บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 – ยิ่งนับวันยิ่งทรมานใจ

ตามร่างกายของกลิ่นจันทร์เต็มไปด้วยร่องลอยของธรรพ์ เขาคือสามี เขาคือเจ้าบ่าว เขาคือผู้ชายคนเดียวที่หล่อนรักมาตลอด แต่ตอนนี้เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความรักของตัวเองนั้นรักถูกคนหรือเปล่า กลิ่นจันทร์กอดตัวเองแน่นอยู่บนเตียงแล้วเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“ใครคะ?” เธอร้องถามคนที่เคาะประตูห้อง

“แม่เองลูก” คุณนายผิงส่งเสียงร้องตะโกนตอบกลับมาด้วยรู้ดีว่าห้องนี้เก็บเสียงดีมากจึงร้องตะโกนตอบกลับมาดัง

“คุณแม่เหรอคะ” เธอรีบมองหาชุดตัวเองแล้วก็เห็นชุดเจ้าสาวแสนสวยที่ถูกทิ้งข้างเตียงอย่างไร้ค่าก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบลุกกอดผ้าห่มห่อตัวเองเดินไปเปิดประตูห้อง แม้จะลำบากด้วยแข้งขาอ่อนแรงและเจ็บกลางกายความเป็นสาวยามขยับตัวและก้าวเดินก็ตามแต่

แอค!

ประตูบานใหญ่ถูกเปิดกว้างออกพร้อมกับเจ้าของห้องและผู้มาหาที่ยืนส่งยิ้มให้ตัวเองอยู่หน้าห้อง

“เป็นอะไรรึเปล่าลูก เนี่ยก็บ่ายโมงแล้วนะหนูจันทร์” นางถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเช้ากลิ่นจันทร์ไม่ได้ตื่นลงไปใส่บาตรกับตัวเอง พอให้เด็กขึ้นมาตามก็เงียบ นางจึงไม่รบกวนอีกเพราะคิดว่าเมื่อคืนหญิงสาวคงใช้พลังงานเยอะเลยอ่อนเพลียในเช้าวันนี้ และนางก็ลืมคิดไปเลยว่าหลังจากเข้าหอใครจะตื่นเช้าในวันถัดมากันเล่า

“หนูขอโทษนะคะวันนี้ที่ตื่นสายไม่ได้ลงไปใส่บาตรกับคุณแม่เลย” เธอบอกท่านอย่างรู้สึกผิด

“อือ ไม่เป็นไรหรอกลูก” มือเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบหัวของหญิงสาวพร้อมกับมองที่ลำคอระหงแล้วอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นร่องรอยที่ลูกชายตัวเองให้ไว้บนร่างของกลิ่นจันทร์

“หนูปวดเมื่อยตัวไหมลูก เดี๋ยวแม่ให้เด็กเอายาแก้ปวดและข้าวขึ้นมาให้บนห้องนะ กินแล้วก็นอนพักผ่อนนะลูก”

“คะ...คือว่า...” แล้วก็ต้องก้มหน้าซ่อนความอายเมื่อรู้แล้วว่าท่านหมายถึงอะไรและสายตาของท่านก็จ้องมองแต่เนินอกของเธอที่โผล่พ้นจากผ้าห่มที่คลุมไม่มิด

“ไม่ต้องอายแม่หรอกหนูจันทร์ มันเรื่องปกติของชายหญิง หนูไปพักเถอะลูกแม่ไม่กวนแล้ว แม่จะลงไปสั่งให้เด็กนำยาและข้าวมาให้กินบนห้องนะลูก” นางบอกด้วยกลัวว่าลูกสะใภ้ที่รักจะไม่สบายได้เพราะดูสภาพที่ทรุดโทรมตอนนี้แล้วมีป่วยแน่ถ้าไม่กินยาดักไว้ก่อน เพราะมือที่ลูบหัวทุยเล็กแล้วมาจับที่แก้มนางก็ได้รับไออุ่นจากใบหน้าสวยซีดเซียวเหมือนจะเป็นไข้ด้วย

“ขอบคุณนะคะคุณแม่”

“ขอบคุณอะไรกันลูก งั้นแม่ไปก่อนนะลูก ตัวก็รุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ด้วย กินยาดีแล้วดักทางไว้ก่อน” แล้วนางก็เดินจากไปทันที ส่วนกลิ่นจันทร์ก็ปิดประตูห้องแล้วเดินไปนั่งบนเตียงแล้วมองเห็นคาบเลือดที่เปื้อนบนผ้าปูที่นอน

“จันทร์เป็นของคุณดีแล้วใช่ไหมคะ” พึมพำถามตัวเองพร้อมยื่นมือไปลูบคราบเลือดที่แห้งติดผ้าปูเตียงสีชมพูไปมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำให้สดชื่น เพราะตอนนี้รู้สึกมึนหัวเล็กน้อยและตัวก็อุ่นๆ รุมๆ เหมือนจะเป็นไข้เหมือนคุณแม่บอก

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้คนที่ไม่มีสมาธิทำงานตลอดทั้งวันเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารตรงหน้าแล้วโทรไปถามเลขาหน้าห้องของตัวเองว่าใครมากันแน่ ทำไมไม่โทรมาแจ้งเขา พอรู้ว่าเป็นใครก็นึกได้ทันทีว่าตัวเองมีแฟนอยู่ ให้ตายสิเขาคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาจนลืมแฟนสาวที่บอกว่ารักมากรักหนาไป

“เข้ามาได้ครับ” เขาบอกคนที่ยืนรอหน้าห้องให้เปิดผลักประตูเข้ามา

แอค!

“คุณดีว่างอยู่ไหมคะ” เธอถามแฟนหนุ่มทันทีเมื่อเดินแทรกผ่านประตูเข้ามา

“ว่างครับ สำหรับตองผมว่างเสมอ แล้วเมื่อวานทำไมไม่รับสายผมเลย ผมโทรหาคุณทั้งวัน รู้ไหมผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนที่รัก” เขาลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินไปหาคนที่หย่อนก้นนั่งที่โซฟารับแขกของห้องตัวเองทันที

“เป็นห่วงแล้วทำไมต้องแต่งงานด้วยคะ”

“ไม่เอาไม่พูดถึงเรื่องนั้นสิตอง ตองก็รู้ว่าผมไม่เต็มใจแต่งงานกับเธอคนนั้น”

“ตองรู้ค่ะ ตองเข้าใจคุณดีไงคะวันนี้ถึงได้มาหา ตองรักคุณดีนะคะ” หล่อนอิงหัวซบไหล่ของแฟนหนุ่มที่นั่งเบียดข้างๆ ตัวเองทันที

“ขอบคุณที่ตองเข้าใจผม” เขาลูบหัวทุยเล็กที่อิงซบไหล่ตัวเองไปมาเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ

“คุณดียังรักตองอยู่ใช่ไหมคะ?” หล่อนถามเขาเมื่อเขาไม่บอกรักตัวเองตอบ คำถามของใบตองทำให้ธรรพ์นิ่งไปชั่วขณะ ปกติเขาบอกรักหล่อนทุกครั้งที่เจอและดึงเข้ามากอดจูบแต่ครั้งนี้เขาอยากนั่งนิ่งๆ และคำถามที่หล่อนถามก็ทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะในหัวของเขามันเต็มไปด้วยใบหน้าของกลิ่นจันทร์ที่เขาแต่งงานด้วยในตอนนี้

“ว่ายังไงคะคุณดียังรักตองอยู่ไหมคะ”

“อือ รักสิ ผมรักตองที่สุด” แล้วสุดท้ายเขาก็ตอบหล่อนและคำตอบนั้นก็ทำให้ใบตองยิ้มแก้มปริผละหัวจากไหล่เขามาหอมแก้มสากแรงๆ

“อือ หอมจังเลยค่ะ งั้นคืนนี้อยู่กับตองนะคะ” หล่อนตวัดเรียวแขนคล้องลำคอหนาอย่างออดอ้อน

“ได้สิ คืนนี้ผมจะอยู่กับตอง”

“น่ารักที่สุดเลยคุณดีของตอง ตอนนี้ตองเชื่อใจคุณดีนะคะ เชื่อว่าความรักของเราจะยังเหมือนเดิม และจะทำเพื่อเราสองคนเหมือนที่พูดสัญญาไว้ก่อนจะแต่งงานใช่ไหมคะ” หล่อนถามย้ำคำสัญญาของเขาก่อนหน้านี้

“แน่นอน ผมจะทำเพื่อเราสองคน ผมรักตองนะ” เขาโอบกอดหล่อนแล้วโมลงหอมหน้าผากมนแผ่วเบา แปลกเขากลับรู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมที่ใบตองใช้ประจำฉุนจนต้องเบือนหน้าหนีทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาชอบกลิ่นน้ำหอมที่หล่อนใช้จะตายไป

“งั้นเราไปซื้อของทำกับข้าวกันไหมคะคุณดี เนี่ยก็บ่ายสองกว่าแล้วนะคะ”

“ตองไม่กลัวนักข่าวเห็นเหรอ” เขาถามแฟนสาวที่กำลังฮอตในตอนนี้ ใบตองเป็นนางแบบที่เป็นที่ต้องการของนิตยสารมากที่สุดตอนนี้ไม่ว่านิตยสารหัวไหนเล่มไหนก็อยากได้หล่อนไปขึ้นปกทั้งนั้นในตอนนี้

“ไม่กลัวค่ะ ถ้ากลัวตองไม่ขับรถมาหาคุณดีที่ประจวบหรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”

ทั้งสองคบกันเมื่อต้นปีที่แล้ว ธรรพ์เจอเธอที่โรงแรมของตัวเองเมื่อตอนที่เธอมาพักผ่อนเงียบๆ ที่นี่ และนั่นแหละคือความประทับใจของเขา ใบตองเป็นผู้หญิงเรียบง่าย เขารู้จักหล่อนดีว่ายามปกติหล่อนเป็นยังไง หล่อนน่ารักต่างจากที่ทุกคนเห็นและต่างจากข่าวที่สื่อเขียนออกมา

“แต่ผมไม่อยากให้ตองเป็นข่าว แถมตอนนี้ผมก็แต่งงานแล้วด้วย” เขาบอกเธอด้วยความเป็นห่วง หากตกเป็นข่าวกับเขาคนที่มีภรรยาอยู่แล้วเธอจะเสียหายได้

“งั้นก็โทรสั่งกับข้าวมาทานที่ห้องได้ค่ะ ตองรู้ว่าคุณดีห่วงตอง ม๊วฟ!”แล้วหล่อนก็รั้งเขาลงมาหอมแก้มอีกครั้ง

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าตองสำคัญที่สุดสำหรับผม”วงแขนแข็งแรงตวัดร่างเล็กของนางแบบสาวมาโอบกอดแนบแน่นแต่ในใจของเขาตอนนี้มันกำลังวุ่นวายเต็มไปด้วยเรื่องของกลิ่นจันทร์และตัวเองในตอนนี้

ตั้งแต่คืนเข้าหอวันนั้นผ่านมาสองวันแล้วสามีก็ไม่กลับมานอนบ้าน เขานอนพักที่โรงแรมไม่ยอมกลับมาอีกเลย ขนาดคุณแม่โทรตามให้กลับเขาก็ไม่ยอมกลับบ้าน กลิ่นจนรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินในตอนนี้ เธอสมน้ำหน้าตัวเองได้ทะเบียนสมรสเป็นเจ้าของเขาแล้วยังไง เมื่อในใจของธรรพ์ไม่ได้มีหล่อนเลยสักนิด

“ถ้าหนูไม่ไหวบอกแม่นะจันทร์ หนูบอกแม่ได้” คุณนายผิงเอ่ยกับสะใภ้สาวคนสวยที่นั่งหน้าเศร้าอยู่กับตนเองในห้องนั่งเล่น แทนที่จะมีความสุขทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ แต่สิ่งที่นางเห็นจากใบหน้าลูกสะใภ้คือความเศร้าและความทุกข์ที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่งามที่เคยสดใสของกลิ่นจันทร์

“หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง คุณดีเขาเกลียดหนูจนไม่ยอมกลับบ้าน”

“คิดมากไปแล้วลูก คุณดีเขาอาจงานยุ่งก็ได้ เขาไม่มาเราก็ไปหาเขาได้ไม่ใช่เหรอลูก แล้วเรื่องงานหนูจันทร์จะไปทำงานที่โรงแรมของเราหรือจะไปทำที่อื่นลูก”

“ถ้าหนูไปคุณดีคงโกรธแน่นอนค่ะคุณแม่ อีกอย่างเรื่องงานคุณดีไม่ให้หนูไปทำงานที่โรงแรมหนูเลยไปสมัครงานที่โรงแรมของเพื่อนอีกที่ค่ะ ไปเป็นประชาสัมพันธ์ให้ที่นั่นค่ะ” กลิ่นจันทร์บอกท่าน

“โกรธก็โกรธไปสิ แม่ให้หนูไปคุณดีก็ทำอะไรหนูไม่ได้ และเรื่องงานหนูจันทร์ก็ไปทำงานเป็นเลขาให้พี่เขา หนูจบบริหารมานะลูก หนูควรมาช่วยงานของครอบครัวตัวเอง อีกอย่างถ้าแม่สั่งยังไงคุณดีก็ต้องยอมรับหนูไปทำงานด้วยแน่นอน”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว แม่จะให้คนขับรถไปส่งที่โรงแรม และคืนนี้ไม่ต้องกลับบ้านถ้าคุณดีไม่กลับบ้านหนูก็นอนค้างที่นั่นเลย เรื่องงานแม่จัดการให้เอง” นางเอ่ยอย่างเผด็จการ

“ค่ะ” กลิ่นจันทร์รับคำแล้วลุกขึ้นเดินจากห้องนั่งเล่นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เพื่อจะไปหาสามีที่โรงแรม ส่วนคุณนายผิงก็หยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะกลางหน้าโซฟามากดต่อสายหาลูกชายทันทีเพื่อคุยเรื่องงานของกลิ่นจันทร์และบอกลูกชายด้วยว่ากลิ่นจันทร์จะไปหาที่โรงแรม เมื่อพูดคำพูดของตัวเองก็ตัดวางสายทิ้งทันทีโดยไม่คิดจะสนใจฟังคำโต้ตอบกลับของลูกชายเลยสักนิด

สีหน้าของแฟนหนุ่มเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงจนใบตองสงสัยว่าใครโทรมาหาเขากันแน่ แต่หล่อนไม่กล้าถามเขาด้วยปกติแล้วเธอเป็นคนไม่อยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากเขาอยากให้รู้เขาจะเล่าให้เธอฟังเอง สองวันมานี้ใบตองเธอมาพักกับเขาที่นี่ แต่ก็ไม่ได้นอนพักห้องเดียวกัน แม้จะเป็นแฟนกันแต่ธรรพ์ก็ให้เกียรติเธอ เขาไม่แตะต้องเธอไปมากกว่ากอดและจูบ เนี่ยแหละที่ทำให้หล่อนรักเขา

“ทานข้าวกันเถอะตอง” เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างเธอเหมือนเดิม

“เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณดี ทำไมสีหน้าไม่โอเคเลย” สุดท้ายแล้วหล่อนก็ถามเขาออกไป

“คุณแม่โทรมาน่ะ บอกว่าจะให้ยัยนั่นมาหาที่โรงแรม และจะให้มาทำงานเป็นเลขาผมด้วย” เขาบอกเสียงเรียบพร้อมตักกับข้าวให้แฟนสาว

“ถ้างั้นตองกลับวันนี้นะคะ”

“รีบกลับไปทำไม ตองมีทำงานอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ อยู่ต่อเถอะอย่าไปสนใจยัยนั่นเลย” เขาบอกแฟนสาวพร้อมตักข้าวและกับข้าวคำเล็กๆ ป้อนเธอ

“แต่ว่า...”

“กินข้าวกันเถอะ เรื่องของผมกับเขาตองก็รู้ว่าคุณแม่บังคับ ผมไม่ได้เต็มใจ ผมรักคุณนะ” เขาบอกรักแฟนสาวและนั่นแหละทำให้หล่อนอ้าปากรับคำข้าวที่เขาตักรอท่าอยู่ตรงหน้า

“คุณดีก็ทานด้วยกันสิคะ มาค่ะตองป้อน” เธอเคี้ยวข้าวที่เขาป้อนให้กลืนแล้วก็เอ่ยขึ้นพร้อมตักข้าวและกับข้าวป้อนแฟนหนุ่มบ้าง

“อือ” ธรรพ์อ้าปากรับคำข้าวที่แฟนสาวป้อน แล้วมื้อเช้าวันนี้พวกเขาทั้งสองก็สลับกันไปสลับกันมาจนทานอิ่ม

กลิ่นจันทร์มายืนที่หน้าตึกสูงระฟ้าสี่สิบชั้นของโรงแรมโมกขจร ทันทีที่เธอลงจากรถคนขับรถก็ขับรถกลับบ้านทันที เพราะคุณแม่บอกให้มาส่งเธอแล้วก็กลับ เท้าเล็กของเธอก้าวเดินเข้าไปในตัวตึกทีละก้าวๆ ช้าๆ ด้วยความไม่มั่นคงเท่าไหร่นัก ด้วยกลัวว่าจะโดนพายุอารมณ์โกรธของเจ้าของโรงแรม

เธอรู้ว่าห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นไหน กลิ่นจันทร์เดินไปยังลิฟต์โดยสารแล้วกดเรียกลิฟต์ รอไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกดเลือกชั้นสูงสุดเพื่อไปห้องทำงานของผู้บริหารหนุ่ม ใช่ผู้บริหารคือสามีของเธอ และตอนนี้เธอก็มาหาเขา กลิ่นจันทร์แต่งตัวด้วยชุดเดรสซีฟองตัวยาวคลุมเข่าลายลูกไม้สีฟ้าอ่อน ผมยาวสลวยปล่อยสยายเต็มหลังพร้อมม้วนเป็นลอนวอลลุ่มสวยงามแบบผมสุขภาพดี

เมื่อโดยสารลิฟต์มาถึงชั้นที่เลือกแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดกว้างออกเท้าเล็กๆ ที่ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวก็เดินออกมาจากลิฟต์ พร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กใบเก่าของตัวเองเดินไปทางห้องทำงานของเจ้าของโรงแรม พอเดินมาถึงก็หยุดทักทายเลขาวัยกลางคนของเขาก่อน

“สวัสดีค่ะพี่พรรณี” เธอยกมือไหว้อีกฝ่ายด้วยความเคารพ

“สวัสดีค่ะคุณจันทร์ มาได้ยังไงคะเนี่ย” พรรณียกมือรับไหว้อีกฝ่ายด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้ในห้องทำงานเจ้านายกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตัวเอง

“จันทร์มาหาคุณดีค่ะ คุณดีอยู่ข้างในห้องทำงานไหมคะ” เธอถามอีกฝ่ายในท้ายประโยค

“อะ...เออ...” ไม่รู้จะตอบยังไงดี คนนี้ภรรยาอีกคนก็แฟนสาวที่คบกันมานานของเจ้านาย

“ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ งั้นจันทร์เข้าไปนะคะ” พูดจบเธอก็เดินไปเปิดประ๖ห้องทำงานของเขาผลักเข้าไป แล้วภาพที่มองเห็นเมื่อประตูเปิดกว้างออกคือภาพของธรรพ์และแฟนสาวกำลังจูบปากกัน เธอรีบถอยก้าวเท้าห่างจากประตูแล้วปิดประตูทันที

ปึก!

ใบหน้าสวยซีดเซียวตกใจและเจ็บปวดหัวใจเมื่อเห็นภาพที่ไม่ควรเห็น แล้วน้ำตาใสๆ ของหล่อนก็อาบคลอดวงตาสวยจนต้องยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกแรงๆ ด้านคนในห้องที่เห็นเธอเปิดประตูเข้าไปก็ผละออกจากกันพร้อมกับธรรพ์เดินมากระชากประตูห้องทำงานของตัวเองเปิดออก

“มาแล้วเหรอ เข้ามาสิ” เขาไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไรให้หล่อนฟัง เพราะเขาไม่แคร์หล่อนอยู่แล้ว และไม่คิดจะสนใจว่ากลิ่นจันทร์จะร้องไห้

“ค่ะ” เธอแหนเงยหน้ามองบนเพื่อให้น้ำตาตัวเองหยุดไหล เธอสูดลมหายใจแรงๆ เข้าปอดแล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานพร้อมปิดประตูห้องทำงาน

ใบตองมองภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของแฟนหนุ่มก็หน้าเศร้าเล็กน้อย ความสุขก่อนหน้าหดหายไปทันทีเมื่อผู้มาใหม่มาถึง

“ตองกลับห้องพักก่อนนะคุณดี” เธอบอกแฟนหนุ่มพร้อมหยิบกระเป๋าสะพายราคาแพงตัวเองขึ้นมาถือ

“ไปรอผมที่ห้องนะ คืนนี้เราจะไปดินเนอร์กัน” เขาบอกแฟนสาวพร้อมประคองหน้าสวยหวานของแฟนสาวให้แหงนเงยขึ้นรับจูบอ่อนโยนของตัวเอง ธรรพ์ตั้งใจแสดงความรักให้กลิ่นจันทร์เห็น เขาต้องการทำให้หล่อนรู้ตัวว่าตัวหล่อนนั้นไร้ค่ามากแค่ไหนในสายตาของเขา

“ตองจะรอนะคะ”

“ครับ” เขายิ้มทรงเสน่ห์ให้เธอพร้อมมองตามเธอเดินออกไปจนพ้นห้องนั่นแหละถึงหันมาสนใจคนที่ยืนนิ่งเป็นอากาศอยู่กลางห้องทำงานของตัวเอง

“มาทำหน้าที่เมีย?” น้ำเสียงอ่อนโยนก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นห้วนทันที

“ไม่ค่ะ คุณแม่ให้จันทร์มา”

“แล้วเธอก็มา เป็นเด็กดีเชื่อฟังคุณแม่ดีจังเลยนะ” เขาแสยะยิ้มเย้ยหยันพร้อมเดินไปนั่งที่โซฟาพร้อมตบมือกับที่นั่งข้างๆ ตัวเองให้เธอเดินมานั่งด้วย กลิ่นจันทร์เม้มปากแน่นไม่โต้ตอบอะไรแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของเขาเดินไปนั่งลงข้างๆ เขาแต่ก็นั่งห่างเป็นวาไม่ยอมนั่งใกล้เขา

หึ!

“นั่งไกลขนาดนั้นจะทำหน้าที่เมียได้ยังไง อย่าโง่หน่อยเลยจันทร์ แม่ฉันให้เธอมาทำอะไรเธอยังไม่รู้อีกเหรอ” เขาตบมือลงบนที่ข้างๆ ตัวเองเพื่อให้เธอขยับตัวเข้ามาหาตัวเอง

“คุณดีก็ทำไปแล้วนี่คะวันเข้าหอ” เธอบอกเขาเสียงเบา

“แล้วท้องรึยังล่ะ ถ้ายังไม่ท้องก็ควรขยับมา ฉันจะได้ทำหน้าที่ผัวให้เสร็จสักที อย่าลีลาให้มากน่าเบื่อ และฉันเองก็ไม่ได้อยากแตะต้องเธอหรอกนะแค่ความจำเป็นเท่านั้นถึงทำ”

ปากพูดแต่ตอนนี้เขาอยากดึงหล่อนเขามาบดจูบซุกไซ้ซอกคอหอมๆ เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหล่อนมันกำลังปลุกเร้าอารมณ์ของเขาจนแทบจะนั่งไม่ติดแล้ว เป็นกลิ่นตัวของหล่อนเองที่ทำให้เขาเฝ้านอนไม่หลับตลอดสองคืนที่มานอนที่นี่ทั้งๆ ที่เขาบอกรักใบตองตลอดเวลา แต่สมองของเขากลับนึกถึงแต่หล่อน หล่อนคนที่เขาเกลียดชัง

“จันทร์ว่าเราควรรอให้ผ่านเดือนนี้ไปก่อนไม่ได้เหรอคะ ถ้าไม่ท้องเราค่อยทำแบบนั้นกันอีก” เธอต่อรองเขา

“เสียเวลา ฉันไม่ต้องการอยู่กับเธออีกแล้วจันทร์ ฉันอยากให้เธอท้องเร็วๆ จะได้แยกกันอยู่ ฉันเบื่อหน้าเธอ เกลียดชื่อเธอ เกลียดเธอได้ยินไหม ขยับมาหาฉัน และคืนนี้คุณแม่ก็ให้เธอค้างที่นี่กับฉันด้วยใช่ไหมล่ะ” น้ำเสียงห้าวหาญดังออกมาพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจใส่เธอ

กลิ่นจันทร์หมดคำจะพูดเธอยอมทำตามที่เขาต้องการขยับพาร่างอ้อนแอ้นของตัวเองไปใกล้เขา พอมาถึงเขาก็คว้าร่างเธอเข้าไปหาพร้อมกับโมหน้าลงมาบดจูบปากเธอทันที เธอเม้มปากแน่นรังเกียจจูบของเขาที่จูบผู้หญิงคนอื่นมาก่อนหน้านี้ พยายามบิดเบือนส่ายหน้าหนี แต่ก็ถูกมือหนาของเขาบีบล็อกไว้ไม่ให้ส่ายหน้าหนี

“อ่ะ อื้อ”

เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง ปากน้อยที่เม้มแน่นไม่ยอมเปิดปากเปิดทางให้ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้าไปควานกินความหวานเขาก็ไม่ได้คิดจะสนใจ เขาขบเม้มริมฝีปากเธอเต็มแรงจนเธอเผลอร้องเจ็บออกมาก็ฉวยโอกาสจังหวะนั้นสอดแทรกลิ้นตัวเองเข้าไปในโพรงปากเล็กพร้อมกับไล่ต้อนลิ้นน้อยของหล่อนจนจนมุมแล้วตวัดเกี่ยวคลอเคลียดูดคลึง ความหวานของปากกลิ่นจันทร์บวกกับกลิ่นคาวเลือดและรสเค็มของเลือดที่ริมฝีปากของหล่อนที่เขากัดทำให้เขาชอบความเป็นธรรมชาตินี้

“อ่า อื้อ” เสียงหอบหายใจของทั้งสองดังประสานกันพร้อมกับธรรพ์โน้มตัวคร่อมร่างเล็กให้นอนราบไปกับโซฟา สองมือที่บีบคางเล็กก็เคลื่อนมาลูบไล้เรือนร่างเล็กพร้อมกับบีบเคล้นสองเต้าอวบอูมล้นมือของหล่อนไปมา

“อ่ะ อื้อ”เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเจ่อเพราะรสจูบดิบเถื่อนของสามี เธอหอบหายใจแรงเมื่อได้รับอิสระ เธอเกลียดตัวเองที่ตอนนี้พ่ายแพ้ให้เขาและหัวใจเจ้ากรรมก็น่าสมเพชมันร่ำร้องต้องการเขามันรักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงจนตอนนี้ก็ยังรักเขาทั้งๆ ที่เขาชังน้ำหน้าหล่อนยิ่งนัก

“อือ เห็นไหมเธอตอบสนองฉันดีแบบนี้แล้วยังคิดจะรอให้เดือนหน้าอีกเหรอ รีบทำหน้าที่เมียให้ท้องแล้วเราจะได้ตัดขาดกัน แม้ฉันจะหย่ากับเธอไม่ได้ฉันก็จะไม่อยู่กับเธอ และลูกฉันก็ไม่ต้องการเพราะฉันไม่ต้องการเขาตั้งแต่แรก”

น้ำคำของเขาเชือดเฉือนกรีดใจกลิ่นจันทร์ทุกครั้งที่เอ่ยออกมา และตอนนี้หัวใจของหล่อนมันเจ็บจนชินชาได้แล้วรึยัง หรือเท่าที่ผ่านมามันยังไม่พออีกเหรอกับความต้องการของเขา เธอกล้ำกลืนฝืนกั้นสะอื้นไว้ในอกเม้มปากแน่นพร้อมเช็ดเลือดที่เขากัดริมฝีปากตัวเองออก เธอเจ็บแต่ก็ไม่เจ็บเท่าหัวใจที่เขากรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยวาจาโหดเหี้ยมของเขา

“อย่ามาทำเป็นสำออยต่อหน้าฉัน ตอนนี้เรามาทำหน้าที่ผัวเมียกันดีกว่า ถอดเสื้อผ้าซะถ้ายังอยากใส่ได้อีกในครั้งต่อไป”

พูดพร้อมกับดึงเนคไทตัวเองออกจากคอแล้วปลดประดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองออกทีละเม็ดอย่างรวดเร็ว ด้านกลิ่นจันทร์เองก็ทำตามที่เขาบอกสั่ง เธอถลกดึงชุดเดรสตัวเองออกทางหัวจนตอนนี้เหลือเพียงชุดชั้นในที่ปกป้องความเป็นเพศของตัวเองอยู่

“ถอดออกให้หมด ฉันไม่อยากให้เสียเวลา” เขาสั่งเธอพร้อมกับมองจ้องสองเต้าอวบใหญ่ที่ดุนดันเบียดอัดกันแน่นในยกทรงสีดำของหล่อน

มือน้อยทำตามคำสั่งเหี้ยมของสามีทันที แม้เขาจะเกลียดเธอมากแค่ไหนแต่เธอก็ยังคงรักเขามากเหมือนวันแรกที่เจอกัน เขาคือคนเดียวที่อยู่ในหัวใจมาตลอดแม้ตอนนี้เขาจะชิงชังหล่อนมากมายแค่ไหนก็ตามมือเล็กปลดตะขอยกทรงที่อยู่ด้านหน้าออกพร้อมกับกางเกงชั้นในและกางเกงซับของตัวเองออกจนเหลือแต่กายเปลือย และเขาเองก็เหมือนกัน ตอนนี้เขาเปลื้องผ้าตัวเองจนเหลือแต่ร่างเปลือยแข็งแกร่ง เธอตาโตก้มหน้าซ่อนความอายเมื่อมองไปเห็นเจ้าวายร้ายกลางหว่างขาของเขา มันตื่นตัวแล้วมันตื่นตั้งพร้อมจะเป็นสามีเธอแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel