6 ต้องมีสักคน
“เฮ้อ....” ชานนท์ถอนหายใจอีกครั้ง
“ถอนหายใจยาวเชียว อย่าบอกนะว่าปู่มึงพูดเรื่องเดิมอีกแล้ว” ปกป้องรู้ดีกว่าใครเพราะปู่ของชานนท์กับครอบครัวของเขาสนิทกันและปู่มนตรีก็มักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากให้ชานนท์กับน้องสาวของเขาแต่งงานกัน
“อือ คราวนี้ปู่กูเอาจริงว่ะ นี่ก็หาสาวให้กูใหญ่เลย แล้วกูก็ดันไปบอกเขาว่าไม่ต้องหาเพราะกูมีเมียอยู่แล้ว”
“แต่กูไม่เห็นว่ามึงจะคุยกับใครจริงจังเลยนี่ไอ้นนท์แล้วมึงจะเอาเมียมาจากไหน” นิธิกรที่มักจะออกมานั่งดื่มกับเพื่อนบ่อยกว่าคนอื่นพูดขึ้น
“อือ...ตอนนี้กูกำลังคิดหนัก ไม่น่าไปเผลอพูดแบบนั้นกับปู่เลยให้ตายสิ”
“ถ้าไม่มีมึงก็บอกเขาไปตรงๆ สิ หรือคนที่ปู่มึงแนะนำให้ไม่สวยว่ะ”
“คนที่ปู่กูชอบก็มียัยปิ่น กับหนูดี”
“ยัยปิ่นน้องไอ้ป้องน่ะเหรอ ดีนะมึง รู้จักกันมานานแล้วด้วย แล้วอีกคนใครวะ”
“กูกับน้องไอ้ป้องรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว แล้วกูก็เห็นปิ่นเป็นน้องสาวมาตลอด ปิ่นเองก็เห็นกูเป็นพี่ชาย เรื่องนี้กูสองคนคุยกันแล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางยอมแน่ๆ”
“แล้วอีกคนใครวะ กูไม่เห็นรู้จัก”
“ลูกสาวคุณเรวดีเจ้าแม่นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมไง”
“อ๋อ กูเคยเห็นเขาออกงานกับแม่บ่อยๆ” ปกป้องเคยเห็นนราวดีอยู่หลายครั้งแต่ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“สวยไหมวะป้อง” นิธิกรถาม
“สวยสิ หุ่นก็ดีนะ”
“แต่กูไม่ชอบไง กูชอบคนที่สวยแบบธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงแต่งมาก”
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ก็แต่งหน้ากันทุกคนแหละ เจอกลางคืนนี่สวยเชียวแต่พอตื่นเช้ามานึกว่าคนละคน” นิธิกรพูดเสริมเพราะตนเองเคยมีประสบการณ์หิ้วสาวสวยออกไปจากผับ แต่พอตอนเช้าเกือบจำไม่ได้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน
“แล้วมึงจะเอาไงต่อ แต่กูว่าเดี๋ยวปู่มึงก็คงเลิกจับคู่มึงเองแหละ”
“กูว่าครั้งนี้ท่านเอาจริงว่ะ”
“อย่าบอกนะว่ามึงจะยอมให้เขาจับมึงแต่งงาน”
“ไม่มีทาง แต่กูยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง”
“ก็จะไปยากอะไรวะ มึงก็หาใครสักคนไปเจอกับปู่แล้วก็บอกว่านี่แหละเมียมึง” นิธิกรเสนอ เหมือนว่าเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับชานนท์แล้วมันไม่ง่ายเลย เพราะปู่ของเขาต้องดูออกแน่ๆ
“มึงก็พูดง่าย ใครจะยอมทำแบบนั้น แล้วกูก็กลัวว่าพอเจอกับปู่แล้วปู่ไม่ถูกใจอาละวาดบ้านแตก หรือไม่ก็ถูกใจมากแล้วเร่งให้กูแต่งงานล่ะ”
“แต่งก็แต่งสิวะ” เมคินพูด
“คนเราไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยัง แล้วใครที่ไหนเขาจะแต่งงานกับกูง่ายๆ แบบนั้น”
“มันต้องมีสักคนแหละน่า”
“จะมีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนที่จะยอมแต่งงานทั้งที่เพิ่งรู้จักกันบ้างล่ะ” ชานนท์ถอนหายใจอย่างหนักอีกครั้ง
“มึงก็หาจ้างผู้หญิงสักคนสิวะ” นิธิกรเสนอ
“เออ ใช้เงินแก้ปัญหาดีที่สุด กูว่าไม่มีวิธีที่มันดีกวานี้แล้วล่ะ” ปกป้องก็เห็นด้วยกับนิธิกร
“หรืออีกทางมึงก็บอกปู่ไปว่ามึงไม่อยากแต่งงาน เพราะยังไม่อยากตกนรกแคนี้ก็จบ” เมคินช่วยแก้ปัญหา
“ถ้าง่ายแบบนั้นกูคงไม่นั่งเครียดหรอก กูว่าครั้งนี้ปู่เอาจริงว่ะ”
“งั้นก็เอาแบบที่กูเสนอนั่นแหละ หาใครสักคนเอาที่เชื่อฟังคำสั่งหน่อยจะได้ไม่วุ่นวายมาก ทำสัญญาจ้าง ซ้อมบทให้เนียนแกล้งคบกัน พาเข้าไปอยู่ที่บ้านจากนั้นก็ค่อยบอกปู่ว่าทดลองอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข แล้วก็เข็ดกับความรักขอเวลาทำใจสักสองสามปี” นิธิกรสรุป
“ดีเหมือนกันนะ แต่ใครจะยอมล่ะ”
“เดี๋ยวพวกกูช่วยหาเอง เอาเด็กในร้านไอ้คินก็ได้ หาสักคนที่ถูกใจ หรือจะเอาน้องคนเมื่อกี้ก็ได้นะ” นิธิกรเสนอ
“ไอ้คินมันก็เพิ่งบอกอยู่ว่าน้องเขาแค่ชงเหล้าอย่างเดียว” ปกป้องท้วง
ชานนท์คิดไม่ตกว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ก่อนจะออกมาดื่มกับเพื่อนเขาโทรไปปรึกษาบิดามารดาที่เชียงใหม่ ท่านก็เห็นดีเห็นงามกับปู่ของเขา แถมยังบอกอีกว่าถ้าสาวเมืองกรุงไม่ถูกใจจะหาสาวเชียงใหม่ไว้ให้ขอแค่เขาบอกท่านจะจัดการให้ทันที
แต่คนอย่างเขาไม่ยอมถูกจับคลุมถุงชนแน่นอน บางทีเขาอาจจะทำตามคำแนะนำของเพื่อน แต่จะต้องหาคนที่สามารถรับมือกับปู่ของเขาได้ ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นอีกปัญหาที่เขาไม่ควรจะปล่อยผ่าน เพราะปู่ของเขาทั้งฉลาดและเจ้าเล่ห์
“เรื่องผู้หญิงที่จะจ้าง เดี๋ยวฉันขอคิดดูก่อนนะ ว่าจะเอายังไง ถ้ามันหาใครไม่ได้จริงๆ ก็หาเอาในร้านไอ้คินนี่แหละ”
“อือ งั้นคืนนี้ก็ดื่มให้เต็มที่ แล้วขากลับจะพาคนไหนกลับเลือกไว้หรือยังล่ะ”
“ไม่ดีกว่า” ชานนท์ไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องอย่างว่า ขณะที่คุยกับเพื่อตาเขาก็บังเอิญเห็นเด็กสาวคนเมื่อครู่ที่กำลังต้อนรับแขกอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม เห็นเธอคุยกับคนอื่นไปทั่วเขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เธอคนนั้นทั้งขาวทั้งสวย หุ่นก็น่าฟัดอย่างที่เพื่อนเขาพูด คิดแล้วก็อยากจะลากเธอกลับบ้านด้วย แต่ติดตรงที่เมคินบอกว่าเธอไม่รับงานแบบนั้น
เขาไม่รู้ว่าที่เธอบอกกับเมคินเพราะเธออยากเพิ่มค่าตัวหรือเพราะเธอไม่ได้ทำงานแบบนั้นจริงๆ แต่ถ้าเธอเลือกที่จะทำงานแบบนั้นก็คงมีลูกค้าต่อแถวยาวเป็นพรวนอย่างแน่นอน
ชานนท์ดื่มต่อกับเพื่อนจนถึงเวลาปิดร้าน ก็แยกย้ายกันกลับ เขาเดินมาที่รถยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องหญิงสาวที่เห็นในร้านก็เดินออกมากับเพื่อน แล้วบังเอิญว่ารถของเขาจอดอยู่ติดกับรถจักรยานยนต์ของเธอกับเพื่อนเสียด้วย
พอได้เห็นหน้าใกล้เขายอมรับอย่างไม่อายเลยว่าหญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่สวยงามราวกับภาพวาด ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเรียงเป็นระเบียบขนตางอนงาม จมูกโด่งเล็กน้อยปากอิ่มที่แต่งแต้มด้วยลิปสตีกสีสวยนั้นดึงดูดสายตาของเข้าได้เป็นอย่างดี
หุ่นของเธอราวกับนางแบบเอวคอดสะโพกกมกลึวหน้าอกอวบดูแล้วน่าเอื้อมมือไปจับเพราะความหมั่นไส้
“ปุณเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ เราเห็นวิ่งลงมาจากชั้นสอง”
“ก็เสี่ยบรรจงน่ะสิ เมาแล้วชวนออกไปข้างนอก”
“อ๋อ เราลืมเตือนปุณว่าถ้าคนนี้มาให้ห่างๆ ไว้ เขาทั้งมือไวปากไว แล้วเขาโกรธไหมที่ปุณไม่ออกไปกับเขา”
“ก็โวยวายอยู่เหมือนกัน แต่พอคุณเมคินขึ้นไปดูก็เห็นว่าเมาคอพับไปแล้ว เราว่าถ้าพอมีเงินใช้หนี้เจ๊น้ำให้แม่ เราจะเลิกทำงานนี้แล้วล่ะกัญญา”
“ทำไมล่ะ เงินมันดีมากเลยนะ”
“ใช่ เงินมันดี แต่เรากลัวว่าเราจะหนีแบบนี้ไม่ได้ทุกครั้ง มันเสี่ยงเกินไป”
“ถ้างั้นปุณก็อดทนอีกนิดนะ”
“อือ ทำยังไงได้ล่ะ ตอนนี้เงินที่มีมันไม่พอเดือนหน้าปั้นก็จะต้องไปเรียนแล้ว เราอยากให้น้องมีเงินติดตัวไปบ้าง เวลาไปเรียน” ปุณณิศาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้น้องชายไปเรียนได้อย่างไม่ต้องกังวล
“น่าภูมิใจเหมือนกันนะ น้องชายปุณเรียนเก่งมาก ถ้าเรียนจบคงได้เงินเดือนเยอะน่าดูเลย”
“ก็คงอย่างนั้น ตอนนี้เรากับแม่เลยต้องทำงานกันมากหน่อย อยากให้น้องได้ไปเรียน ทุนที่เขาให้มันก็มีอยู่หรอก แต่เราก็อยากให้น้องมีเงินใช้จ่ายด้วย”
“ปั้นโชคดีมากที่มีพี่สาวน่ารักอย่างปุณ”
“เราก็โชคดีที่มีน้องขยันเรียนอย่างปั้นแล้วก็โชคดีด้วยที่มีเพื่อนอย่างกัญญา กลับกันเถอะ เดี๋ยวแวะกินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยนะ วันนี้เราเลี้ยงเอง”
“ได้เลย ลาภปากกัญญาอีกแล้ว”
สองสาวคุยกันเสร็จนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ออกไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าบทสนทนาเมื่อครู่นั้นมีใครบางคนฟังอยู่