บทย่อ
หนึ่งคนถูกบังคับ หนึ่งคนแม้จะถูกบังคับแต่หัวใจนั่นเต็มใจที่จะได้เป็นเจ้าสาวของเขา และแน่นอนว่าการแต่งงานครั้งนี้ "ธรรพ์" ไม่ได้ยินดีกับมันเลยสักนิด ผิดจาก "กลิ่นจันทร์" แม้จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่หล่อนก็ดีใจที่ได้เป็นเจ้าสาวของเขา....แล้วเรื่องราวความรักที่ขมขื่นจะเดินไปทางไหน เมื่อเขาเกลียดชังเธอเหลือเกิน แล้วเธอจะทนกับสายตาเกลียดชังและความเย็นชาของเขาไปได้อย่างไรกันเล่า...... ------------------ “เธอฝากท้องรึยัง แล้วท้องนานแค่ไหนแล้ว” “ยังไม่ได้ไปหาหมอค่ะ และไม่รู้ว่าท้องกี่สัปดาห์” “แน่ใจนะว่าเป็นลูกฉันไม่ใช่ลูกไอ้หน้าอ่อนนั่น” ถามเสียงเข้มทั้งๆ ที่รู้เต็มอกว่ากลิ่นจันทร์อุ้มท้องลูกของตัวเองแต่ก็อดถามด้วยอารมณ์ไม่ได้ “แล้วแต่คุณดีจะคิดเถอะค่ะ เพราะตอนนี้จันทร์ก็ท้องแล้ว” “ฉันจะย้ายกลับมาอยู่บ้าน” “ค่ะ จันทร์จะได้ย้ายกลับไปอยู่ห้องเดิมของตัวเอง” “เธอเป็นเมียฉันรึเปล่า” เขาถามเธออย่างไม่พอใจที่เจ้าหล่อนกำลังจะหมางเมินตัวเอง “ถามทำไมคะ ก็ในเมื่อจันทร์คือคนที่คุณดีเกลียด” “ใช่ฉันเกลียดเธอ แต่ยังไงเราก็เป็นผัวเมียกันจะแยกห้องให้วุ่นวายทำไมว่าไหม” เขาเดินมากดหัวไหล่มนของคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งหวีผมยาวสลวยในตอนนี้ --------- “ในหัวเธอมีแต่เรื่องหย่าใช่ไหมจันทร์” “ค่ะ” เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปกรุงเทพฯ กับฉัน เรื่องหย่าค่อยคุยกัน ไม่เห็นรึไงตอนนี้ฉันงานยุ่งแค่ไหน” เขาเปลี่ยนเรื่องไม่อยากคุยเรื่องที่คอยกวนใจตลอดเดือนที่ผ่านมา “ถ้าจันทร์ไม่ไปคุณดีจะว่ายังไงคะ” “เธอต้องไป เนี่ยเป็นคำสั่ง” พูดพร้อมหยิบมะม่วงเข้าปากแล้วลุกเดินมาหาเธอที่โซฟา “เอาแต่ใจ” “เธอยังเป็นเมียฉัน อย่ามาดื้อกับฉันฉันไม่ชอบ” “ค่ะ จันทร์รู้ว่ายังอยู่ในตำแหน่งเมียชังของคุณ” เธอประชดเขา “ปากดี!” มือใหญ่บีบหน้าเล็กให้แหงนเงยขึ้นพร้อมกับมืออีกข้างยันพนักหลังโซฟาแล้วโน้มลงมาบดจูบปากอวดดีของกลิ่นจันทร์ “อ่ะ อื้อ” --------------------------- ปล.ฝากคุณดีที่แสนจะดื้อดึงด้วยนะคะ
บทที่ 1 เจ้าสาวแสนชัง
สันกรามแกร่งปูดโปนตลอดนั่งอยู่ในพิธีมงคลสมรสของตัวเองในวันนี้ ให้ตายสิเขาไม่อยากเชื่อว่ายุคนี้ยังมีการคลุมถุงชนอยู่ และแน่นอนเขาถูกแม่ท่านที่รักคลุมถุงชนให้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขารังเกียจที่สุดในชีวิต เขาเหลือบตามองคนที่นั่งยิ้มข้างๆ แล้วก็โกรธยิ่งนัก หล่อนคิดว่าได้แต่งงานกับเขาคือโชคดีสินะ ได้ ให้มันรู้ไปว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นสวรรค์หรือนรกกันแน่ หล่อนมันก็แค่เด็กต่ำต้อย เด็กกำพร้าที่แม่ของเขารับมาเลี้ยงดูแล
ความเกลียดชังของเจ้าบ่าวปกปิดไม่มิดแม้วันนี้แขกจะมาร่วมงานแต่งของเขามากมายตามคำเชิญของคุณแม่ที่รัก แน่นอนว่าท่านมีหน้ามีตาทางสังคม และเขาเองก็ไม่ต่างกัน เขาเป็นถึงเจ้าของโรงแรมโมกขจรซึ่งเป็นโรงแรมดังประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และยังเป็นมรดกตกทอดของตระกูลที่ส่งต่อกันมาจนมาถึงรุ่นของเขา ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของเขาแต่จะไม่ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แบบถ้าเขาไม่ยอมแต่งงานกับกาฝากที่แม่เก็บมาดูแล
ด้านฝ่ายเจ้าสาวนั่งยิ้มตลอดงานที่มีแขกเข้ามาแสดงความยินดี เธอรู้ว่าเจ้าบ่าวนั้นเกลียดชังตัวเอง แต่จะให้ทำยังไงได้เมื่อวันนี้คือวันแต่งงานจะให้นั่งหน้าเศร้าอมทุกข์อยู่ได้เยี่ยงไร แม้จะทุกข์ขมขื่นระทมเพียงไรในอกก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือปั้นหน้ายิ้มแสร้งมีความสุขกับงานวิวาห์ที่ถูกจัดขึ้นในวันนี้
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้แต่งงานกับชายที่หมายปองแอบมองมาตลอด และหล่อนก็เจียมตัวมาตลอดว่าตัวเองไม่คู่ควร แต่เมื่อธรรพ์ โมกขจร หรือคุณดี วัย 31 ปี เดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสเมื่อสามปีก่อนก็มีการกำหนดงานแต่งงานของเธอเกิดขึ้น และงานแต่งจัดขึ้นทันทีเมื่อเธอเรียนจบปริญญาเมื่อเดือนที่แล้ว กลิ่นจันทร์ น้ำใจงาม หรือจันทร์ วัย 23 ปี หล่อนเป็นเพียงแค่กาฝาก เป็นแค่เด็กที่คุณท่านรับมาจากบ้านเด็กกำพร้า ท่านให้ที่อยู่ ให้การศึกษา ให้ชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะมีได้ แต่เธอก็กลับได้รับความเอ็นดูจากท่านและนั่นเป็นสาเหตุที่ทำเธอตกลงแต่งงานกับลูกชายของท่านเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณท่าน แม้ว่าลูกชายท่านจะไม่ปรารถนาในตัวหล่อนก็ตาม เพราะเธอแค่อยากทำตามที่ผู้มีพระคุณต้องการเท่านั้น ยิ่งตอนนี้โรคหัวใจของท่านกำเริบบ่อยๆ เธอจึงไม่อยากขัดใจท่าน และลูกชายท่านเองก็เหมือนกัน และเพื่อนทรัพย์สมบัติของตระกูลด้วยที่ธรรพ์ยอมแต่งงานกับเธอเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอได้ครอบครองทุกอย่างที่เป็นของเขา เพราะคุณท่านยื่นคำขาดไปหากไม่แต่งงานกับเธอเขาจะไม่ได้รับอะไรสักอย่างจากท่านหากว่าท่านจากลาโลกนี้ไป ทุกอย่างจะตกเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือจุดเริ่มต้นของงานแต่งงานที่ขมขื่นในครั้งนี้ ได้แต่ยิ้มเก็บน้ำตาไว้ในอกที่เศร้าตรมของตัวเอง
คุณนายผิงนั่งมองลูกชายและเด็กที่ตัวเองอุปการะมาเลี้ยงเหมือนลูกในไส้ ใช่นางเอ็นดูกลิ่นจันทร์ตั้งแต่แรกเห็นจึงรับเด็กสาวมาเลี้ยงดูแลตั้งแต่เธออายุแปดขวบ จนตอนนี้เป็นสาวสวยสะพรั่ง แถมเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก แต่เสียดายความสวยของเธอเจ้าลูกชายตัวดีมองไม่เห็นมัน นางมองทั้งสองที่นั่งที่พื้นพรม ตอนนี้เป็นเวลาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ นางมองทั้งสองแล้วก็เหนื่อยใจ อีกฝ่ายนั้นแสดงความเกลียดชังออกมาทางสีหน้า แววตาอย่างชัดเจนไม่คิดจะปิดบังใคร ส่วนเจ้าสาวคนสวยก็ได้แต่ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้าหมองเคล้าน้ำตาของตัวเองแม้มันจะปกปิดไม่มิดก็ตาม
“เอาล่ะแม่รู้ว่าลูกไม่ได้เต็มใจกับงานแต่งงานครั้งนี้ แต่คุณดีก็แต่งงานกับน้องแล้ว แม่อยากให้คุณดีใส่ใจดูแลน้องบ้าง ไม่รักไม่เป็นไรแต่อย่าเฉยชากับน้องมากนักเลย ยังไงเสียตอนนี้ก็ถือว่าเป็นผัวเมียกันแล้ว” ผิงนางบอกลูกชายที่นั่งก้มหน้ากัดฟันกรามแน่นอยู่ที่พื้นพรมตรงหน้าตัวเอง
“หึ! คุณแม่ยังคิดจะให้ผมใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกเหรอครับ ในเมื่อคุณแม่ก็รู้ดีว่าผมเกลียดกาฝากที่คุณแม่รับมาเลี้ยงมากแค่ไหน” คำพูดของเจ้าบ่าวไม่รักษาน้ำใจไม่สนใจจิตใจของเจ้าสาวที่นั่งข้างตัวเองเลยสักนิด เขาแสดงความชัดเจนของอารมณ์ตัวเองออกมาเสมอ
“คุณดีสงบสติอารมณ์หน่อย แม่รู้ว่าลูกไม่เต็มใจ แต่ลูกก็แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับหนูจันทร์ไปแล้ว” ตอนนี้กลิ่นจันทร์เป็นสะใภ้ของนางเต็มตัวแล้ว เธอเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของครอบครัวเขาเรียบร้อยแล้ว จาก “น้ำใจงาม” มาเป็น “โมกขจร” เรียบร้อยแล้ว ถือว่าตอนนี้กลิ่นจันทร์มีสิทธิ์มีเสียงทุกอย่างในสมบัติของนางที่สามีนางทิ้งไว้ให้ตอนที่เขาจากไปเมื่อสิบปีที่แล้ว
“ถ้าคุณแม่ไม่ยกเรื่องโรงแรมและทรัพย์สมบัติของบ้านเราขึ้นมาอ้างผมก็ไม่แต่งงานกับเด็กของคุณแม่หรอก และคุณแม่ก็รู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว”
เขาบอกในตอนท้ายเมื่อคิดถึงแฟนสาวที่วันนี้เขาพยายามติดต่อหล่อนเท่าไหร่ก็ไม่ได้ เธอคงเสียใจที่เขาทำแบบนี้ แต่เขาทำอะไรไม่ได้เมื่อแม่ของเขายื่นคำขาดไปแล้ว ท่านไม่เคยขู่แต่ท่านทำจริงตามที่บอกทุกครั้ง ฉะนั้นเขาจึงต้องมาเป็นเจ้าบ่าวให้กลิ่นจันทร์ในวันนี้
“แฟนที่ใช้เรือนร่างหาเงินนั่นเหรอคุณดี อย่าคิดจะพาผู้หญิงแบบนั้นเข้าบ้าน และคุณดีคงรู้นะว่าเงื่อนไขในการแต่งงานยังไม่จบเท่านี้ คุณดีจะได้ทุกอย่างก็ต่อเมื่อมีหลานให้แม่ หลานที่เกิดจากคุณดีและหนูจันทร์เท่านั้น หลานที่เกิดจากลูกและผู้หญิงคนอื่นแม่ไม่ต้อนรับ” นางบอกอย่างเด็ดเดี่ยว
หึหึ
ธรรพ์ขำในลำคอสมเพชตัวเองเหลือเกิน ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะตกต่ำขนาดนี้ ใช่เขาตกต่ำเหลือเกิน ตกต่ำถึงขั้นแต่งงานเพื่อรักษาสมบัติของครอบครัวไว้ เขาเกลียดกลิ่นจันทร์นัก เกลียดหล่อนที่สุด เกลียดจนอยากลุกขึ้นกดหัวบีบคอให้ตายคามือ เกลียดหน้าตาใสซื่อ เกลียด!
“คุณแม่อย่าดูถูกแฟนผม คุณแม่ต้องการหลานใช่ไหมครับ ได้ผมจะทำให้ตามที่คุณแม่ต้องการ ถ้างั้นตอนนี้ได้เวลาเข้าหอแล้วคุณแม่เชิญกลับห้องตัวเองได้แล้วครับ ผมจะทำหน้าที่ผัวของผมให้มันจบๆ ไป” เขาบอกท่านเสียงเหี้ยม
“ยังเรียกแม่นั่นว่าแฟนอีกเหรอคุณดี ตอนนี้ลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วลูกยังเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแฟนได้ยังไง”
“สำหรับผมแล้วตองเป็นแฟนของผมเสมอ เป็นคนที่ผมรักตลอดแม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังรักเธอ เชิญครับ ผมจะเข้าหอ” เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องหอพร้อมผายมือเชิญท่านออกไปจากห้อง
“แม่ไปก่อนนะจันทร์ คืนนี้เป็นคืนที่ดีเป็นวันดี แม่อยากให้หนูอดทนนะจันทร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้และวันต่อๆ ไปหนูยังมีแม่คนนี้อยู่จำไว้แม่รักหนูนะ และขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อแม่มาตลอด ความดีของลูกจะทำให้ลูกผ่านมันไปได้ เพียงแต่อดทนไปก่อนนะลูก แม่เชื่อว่าสักวันคุณดีจะมองเห็นลูกของแม่บ้าง” นางก้มลงเอ่ยกับเจ้าสาวที่นั่งเงียบมาตลอดที่นางและลูกชายฟาดฟันฝีปากกัน
“ความดีมันกินไม่ได้คุณแม่ก็รู้ และอีกอย่างผู้หญิงอย่างจันทร์จะมีอะไรดีกันเชียว และเชิญได้แล้วครับผมจะเข้าหอ” ยิ่งหงุดหงิดเมื่อแม่ที่รักนั้นใส่ใจความรู้สึกกลิ่นจันทร์มากกว่าเขา
“ค่ะคุณแม่” เธอก้มลงกราบเท้าผู้มีพระคุณของตัวเองแล้วลุกขึ้นประคองท่านลุกขึ้นจากเตียงแล้วพาเดินไปส่งที่หน้าประตูห้อง
“คุณดีอย่ารุนแรงกับน้องนะลูก” ก่อนจะเดินออกจากห้องไปไม่วายสั่งลูกชาย
“หึ! คุณแม่อย่าคาดหวังอะไรจากผมเลย ผมมันไม่ใช่ลูกรักของคุณแม่เหมือนเธอ” เขาพูดแค่นั้นก็ดันร่างของแม่ที่รักออกไปให้พ้นประตูห้องแล้วปิดกระแทกเต็มแรง
ปัง!
ล็อกกลอนทันทีเมื่อประตูห้องปิดสนิท เมื่อล็อกกลอนเรียบร้อยก็หันมามองเจ้าสาวของตัวเองในวันนี้ เขาไม่เคยมีความคิดมากก่อนว่าตัวเองจะแต่งงานและไม่เคยมีภาพมาก่อนว่าเจ้าสาวจะเป็นกลิ่นจันทร์
“สะใจแล้วใช่ไหมที่ทำให้ฉันเป็นลูกชังของคุณแม่ได้ เป็นไงล่ะออดอ้อนจนท่านจะยกสมบัติให้ล่ะสิ” ผลักไหล่เล็กของกลิ่นจันทร์ให้ถอยหลังไปยังเตียงนุ่มที่ตกแต่งสีชมพูหวานพร้อมบนเตียงมีกลีบกุหลาบสีขาวและแดงโรยเป็นรูปหัวใจคู่
“คะ...คุณดีพูดอะไรคะ จันทร์ไม่รู้เรื่อง”
“ไม่รู้เรื่องเหรอ ตุ๊บ! ” พวงมาลัยที่คล้องคอของธรรพ์ถูกกระชากโยนทิ้งพร้อมด้วยเท้าใหญ่ของเขาบดขยี้พวงมาลัยมงคลสมรสทิ้งด้วยความเดือดดาล
“คุณดีอารมณ์ไม่ดีงั้นจันทร์ขอตัวกลับห้องของจันทร์ก่อนนะคะ” เธอบอกเขาเสียงเบา
หึ!
“ยัยโง่! กลับห้อง อย่าโง่หน่อยเลยวันนี้เราแต่งงานกันแล้วและคุณแม่อยากมีหลาน ฉันว่าเรามาทำให้เสร็จๆ กันไปดีกว่า รีบนอนด้วยกัน เอากันให้เสร็จจะได้ท้อง ทันทีที่เธอท้องฉันจะไม่แตะต้องเธออีกเลย แม้แต่ปลายเส้นผมฉันก็จะไม่แตะต้องเธอ และลูกก็เหมือนกันฉันจะยกเขาให้เธอเพราะเขาคือลูกที่ฉันไม่ต้องการ” เขาบอกเสียงเข้มพร้อมยกมือขึ้นวางทาบทับหัวไหล่ของกลิ่นจันทร์
“จันทร์ยังไม่พร้อม” เธอบอกเขาไม่เต็มเสียงนัก
“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะพร้อมหรือไม่พร้อมสำหรับฉัน เพราะตอนนี้เธอคือเจ้าสาวของฉัน ก็ควรทำหน้าที่เมียสิ แถมตอนนี้เราก็กำลังเข้าหอกัน อย่าคิดจะออกไปจากห้องหอได้ เธอต้องอยู่กับฉันทำหน้าที่เมียของฉัน ควรจะรู้แต่แรกว่ายังไงเราก็ต้องนอนด้วยกันเพราะเธอแต่งงานมาเป็นเมียของฉันไม่ได้แต่งงานมาเป็นเจ้านาย ฉะนั้นทำหน้าที่ของเธอฉันก็จะทำหน้าที่ของฉันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แล้วเราจะได้ต่างคนต่างอยู่กันสักที”
คำพูดของเขาช่างบาดใจยิ่งนัก เขาเป็นคนตรงปากร้ายตลอดและตอนนี้เขาก็แสดงถึงความต้องการของตัวเองออกมาชัดเจนไม่มีปิดบัง ดวงตาสีทมิฬของเขาก็เต็มไปด้วยไฟโทสะที่จะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ในตอนนี้ แล้วก็ต้องเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อมือที่วางบนไหล่ตัวเองนั้นกำลังบีบแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บถึงแรงบีบของเขา
“จันทร์...”
“พูดมากน่ารำคาญ รีบมาทำเรื่องของเราให้จบจะได้รีบท้อง ฉันไม่อยากทนอยู่กับเธอนาน ทันทีที่เธอท้องเราจะแยกกันอยู่ต่างคนต่างอยู่” เขาบอกเธอพร้อมกับปล่อยมือจากไหล่เล็กแล้วเดินไปนั่งที่เตียงนุ่มพร้อมตบที่นั่งข้างๆ ตัวเองให้เธอมานั่งลง
“เราจะหย่ากันไหมคะ”
“แน่นอนถ้าคุณแม่ให้ฉันหย่ากับเธอ แต่ฉันรู้จักคุณแม่ดียังไงท่านก็ไม่ให้ฉันหย่ากับเธอ แต่ถึงไม่หย่าฉันก็ไม่มีวันอยู่กับเธอ เพราะฉันเกลียดเธอ” น้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับสันกรามที่ปูดโปนขึ้นตามอารมณ์ของเจ้าของใบหน้าหล่อที่มีเคราเขียวครึ้มล้อมกรอบหน้าเป็นทรงสวยงาม
อึก!
กลิ่นจันทร์พูดไม่ออกเพราะไม่รู้จะพูดคำไหนออกมาดีตอนนี้ เธอคงเป็นได้แค่ความเกลียดชังของเขา เป็นเจ้าสาวที่เขาไม่ต้องการแต่ก็ฝืนทนแต่งงานกับเธอเพื่อรักษาสมบัติที่เป็นของเขาไว้ เท้าเล็กก้าวช้าๆ ไปยังเตียงแล้วหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เขาตามที่เขาต้องการ
“ถอดเสื้อผ้าออกซะ” เขาสั่งทันทีเมื่อเธอนั่งลงข้างๆ
“จันทร์ขออาบน้ำก่อนนะคะ” เธอบอกเขาพร้อมกับเคลื่อนตัวจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องเสียหลักล้มลงไปยังเตียงจนกลีบกุหลาบกระจายแตกไม่เป็นรูป
ว้าย!
“คุณดี! ”
“ทำเป็นตกใจ วันนี้เธอต้องเป็นเมียฉันเธอน่าจะเตรียมตัวมาแล้ว หรือเสแสร้งเรียกอารมณ์ฉัน แต่เสียใจด้วยนะฉันกัดฟันทำไปงั้นๆ แหละ ฉันขยะแขยงเธอเต็มกลืนตอนนี้ แต่ฉันก็ต้องทนเพื่อที่เธอจะได้ท้อง”
เขาใจร้ายนัก ใจร้ายกับเธอเหลือเกิน คำพูดของเขามันร้ายกาจ กรีดใจหล่อนไม่เหลือชิ้นดีจนเลือดไหลอาบท่วมหัวใจแล้วตอนนี้ แต่ก็ต้องกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดความขมขื่นในครั้งนี้ ถึงเขาจะเลวจะแสดงความเกลียดชังตัวเองมากแค่ไหนหัวใจเธอก็ไม่เคยมองเขาเป็นคนเลวคนน่าชังได้สักที ทำไมกันนะ ทำไมต้องปักใจรักมั่นแต่เพียงเขาด้วย
“ฉันใจดีกับทุกคนยกเว้นเธอจันทร์ เพราะอะไรรู้ไหมเพราะฉันขยะแขยงเธอที่สุดแต่ก็ต้องกัดฟันนอนกับเธอเพื่อที่เธอจะได้ท้องลูกของฉัน” เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมาแล้วผละตัวถอยห่างมาปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเข้าหอ
อึก!
เสียงกลืนน้ำลายของกลิ่นจันทร์ดังออกมาพร้อมกับมองจ้องไปยังแผงอกกำยำของคนตรงหน้าที่ตอนนี้เปลือยท่อนบนแล้วและก็ต้องเบือนหน้าหนีเมื่อมองต่ำกว่าสะดือของเขาลงมาก็เห็นไรขนอ่อนๆ พร้อมกับ ความเป็นบุรุษของเขา เธอเม้มปากแน่นเขินอายและหวาดกลัวตื่นเต้นในที
“ฉันสั่งให้ถอดเสื้อผ้าทำไมไม่รีบถอด อย่าลีลานักเลย วันนี้เธอน่าจะดีใจนะที่ได้ครอบครองทุกอย่างสมใจแล้ว”
เขาบอกหล่อนเสียงเหี้ยมเมื่อเปลือยร่างตัวเองเสร็จ เขาไม่นึกอายที่ต้องมาเปลือยต่อหน้าคนที่ตัวเองเกลียดชัง แต่ที่เขาต้องกัดฟันฝืนทนคือเรื่องต่อจากนี้มากกว่า เขาไม่อยากแนบกายในร่างหล่อนเลยให้ตายสิ แต่ก็ต้องทำเพื่อของที่เป็นของเขา หล่อนมันก็แค่ตัวหมากตัวหนึ่งเท่านั้น และธรรพ์ก็รู้ดีว่าเด็กกาฝากนั่นคิดยังไงกับตัวเอง และเขาก็ชัดเจนมาตลอดว่าเกลียดหล่อนยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน
“จันทร์...” เธอหันหน้ามามองจ้องดวงตาแข็งเขม็งของเขาแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อพูดต่อไม่ออก เธอขยับตัวลุกนั่งแล้วถอดชุดแต่งงานลายลูกไม้เปิดไหล่ของตัวเองออก แต่ก็ลำบากเพราะต้องรูดซิบอยู่ข้างหลังออก ด้านธรรพ์เห็นความเงอะงะชักช้าของกลิ่นจันทร์ก็เอ่ยขึ้น
“ฉันจะถอดให้ หันหลังมา” เขานั่งลงบนเตียงแล้วจับหัวไหล่มนให้หมุนกายหันหลังให้ตัวเอง กลิ่นจันทร์ไม่อาจต่อต้านได้เพราะมันคือความต้องการของเขา และเธอก็ไม่มีสิทธิ์ในตอนนี้ด้วย เพราะเขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างของตนเอง
ผิวขาวเนียนเปิดเผยให้เห็นก่อนหน้านี้เห็นเพียงแค่หัวไหล่เนียน ตอนนี้แผ่นหลังเนียนเปิดเผยอยู่ตรงหน้า ธรรพ์มองจ้องผิวนวลเนียนแล้วก็อดกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไม่ได้เมื่อเห็นความขาวน่าสัมผัสของกลิ่นจันทร์
“เสร็จแล้ว” เขาบอกเธอทันทีเมื่อรูดซิบมาถึงเอวเล็กคอดที่เขาจับเพียงมือเดียวก็รอบเอวของหล่อนแล้ว หล่อนผอมบางมาก แต่ทุกอย่างก็ลงตัวเมื่อรวมเป็นกลิ่นจันทร์
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยตอบเสียงสั่น เพราะตอนนี้ถ้าดึงชุดออกเธอก็จะเปลือยอกทันที และข้างล่างอีกล่ะ เธอไม่กล้าจะถอดต่อแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงเข้มของคนที่นั่งข้างหลังดังขึ้น
“ขอบคุณแล้วก็ถอดสิ จะได้รีบเข้าหอ จะได้รีบท้องแล้วแยกกันอยู่”
หงุดหงิดนักทำไมหล่อนชักช้าแบบนี้ ปากบอกว่าเกลียดเจ้าสาวแต่ตอนนี้หัวใจของเขามันกำลังตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นเนื้อในของหล่อนว่าจะสวยงามเพียงไร แค่หลังยังเนียนสวยขนาดนี้แล้วสองเต้าล่ะ และความเป็นสาวของหล่อนล่ะจะเป็นยังไงบ้าง ปากบอกอย่างแต่ความคิดกลับตรงกันข้าม ใช่เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชายเวลาเจอผู้หญิงเปลือยตรงหน้าก็ต้องมีความอยากรู้และอยากสัมผัสบ้างแหละแม้ว่าจะเกลียดผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม เขายกความคิดมาหักล้างความตื่นเต้นของตัวเองในครั้งนี้
“จันทร์กำลังจะถอดค่ะ” เธอบอกเขาเสียงเบา
“ดี รีบถอดได้แล้วอย่าถ่วงเวลาอีกเลยเสียเวลา” ปากพูดเหมือนไม่สนใจแต่ก็จ้องมองมือเล็กที่กำลังถลกดึงชุดขอตัวเองออกจากร่าง เขาเบิกตากว้างเมื่อชุดนั้นถูกโยนทิ้งออกไปไว้ข้างๆ พร้อมตามด้วยกางเกงซับในและกางเกงในของหล่อน ตอนนี้หล่อนกำลังนั่งเปลือยหันหลังให้เขาอยู่
“หันหน้ามาสิ หันหลังแบบนี้แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่”บอกอย่างหงุดหงิด ทำไมหล่อนชักช้าแบบนี้
กลิ่นจันทร์เม้มปากแน่นเมื่อต้องหันหน้าไปหาเขา เธอยกมือกุมสองเต้าตัวเองเพื่อปิดบังไว้ แต่มันไม่มิด หน้าอกของเธอมันไม่ได้เล็กเหมือนตัวเธอ มันใหญ่เกินตัว เธอปิดมันไม่มิดด้วยสองมือแต่ก็ยังดีกว่าไม่ปิด เธอหมุนตัวมาช้าๆ มาหาคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง และสองขาก็บดเบียดกันปิดบังความเป็นสาวที่มีสนามหญ้าสีดำขึ้นปกคลุมบางๆ ของเธอไว้
ธรรพ์มองจ้องสองมือเล็กที่ปิดสองเต้าใหญ่โตล้นมือของเธอ เขาไม่อยากเชื่อว่าเด็กของคุณแม่จะใหญ่ล้นมือแบบนี้ มันใหญ่จริงๆ เขายื่นมือไปดึงมือเล็กที่ปิดเต้าตัวเองออกทันทีเมื่ออยากเห็นสองเต้าใหญ่ของหล่อนเต็มตาเมื่อดึงมือเล็กออกก็เห็นความอวบอูมใหญ่โตเต็มตา ทั้งขาวทั้งเนียน และยอดอกของหล่อนก็ชมพูน่ากัดเม้นเหลือเกิน
“ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอมีนมใหญ่ขนาดนี้”
เขาบอกเธอตรงๆ โดยไม่ละสายตาจากสองเต้าใหญ่ ส่วนคนถูกจ้องก็นั่งเกร็งเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาของสามี ใช่เขาเป็นสามีของเธอและหลังจากนี้ก็จะเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบของหล่อน แต่เสียใจเหลือเกินที่เขาไม่คิดจะรักเธอ ไม่คิดจะมองเธอเหมือนผู้หญิงคนนั้น
ธรรพ์มองจ้องสองเต้าและห้ามมือตัวเองไม่ได้ เขาเคลื่อนมือไปกอบกุมสองเต้าตรงหน้า มันเต่งตึง และนุ่มมือ มันคือของแท้ไม่มีซิลิโคลน ทุกอย่างบนร่างกายของกลิ่นจันทร์คือธรรมชาติ สายตาของเขาเลื่อนต่ำลงไปยังหน้าขาของหล่อนที่ตอนนี้ขาเล็กนั่งไขว่พาดกันปกปิดความเป็นสาวของหล่อนอยู่ ริมฝีปากยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางไร้เดียงสาของหล่อน
“อย่ามาแสร้งเป็นเขินอายฉัน เธอต้องการไม่ใช่เหรอจันทร์” เขาเอ่ยออกมาอย่างดูถูกคนตรงหน้าพร้อมผลักร่างเปลือยให้นอนล้มลงไปยังเตียงอีกครั้ง
“เราค่อยทำวันอื่นไม่ได้เหรอคะคุณดี” เธอมองเห็นความเป็นบุรุษที่นอนแน่นิ่งซบอยู่หว่างขาของเขาก็อดกลัวไม่ได้ ขนาดนอนนิ่งยังไม่ตื่นตัวยังน่ากลัว แล้วเนี่ยนะที่จะสอดแทรกกรีดกายเข้ามาในร่างของเธอ แค่นึกภาพก็กลัวแทบขาดใจแล้วตอนนี้
หึหึ
“จะวันนี้วันไหนเธอก็ต้องทำหน้าที่เมียของฉันอยู่ดีจันทร์”
เคลื่อนตัวคร่อมทับร่างเล็กที่นอนเกร็งอยู่ พร้อมกับสองมือนั้นวางทาบทับไปยังเต้าอวบอูมอีกครั้งพร้อมเริ่มขยับจังหวะบีบนวดคลึงเคล้นสองเต้า เอวสอบก็บดเบียดแก่นกายร้อนของตัวเองที่กำลังขยับตัวเหยียดตั้งออกทีละนิดของตัวเองไปมากับหน้าท้องแบนราบของหล่อน
แล้วกลิ่นจันทร์ก็พูดอะไรต่อไม่ได้เลย เมื่อสิ่งที่ธรรพ์พูดมานั่นคือความจริง จะตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็ต้องทำหน้าที่บนเตียงกับเขา เพราะเธอแต่งงานกับเขาแล้วตอนนี้ เป็นภรรยา และในอนาคตจะเป็นแม่ของลูกเขา แม้ว่าตัวหล่อนและลูกจะเป็นที่ชังก็ตาม แต่เธอก็ดีใจที่อย่างน้อยเขาก็คือพ่อของลูกและยังเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเธอนับตั้งแต่นี้และตลอดไป