิงสาวนั้นก็เฝ้ารออยู่แล้วจึงไม่รอช้า ตอบรับโดยการส่งปลายลิ้นเรียวเล็กเกี่ยวรัดปลายลิ้นใหญ่ที่แทรกเข้ามาคว้านหาความหวานซาบซ่านภายในอุ้งปากอุ่น อย่างไม่แคร์สายตาของคนภายในผับ เพราะที่เขาและเธอนั่งอยู่นั้นค่อนข้างส่วนตัว
ดังนั้นร่างอวบอัดก็ไม่อายที่จะขยับกายเบียดเข้าหาร่างใหญ่ ลดมือข้างหนึ่งที่โอบต้นคอของชายหนุ่ม เข้าไปลูบไล้แผ่นอกกว้างภายในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินราคาแพง ซึ่งไม่ต่างกับมือคร้ามใหญ่ที่บีบคลึงสะโพกแน่นแรงๆ ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นไปบีบเค้นเนินอกขาวที่โผล่พ้นออกมาจากชุดเกาะอกรัดรูปสีดำอย่างมันมือ ก่อนอารมณ์พิศวาสที่ก่อตัวขึ้นจะลุกลามมากไปกว่านี้ เดชาธรจึงถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่มือใหญ่นั้นยังคงหยอกเอินอยู่กับเกสรดอกบัวคู่งามที่ดันชุดสวยออกมาบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของมันได้เป็นอย่างดี
สายตาคมเหลือบมองใบหน้ายั่วยวนที่ซบลงตรงไหล่กว้างพร้อมกับเสียงครางแผ่วๆ แข่งกับเสียงเพลงอันอึกทึกครึกโครม ก่อนจะกดยิ้มที่มุมปากริมฝีปากหนาก้มลงไปงับติ่งหูเล็กนั้นเบาๆ แล้วกระซิบเสียงแหบพร่า
“หายงอนพี่ยัง...พอดีพี่ติดงานใหญ่ ปลีกตัวมาไม่ได้เลย คืนนี้พี่จะชดเชยให้ก็แล้วกันนะ ดีไหม”
“พูดจริงหรือเปล่าคะ”
หญิงสาวเอื้อนเอ่ยเสียงสั่นสะท้าน เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสายตาฉ่ำปรือพลางวางมือบางทับมือใหญ่เอาไว้ไม่ให้ลุกล้ำมากไปกว่านี้
“จริงสิ พี่เคยโกหกเราเสียที่ไหนล่ะ...ว่าแล้วพี่ก็อยากจะชดเชยขึ้นมาเสียแล้วสิ”
“บ้า...พูดอะไรก็ไม่รู้ นั่งก้นยังไม่ทันร้อนเลย”
หญิงสาวพูดพลางทุบลงที่อกกว้างอย่างเหนียมอาย
“ก้นไม่ร้อน แต่อย่างอื่นมันร้อนนี่ครับ”
เดชาธรว่าพลางใช่สายตามองสิ่งที่กำลังร้อนแข็งขืนของตัวเอง ที่เบียดอยู่กับต้นขาขาวอวบ
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจ้องความแข็งขืนนั้นด้วยสายตามันวาว ราวกับเธอกำลังจะได้ผจญภัยอันแสนจะท้าทายและสนุกสุดเหวี่ยง
“งะ...งั้นเราก็กลับกันเถอะค่ะ ชักอยากรู้แล้วสิว่าพี่ธรจะชดเชยยังไง”
เสียงหวานสั่นพร่าเอ่ยติดขัดเล็กน้อย เพราะตอนนี้จิตใจและจิตนาการของเธอมันไปไกลถึงเตียงนอนแล้ว
เสียงปิดประตูห้องดังปัง! ตามมาด้วยเสียงกดล็อกประตูดังกริ๊ก! ร่างของสองหนุ่มสาวก็โผเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว เดชาธรบดจูบหญิงสาวอย่างดูดดื่มและร้อนแรง ปลายลิ้นใหญ่และเรียวเล็กเกี่ยวรัดดูดดึงอยู่ในอุ้งปากร้อนซาบซ่าน
“พะ...พี่ธร...อือ...”
เสียงหวานเรียกชื่อชายหนุ่มสั่นสะท้าน เมื่อเดชาธรผละจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไล้ปลายลิ้นชื้นจากต้นคอระหงลงมาเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นก็จัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างขาวอวบ ไม่สนใจว่าเสื้อผ้าราคาแพงนั้นจะมีสภาพเป็นเช่นไร เพราะสิ่งที่เขาให้ความสนใจคือร่างอวบขาวโพลนและหน้าอกสล้าง ปลายลิ้นใหญ่ฉ่ำลากไล้ลงมา จนริมฝีปากหนาได้ครอบครองยอดเกสรของดอกบัวคู่งามเต่งตึง ที่ชูช่อรอรับสัมผัสจากเขา และยิ่งเมื่อเดชาธรตวัดลิ้นหยอกเอินและดูดดึงดอกบัวคู่สวยสลับกันไปมา ร่างหญิงสาวก็ถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วทั้งกาย พร้อมกับหยัดแอ่นหน้าอกขึ้นสู้ นิ้วขาวอวบแทรกและออกแรงดึงกลุ่มผมดำของเดชาธร ที่กำลังลดต่ำลงไปตามเรือนร่างของเธอลงไปเรื่อยๆ อย่างรู้สึกเสียวซ่าน
“พี่ธร...ยะ...ยืนไม่ไหวแล้ว”
เดชาธรช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้านวลแดงก่ำ ดวงตาหวานฉ่ำปรือ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอหลุดเสียงครางออกมา เมื่อนิ้วแกร่งเลื่อนลงไปทักทายกลีบกุหลาบที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำหวาน ก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วลากปลายลิ้นใหญ่ลงไปทักทายจุดไวสัมผัสนั้นแรงๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมาประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่ม พร้อมกับช้อนร่างที่สั่นสะท้านไปวางลงบนเตียงกว้าง โดยที่คนทั้งคู่ไม่ได้ผละออกจากกันเลยแม้แต่น้อย
ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ ขณะไฟพิศวาสของทั้งคู่กำลังลุกโชนได้ที่ เสียงโทรศัพท์ของเดชาธรก็แผดเสียง ตอนแรกชายหนุ่มว่าจะไม่รับ คิดว่าสักพักคนโทรคงจะยอมตัดใจวางสายไปเอง แต่จนแล้วจนรอดเสียงนั้นยังคงดังสร้างความรำคาญใจให้ทั้งเขาและคู่ขา อยู่ไม่ยอมหยุด เดชาธรจึงตัดสินใจยุติกิจกรรมพิศวาสชั่วครู่ แล้วเดินไปหยิบกางเกงที่ถูกถอดกองทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นมาล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ ด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ฮัลโหล” เสียงห้วนกรอกออกไปตามสายอย่างอารมณ์เสีย
“พี่ธรทำไมรับสายศิช้าจังเลยล่ะคะ”
เสียงใสของทรรศิกา ทำให้เดชาธรถึงกับตกใจรีบปรับน้ำเสียงห้วนให้เป็นน้ำเสียงหวานหยดทันที
“อ๋อ...พอดีพี่อาบน้ำอยู่ครับ น้องศิมีอะไรหรือเปล่า นี่พี่รีบวิ่งออกมารับโทรศัพท์ ทั้งที่ยังสระผมค้างไว้อยู่เลยนะเนี่ย”
“อุ๊ย! อย่างนั้นหรือคะ ศิไม่รู้ศิต้องขอโทษด้วยนะคะ ศิแค่จะโทรมาบอกพี่ธรว่าศิเดินทางมาถึงบ้านเพื่อนคุณพ่อแล้ว”
หญิงสาวบอกอย่างรู้สึกผิด ซึ่งต่างกับแฟนหนุ่ม ที่ตอนนี้อารมณ์เสียและค้างสุดๆ ใจแทบไม่อยากจะคุยต่อ อยากตัดสายเพื่อยุติการสนทนากับเธอเดี๋ยวนี้ แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำอย่างที่คิด
“ครับ ได้ยินอย่างนี้แล้วพี่ก็สบายใจ นี่คิดว่าถ้าน้องศิไม่โทรมาพี่กะว่าถ้าอาบน้ำเสร็จจะโทรไปหาอยู่พอดีเลย ไม่อย่างนั้นพี่คงนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงน้องศิแน่ๆ”
ชายหนุ่มเอ่ยคำหวานด้วยน้ำเสียง ที่เริ่มสั่นพร่า เพราะสาวเจ้าที่นอนรออยู่บนเตียงเริ่มจะอดใจรอไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาเล้าโลมคลอเคลีย กระตุ้นชายหนุ่มให้วางสายเร็วขึ้น
“แหม...ดีใจจังที่พี่ธรเป็นห่วง เอาเป็นว่าศิไม่กวนพี่ธรแล้วกันนะคะ ให้พี่ธรไปอาบน้ำต่อแล้วเข้านอนนะคะ”
“ครับฝันดีนะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะไปหาในฝัน”
“แล้วศิจะรอค่ะ พี่ธรก็นอนหลับฝันดีนะคะ”
แค่ทรรศิกาวางสาย เดชาธรก็ปิดเครื่องตัดปัญหาการถูกรบกวน แล้ววางมันทิ้งไว้ปลายเตียงอย่างไม่สนใจ
ก่อนหันไปทิ้งตัวลงนอน ให้หญิงสาวที่ตอนนี้กำลังนั่งค่อมอยู่เหนือร่างใหญ่ของเขา เป็นคนปรนเปรอบทรักอันเร่าร้อนและร้อนแรง
ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ ให้เสียเวลา แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่รอช้า ทาบริมฝีปากอวบอิ่มประกบจูบลงบนริมฝีปากหนา แล้วบดจูบอย่างดูดดื่มเร่าร้อน มืออวบนิดๆ ลากไล้ไปทั่วร่างใหญ่กำยำอย่างชำนาญมือ ก่อนจะตามมาด้วยปลายลิ้นเล็กร้อนที่ลากไล้ลงมา แล้วหยุดตวัดขมเม้มตามจุดต่างๆ ของร่างใหญ่ไปจนถึงความแข็งแกร่งกลางร่างของชายหนุ่ม การเล้าโลมที่ช่ำชองและรู้ใจสร้างความเสียวซ่านให้กับเดชาธรเป็นอย่างมากจนต้องหลุดเสียงครางห้าวแหบพร่าออกมา
“พี่ธร...พร้อมที่จะสนุกหรือยังคะ”
หญิงสาวถามเสียงสั่นพร่า โน้มใบหน้าไปประทับจูบลงบนริมฝีปากหนาอีกครั้ง พร้อมกับเบียดร่างอวบให้หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างใหญ่ จังหวะรักที่ถูกควบคุมโดยหญิงสาวก็เริ่มบรรเลงไปอย่างช้าๆ เพียงไม่นานมันก็ค่อยเปลี่ยนเป็นจังหวะรักที่ร้อนแรงและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ร่างอวบลุกขึ้นขยับสะโพกเบียดเข้าหาความแข็งแกร่งอย่างหนักหน่วงกระชั้นถี่ ใบหน้าสวยแหงนขึ้นพลางส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างร้อนรุ่ม และยิ่งเดชาธรโยกขยับรับจังหวะสอดลึกเข้าไปในร่างสาว มือใหญ่คร้ามบีบเค้นดอกบัวคู่งามสลับกับริมฝีปากและปลายลิ้นร้อนผ่าวที่ตวัดดูดดึงราวกับเด็กทารก ทำให้หญิงสาวต้องใช้มือค้ำไปด้านหลังกับที่นอน เพื่อหยัดรับการรุกรานจากชายหนุ่ม ทั้งจากความแข็งแกร่งด้านล่างและริมฝีปากร้อนผ่าว การสอดประสานที่รุนแรงและเร้าร้อน ภายในของหญิงสาวจึงบีบรัดเป็นจังหวะ ทำให้ความรู้สึกของทั้งคู่ใกล้จะระเบิด
“พะ...พี่ธร...ไม่ไหวแล้ว”
“เร่งจังหวะอีกนิด...ที่รัก”
สะโพกผายแน่นขยับเร่งจังหวะตามคำสั่ง ผมยาวสลวยโบกสะบัดจนไม่เป็นทรงพร้อมกับเสียงกรีดร้อง ประสานกับเสียงห้าวคำรามจากลำคอของชายหนุ่ม บ่งบอกถึงความรู้สึกวาบหวิวเสี่ยวซ่านอย่างรุนแรง เพียงไม่นานร่างทั้งสองก็เกร็งกระตุกไปกับการสอดลึกอย่างหนักหน่วงครั้งสุดท้าย
ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งไม่ต่างกับร่างขาวอวบที่นอนหลับตาพริ้ม หายใจสะท้านเกยอยู่บนร่างใหญ่ อย่างสุขสมอารมณ์หมาย
พอผ่านไปพักใหญ่ไฟพิศวาสที่เพิ่งดับลงก็กุขึ้นอีกมาครั้ง จากฝีมือการเล้าโลมอย่างช่ำชองของหญิงสาว แต่คราวนี้เดชาธรกลับพลิกร่างขาวอวบลงไปบนที่นอน โดยมีร่างใหญ่ของตนคร่อมอยู่ด้านบน หลังจากนั้นเกมรักรอบสองก็บังเกิดขึ้นและดำเนินไปโดยมีชายหนุ่มเป็นผู้ควบคุมเกมไปตั้งแต่ต้นจนจบ และการที่นานๆ ครั้งเดชาธรจะมีโอกาสเป็นอิสระจากสายตาแฟนสาว ดังนั้นบทพิศวาสระหว่างคนทั้งสองจึงใช่ว่าจะจบเพียงแค่รอบหนึ่งหรือสอง แต่มันจะมีรอบต่อจากนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าทั้งเขาและเธอจะหมดแรงกันไปข้างหนึ่ง
เช้ามืดของทุกวันภายในห้องครัว ที่ถูกสร้างขึ้นใต้ถุนบ้าน เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้สอย จะมีเสียงของการทำกับข้าวและพูดคุยกันของแม่ครัวดังสลับกันขึ้นเป็นระยะๆ ในวันนี้ก็ไม่ต่างกันเสียงเหล่านั้นยังคงดังเป็นกิจวัตร แต่ที่ต่างไปก็คือห้องนอนที่เคยว่างมานาน บัดนี้มันได้มีเจ้าของแล้วตั้งแต่เมื่อคืน และที่สำคัญห้องๆ นี้มันอยู่ตรงกับห้องครัวพอดีเป๊ะ เป็นเหตุให้หญิงสาวที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรารมย์ถึงกับสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ร่างสมส่วนพลิกตัวนอนหงายพร้อมกับขมวดคิ้วแล้วกลอกตามองเพดานไปมา ระหว่างนั้นสมองน้อยๆ ของเธอก็กำลังประมวลผลว่าตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่ที่ไหน และเสียงคล้ายกำลังตำอะไรบางอย่างดังโป๊ก! โป๊ก! อยู่ข้างหู ราวกับว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่ในห้องนอนของตัวเอง มันคือเสียงอะไร และตอนนี้สิ่งที่พอจะนึกได้ก็คือเธอได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนของบิดาที่ต่างจังหวัด
“เสียงอะไรเนี่ย...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมมันถึงได้เสียงดังอย่างนี้”
หญิงสาวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน แล้วเอี้ยวตัวหยิบนาฬิกาข้อมือ ที่ถอดออกวางไว้ข้างหมอนขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเพิ่งจะตีห้าร่างสมส่วนก็ล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับลงอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอดพลิกซ้ายก็แล้วพลิกขวาก็แล้ว ขนาดใช้หมอนปิดหู เสียงจากด้านล่างก็ยังเล็ดลอดขึ้นมารบกวนการนอนของเธออยู่เป็นระยะๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้ทรรศิกาจึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่งพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ถ้าอยากจะหลับตอนนี้คงต้องพึ่งยานอนหลับสถานเดียวละมั้ง หญิงสาวคิดพลางเกาศีรษะที่ยุ่งอยู่แล้ว ให้ยุ่งเข้าไปอีก
“เฮ้อ...ไหนๆ ก็ตื่นแล้วลุกเลยก็แล้วกัน ก็ดีนานๆ จะได้ตื่นแต่เช้ากับเขาเสียที”
หญิงสาวพูดพลางจัดเก็บที่นอนให้เข้าที่ ก่อนจะลงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรียกความสดชื่น หลังจากนั้นก็ขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่อง ซึ่งก่อนจะเดินทางมาที่นี่ เมื่อรู้ว่าจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ท้องไร่ท้องนา เธอจึงเตรียมมาเฉพาะเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ สบายๆ อย่างพวกเสื้อยืดกางเกงยีนและกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ มาเต็มกระเป๋า
ใช้เวลาไม่นานร่างสมส่วนก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงยีนขาสั้นเสมอเข่า ทรรศิกาสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องหรือหลงลืม จึงออกจากห้องแล้วเดินลงมาข้างล่างตรงไปที่ห้องครัว ต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องตื่นก่อนเวลาอันควรทันที
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เสียงทักที่ดังมาจากประตู พร้อมกับการปรากฏตัวของสาวสวยแปลกหน้า ทำให้ทุกคนในห้องครัวหันไปมองทรรศิกา แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ว่าเธอคนนี้เป็นใคร เว้นแต่นางรดาที่เป็นเจ้าบ้าน เมื่อหันมาเจอหญิงสาวนางก็คลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยทักเป็นคนแรก
“อ้าว หนูศิตื่นแล้วหรือจ๊ะ ตื่นมาทำไมแต่เช้าเชียว”
หญิงสาวส่งยิ้มหวานแทนคำตอบ ขณะเดินเข้ามาข้างใน จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าตื่นเพราะเสียงจากห้องครัวนี่แหละ
“ต๊าย นี่เหรอแม่รดา คนที่แม่รดาบอกว่าจะมาพักที่นี่ หน้าตาสวยจังเลย ดูผิวสิขาวผ่องเป็นยองใยสมกับเป็นคุณหนูมาจากกรุงเทพจริงๆ ชื่ออะไรจ๊ะแม่คุณ”
“ชื่อศิค่ะ เป็นลูกสาวของเพื่อนน้ารดากับน้าภพค่ะ จะมาพักอยู่ที่นี่เดือนหนึ่ง...ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับพูดฝากฝังตัวเองเสร็จสรรพอย่างไม่ถือตัว สร้างความประทับใจและเอ็นดูให้กับนางลำไยไม่น้อย
“ยินดีเลยจ้ะ อยากรู้อะไรถามได้ไม่ต้องเกรงใจนะคนกันเองทั้งนั้น เอ้อ...นี่ลูกสาวป้าชื่อลูกปัด ไหว้พี่เขาซะสิลูกปัด”
หญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งหั่นเนื้อหมูอยู่เงยหน้าขึ้นมองทรรศิกานิดหนึ่ง ก่อนหญิงสาวจะยกมือไหว้แบบขอไปทีตามคำสั่งของมารดา ซึ่งทรรศิกาก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้ม ไม่สนใจแววตาและสีหน้าดูไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย ที่ฉายออกมาอย่างเปิดเผย เพราะตอนนี้เธอสนใจกับสิ่งที่ทุกคนกำลังทำมากกว่า
“อืม...ทุกคนมีอะไรให้ศิช่วยไหมคะ” หญิงสาวถามพร้อมกับชะเง้อคอมองคนนั้นทีคนนี้ที อย่างสนใจ
“อย่าลำบากเลย หนูศินั่งดูเฉยๆ ก็พอแล้วละ”
“แต่ศิอยากช่วยนี่คะ และอีกอย่างน้ารดาก็รับปากศิแล้ว ว่าจะสอนศิทำกับข้าวห้ามผิดสัญญาด้วย”
หญิงสาวทำแก้มป่องพูดทวงสัญญากับนางรดา อย่างไม่เคอะเขิน เพราะเมื่อวานทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ ราวกับรู้จักกันมานานหลายปี
“งั้นหนูศิช่วยล้างมะเขือแล้วเอามาหั่นก็แล้วกันนะจ๊ะ น้าจะทำแกงเขียวหวาน หั่นแล้วแช่น้ำไว้เลยนะเดี๋ยวมะเขือจะช้ำมันจะไม่น่าทาน”
นางรดาสั่งก่อนจะหันไปสนใจหม้อแกงที่ตนกำลังปรุงรสอยู่ โดยหลงลืมไปว่าคนที่นางสั่งงานเป็นแม่ครัวมือใหม่ ที่ถือว่าใหม่เอามากๆ
“ค่ะ”