บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 - เข้าหอ

นาทีนี้ร่างเปลือยของเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่อีกคนฝืนกัดฟันแต่งงานด้วย ส่วนอีกคนนั้นเต็มใจและพร้อมจะทำหน้าที่ภรรยาของเขาแม้ว่าเขาจะเกลียดชังตัวเองมากนักก็ตาม หัวใจสาวของกลิ่นจันทร์เต้นระรัวเมื่อถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่ และสองมือของเขาก็บีบนวดคลึงเคล้นเต้าของเธอ แม้จะรู้สึกเจ็บและไม่คุ้นชินแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธหรือผลักไสเขาไปไหนได้ เมื่อมันคือหน้าที่ของภรรยาที่ต้องทำร่วมกับสามี

“เธอจำไว้ว่าสิ่งที่ฉันทำตอนนี้คือหน้าที่เท่านั้น ฉันไม่เคยคิดจะแตะต้องเธอเลยสักนิดจันทร์ แต่ฉันก็ต้องแตะต้องกาฝากอย่างเธอเพราะแม่ของฉันต้องการหลานที่เกิดจากเธอ” เขาพูดแล้วก็โน้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอระหง กลิ่นจันทร์ได้แต่เม้มปากแน่นเก็บความจุกเจ็บไว้ในอกของตัวเองแต่น้ำตาของหล่อนก็ห้ามไม่ได้เหมือนความเจ็บที่อัดแน่นไว้ในอกมันกำลังไหลล้นดวงตาสวยออกทางหางตา

อึก!

เสียงสะอื้นไห้ของหล่อนดังลอดออกมาจากปากที่เม้มกันแน่จนคนที่กำลังขูดถูเคราสากตามซอกคอระหงผละออกมาดูแล้วแสยะยิ้มสมเพชส่งให้เธอแล้วพูดว่า...

“น้ำตามันช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก ร้องไห้เป็นเลือดฉันก็ไม่คิดจะมองเธอเป็นอื่นไปได้นอกจากคนที่ฉันเกลียด”

ธรรพ์ไม่ได้สนใจและสงสารกลิ่นจันทร์เลยสักนิด เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจคือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของหล่อนมากกว่า มันทำให้เขารู้สึกแปลกมันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมราคาแพง มันคือกลิ่นตัวของหล่อนงั้นเหรอ ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ถูไถเคลื่อนไว้มายังเนินอกอวบอูมของคนที่ร้องไห้สะอื้นอยู่ใต้ร่าง สองมือก็ลูบไล้ตามต้นแขนเนียนเคลื่อนไล้ตามเรียวแขนมายังสีข้างเล็กแล้วมาคว้าเอวเล็กคอดของกลิ่นจันทร์ให้ยกเร่าขึ้นหาใบหน้าของตัวเองที่กำลังเคลื่อนไซ้จูบผ่านร่องอกมายังหน้าท้องแบนราบของเจ้าหล่อน

“อือ คุณดี...จันทร์...อ่ะ อื้อ” หล่อนครางซ่านออกมาด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มในทรวงกาย ตอนนี้ปากน้อยร้องครางออกมาตลอดการสัมผัสของปากหนา เสียงสะอื้นไห้ได้เปลี่ยนเป็นเสียงคราง เอวเล็กคอดยกเร่าตามแรงจับบังคับของมือใหญ่

เขายิ้มมุมปากกับหน้าท้องแบนราบของเจ้าหล่อน เขาได้ยินเสียงครวญครางของเธอ เขารู้ว่าหล่อนกำลังต้องการอะไรในตอนนี้ และเขาเองก็ไม่ต่างกัน ทำไมร่างกายของยัยกาฝากถึงได้หอมรัญจวนน่าปรารถนาแบบนี้ ทำไมเขารู้สึกว่ากลิ่นตัวอ่อนๆ ของหล่อนมันทำให้เขาปวดร้าวได้ขนาดนี้

“ฉันไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว เรามาทำให้เสร็จๆ กันเถอะ” เขาผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าท้องแบนราบของหล่อนแล้วเคลื่อนตัวมาคร่อมทับเธออีกครั้ง

“คุณดี...จะทำยังไงต่อคะ อ่ะ อื้อ” แล้วเสียงของหล่อนก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อปากหนาบดจูบลงมาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว ส่วนคนจูบก็ไม่คิดว่าตัวเองจะจูบปากหล่อนเช่นกัน พอได้บดจูบทายทับสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเล็กก็ยากจะถอนจูบออกมา

“อะ อื้อ”

เสียงครางเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดจูบกันของทั้งสอง กลิ่นจันทร์ไม่รู้จะทำยังไงหล่อนปล่อยให้ปากหนาบดครอบครองปากตัวเองและปล่อยให้ลิ้นของเขาเกี่ยวพันลิ้นตัวเองได้ตามใจชอบ สองมือเล็กกำเกร็งแน่นข้างลำตัวไม่กล้าตวัดแขนโอบกอดร่างใหญ่โตเหนือร่าง

“อ่า อื้อ”ความหวานของปากน้อยของกลิ่นจันทร์ทำให้ธรรพ์ไม่อาจถอนจูบได้ เขารุกเร้าปลายลิ้นควานกินความหวานในโพรงปากน้อย สองมือใหญ่ลูบไล้หัวไหล่มนร่างเล็กไม่ให้ขยับดิ้นถอยหนี ปากหนาตักตวงความหวานของปากน้อยไร้เดียงสา หล่อนไร้เดียงสางั้นเหรอ หล่อนจูบไม่เป็นเลยสักนิด ขนาดเผลอตัวจูบตอบยังผิดจังหวะ และมือน้อยที่กำแน่นเกร็งข้างลำตัวเขาก็เคลื่อนมาคลี่มือเธอออกพร้อมสอดประสานมือกับมือเล็กนุ่มนิ่ม

“อ่า ฉันเพิ่งรู้ว่าเด็กของคุณแม่จะไร้เดียงสา แล้วส่วนนั้นจะไร้เดียงสาหรือผ่านมาเยอะกันนะ” เขาผละออกมาเอ่ยเย้ยแล้วเคลื่อนเอวสอบบดเบียดหน้าท้องแบนราบของเธอแล้วถูไถเอ็นเนื้อแข็งร้อนที่เหยียดตัวพร้อมกรีดกายเข้าไปในโพรงสวาทของหล่อนไปกับกลีบดอกไม้งามกลางหว่างขาของเธอไปมา

“อือ คุณดี...จันทร์ร้อน อื้อ” หล่อนครางกระเส่าบิดกายเปลือยไปมาอยู่ใต้ร่างใหญ่ มือเล็กที่ถูกมือใหญ่ประสานกดตรึงไว้ข้างลำตัวก็ได้แต่ขยับไป

“ฉันรู้ว่าเธอร้อนเพราะอะไร เดี๋ยวจากนี้เธอจะไม่ร้อนและเราจะทำหน้าที่เข้าหอของเราเสร็จสมบูรณ์หลังจากนี้”

ธรรพ์เอ่ยแต่ร่างกายของเขามันร้อนรุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อไม่ต่างจากกลิ่นจันทร์ เขาต้องการ ใช่ต้องการทั้งๆ ที่เขาเกลียดหล่อน ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่ตัวเองขยะแขยงที่สุดจะปลุกเลือดลมในกายให้ลุกโหมกระพือได้มากขนาดนี้ ให้ตายสิ เขากำลังปรารถนาหล่อน

“อือ คุณดี..ชะ...ช่วยจันทร์ด้วยค่ะ” แม้จะเจ็บกับน้ำตาคลอกับการเหยียดหยามดูถูกของเขาแต่ก็ไม่อาจดิ้นรนต่อต้านขัดขืนได้เพราะมันคือหน้าที่อย่างที่เขาบอก

“อืม ตอนนี้แหละ ฉันอยากรู้นึกว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างแล้ว” แม้จะมั่นใจตั้งแต่จูบแล้วว่าหล่อนยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนแต่ปากของเขาก็อดจะพูดดูถูกหล่อนไม่ได้

กรีดกายเอ็นเนื้อถูไถไปกับกลีบสวาทฉ่ำแฉะของกลิ่นจันทร์ไปมาก่อนจะหยุดนิ่งแล้วสอดแทรกกรีดกายดุนดันเข้าไปในความเป็นสาวของเธอ แต่ก็ลำบากเหลือเกินเมื่อเธอตัวเล็กนิดเดียว เขาประกบปากปิดปากน้อยไว้แล้วกดมือเล็กตรึงไว้ข้างลำตัวแน่นแล้วกระแทกกายครั้งเดียวสุดทางรักของหล่อนทันที

“อ่ะ อื้อ” ร่างเล็กสะดุ้งเกร็งเมื่อถูกความใหญ่โตแทรกสอดเข้ามาในแช่นิ่งอยู่กลางร่าง อยากจะร้องกรี๊ดดิ้นหนีก็ดิ้นและร้องไม่ได้ เธอได้แต่ปล่อยให้น้ำตาใสๆ ไหลอาบล้นออกทางหางตาเมื่อปากน้อยนั้นถูกปากหนาบดจูบปิดเสียงทรมานเจ็บกลางร่างของเธอไว้

เมื่อได้แทรกกายสอดเร่ามาแช่นิ่งสุดทางรักคับแน่นของกลิ่นจันทร์แล้วธรรพ์ก็ได้แต่นิ่งไม่ยอมขยับตัว เขารู้ว่าหล่อนกำลังเจ็บกับการที่เขากระแทกกายเข้ามาแบบนี้ แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอกับสิ่งที่หล่อนทำกับเขา เพราะเธอทำให้เขาต้องแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเขามีแฟนที่รักมากอยู่แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นธรรพ์ก็ไม่สนใจว่าเธอจะคุ้นชินกับการมีตัวเองแทรกฝังอยู่ในร่างหรือเปล่า เอวสอบเริ่มขยับบดเบียดเคลื่อนไหวจังหวะเร่าอารมณ์ทันทีเมื่อคิดถึงงานแต่งงานเมื่อตอนกลางวันที่ผ่านมา

“อ่ะ อื้อ”

ปากหนาบดจูบกลืนกินความหวานในโพรงปากน้อยแสนหวานของเจ้าสาวแสนชังของตัวเอง เอวสอบเคลื่อนไหวโยกเร่าไหวจังหวะเร่าร้อน ยิ่งภายในกายสาวตอดรัดคลึงหนักหน่วงเขาก็ยิ่งจ้วงกายสอดลึกแล้วถอดถอนออกมาแล้วเด้งกระแทกเข้าไปในความเป็นสาวของหล่อนอีกครั้ง

พั่บ!พั่บ!พั่บ!

จังหวะกระแทกกายดุดันไร้ความทะนุถนอมของเจ้าบ่าวกำลังทำให้กลิ่นจันทร์เจ็บจุกและนอกเหนือ จากความเจ็บจุกกลางร่างก็มีความร้อนรุ่มและเสียวในไส้ ทุกครั้งเมื่อเขาถอดถอนกายแกร่งออกจากร่างของตัวเอง

“อ่า คุณดีขา...จันทร์ไม่ไหวแล้ว อื้อ”

ตอนนี้เธอยอมรับแล้วว่าความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ไม่อาจทำให้เธอหวาดกลัวเหมือนคราแรก เพราะตอนนี้หล่อนกำลังต้องการเขา และเผลอตัวแอ่นเด้งบิดเร่าแรงสวาทตอบสนองเขา มือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระเธอก็ตวัดโอบกอดเขากรีดจิกเล็บสั้นของตัวเองขูดไถตามแผ่นหลังกว้างของคนที่ไหวโยกเหนือร่างตัวเอง

“อ่า ไม่ไหวแค่ไหนจันทร์ อื้อ ให้ตายสิเธอตอดรัดฉันแน่นมาก อ่า เสียว”

ธรรพ์ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้กับกลิ่นจันทร์ ไม่เคยมีภาพแบบนี้ แต่ตอนนี้กลิ่นกายสาวที่คละคลุ้งไปด้วยเหงื่อไคลช่างหอมเร่าสวาทรัญจวนใจดีเหลือเกิน เอวสอบโหมกระแทกกายบดเร่าส่ายคลึงหนักหน่วงเป็นจังหวะ พร้อมกับสองมือโอบกอดรัดร่างเล็กขึ้นมาเบียดร่างตัวเองจนกลืนเป็นเนื้อเดียวกันก็ว่าได้

“อื้อ ไม่ไหวแล้วคุณดีขา...จันทร์ไม่ไหวแล้ว อ่ะ อื้อ”

“ซี๊ด ฉันรู้ว่าเธอไม่ไหว ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน อ่า แน่นดีเป็นบ้า ชูว์ โอว์”

พั่บ! พั่บ! พั่บ!

จังหวะเคลื่อนไหวของบุรุษดำเนินไปอย่างดุดัน และหลงลืมไปแล้วว่าใต้ร่างคือเจ้าสาวที่ตัวเองแสนเกลียด ลืมไปสิ้นว่าตัวเองเกลียดกลิ่นจันทร์มากแค่ไหน เขากำลังทำหน้าที่สามี ทำหน้าที่ของเจ้าบ่าวเพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ ส่วนความไร้เดียงสาและหวานหอมของเจ้าสาวก็ปลุกเร้ากำหนัดเขาได้ดีเหลือเกินจนไม่อยากถอดถอนออกจากความฉ่ำคับแน่นของหล่อนแม้แต่วินาทีเดียว แอ่นเด้งกระแทกจ้วงลึกแล้วถอดถอนออกมาแล้วเด้งกลับไปใหม่ ทำแบบนั้นเรื่อยๆ และคืนนี้คงยากที่เขาจะถอดถอนหายจากเจ้าสาวแสนชังคนนี้

“โอว์ จันทร์ เธอมันแม่มดรึไงกัน อ่า ซี๊ด อื้อ”

พั่บ! พั่บ! พั่บ!

เกือบจะรุ่งสางธรรพ์ถึงปล่อยให้เจ้าสาวตัวเองนอนหลับ ส่วนตัวเขาก็ลุกเดินไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงานของตัวเองไม่คิดจะสนใจเจ้าสาวที่ตัวเองใช้งานร่างกายหล่อนหนักหน่วงมาตลอดทั้งคืน เมื่อเข้ามาในห้องน้ำเขาก็มองสำรวจร่างกายตัวเองที่เต็มไปด้วยลอยขีดข่วนของเล็บกลิ่นจันทร์ และแผ่นหลังของเขาก็เต็มไปด้วยแผลจากเล็บเธอเช่นกัน

“ให้ตายสิวะ! ” เขาสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นแผลที่ตัวของตัวเอง แล้วกำมือแน่นคิดโกรธหงุดหงิดตัวเองที่เผลอตัวหลงไปกับร่างกายที่น่าชังของกลิ่นจันทร์

“หวังว่าเธอจะท้องในเร็วๆ นี้จันทร์” เขาพึมพำกับตัวเองในกระจกแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำพร้อมเปิดฝักบัวให้ชโลมร่างกายตัวเองที่เหนียวเหงื่อไคลในตอนนี้

“ฉันเกลียดเธอยัยกาฝาก” ยิ่งนึกยิ่งเกลียดยิ่งแค้นชังหล่อน สองมือกำเกร็งแน่นข้างลำตัวแล้วแหงนเงยหน้ารับน้ำที่กำลังไหลจากฝักบัวเพื่อให้มันดับความเดือดดาลของอารมณ์ตัวเองลง

ธรรพ์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวสอบหลวมๆ พอเดินออกมามองไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่จากเมื่อก่อนมันเป็นสีดำตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานจนต้องเม้มปากแน่นเมื่อคนที่นอนบนเตียงขยับพลิกตัวนอนหันหน้ามาทางตัวเองอยู่

“เธอท้องเมื่อไหร่ฉันจะย้ายออกจากบ้านทันที” เขาบอกกับตัวเองพร้อมกำมือแน่นแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อผ้ามาใส่เมื่อเหลือบสายตามองนาฬิกาที่ผนังห้องใกล้จะหกโมงเช้าแล้วก็ไม่อาจรอช้าจะแต่งตัวออกจากบ้านไปแต่เช้า

คุณนายผิงตื่นแต่เช้ามาดูเด็กรับใช้เตรียมกับข้าวทำบุญไว้ให้ลูกชายและลูกสะใภ้ที่ตัวเองเลือกใส่บาตรในตอนเช้า เมื่อเตรียมทุกอย่างกับเด็กรับใช้เสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องครัวเพื่อจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดมารอใส่บาตรพร้อมลูกทั้งสองของตัวเอง แต่ก็เห็นลูกชายตัวดีเดินลงมาจากชั้นบน

“นั่นคุณดีจะไปไหนแต่เช้า” นางถามลูกชายที่กำลังจะเดินผ่านตัวเองไปทันที

“ทำงานครับ” เขาตอบเสียงเรียบ

“ทำไมไปแต่เช้าจังลูก ไม่อยู่ใส่บาตรกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนเหรอคุณดี” นางถามลูกชายอีก

“ไม่ครับ ผมไม่อยากตักบาตรทำบุญร่วมชาติร่วมขันกับเด็กของคุณแม่ ส่วนเรื่องลูกผมจะทำให้เธอท้องให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ตัดขาดจากเธอ” เขาบอกท่าน

“ทำไมคุณดีของแม่ใจร้ายแบบนี้ ยังไงเสียตอนนี้หนูจันทร์ก็เป็นเมียของลูกแล้วนะคุณดี อย่าใจร้ายกับน้องนักเลยลูก”

“ผมไม่ได้ใจร้าย ผมเกลียดเธอคุณแม่ก็รู้ รู้และยังยัดเยียดเธอให้ผมอีก ผมขอตัวล่ะครับคุณแม่ ผมจะไปทำงาน” เขาขยับเนคไทของตัวเองเล็กน้อยแล้วเดินจากไปทันที โดยไม่สนใจจะต่อความกับแม่ที่รักของตัวเองต่อ

เฮ้อ!

คุณนายผิงถอนหายใจดังส่ายหน้าให้กับท่าทางและคำพูดของลูกชายที่ชัดเจนจนนางเริ่มกังวลและคิดแล้วว่าตัวเองคิดผิดที่ให้ทั้งสองแต่งงานกันแบบนี้ หรือกลิ่นจันทร์ควรได้เจอผู้ชายที่ดีกว่านี้ เธอไม่ควรมาเจอกับผู้ชายใจร้ายอย่างลูกชายนาง หรือว่าการตัดสินใจให้เด็กทั้งสองแต่งงานกันเป็นความผิดพลาดหรือเปล่า หรือนางบีบบังคับลูกชายเกินไปรึเปล่า แต่จะทำยังไงได้เมื่อตอนนี้ทั้งสองผ่านพิธีมงคลสมรสกันมาแล้วและหวังว่าในอนาคตความเกลียดชังของลูกชายจะเปลี่ยนเป็นความรักได้ หรืออาจไม่ได้เลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ นางจะให้ทั้งสองหย่าแยกทางกันเองโดยไม่สนใจเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นมาบีบบังคับทั้งสอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel