บท
ตั้งค่า

7 งานเข้า

ปุณณิศากลับมาถึงบ้านก็เกือบจะตีสามเพราะวันนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวคนเยอะกว่าปกติ หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาที่มารดาตื่นมาทำขนมพอดี

“ปุณ แม่ว่าหนูไปพักเถอะลูก ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ปุณช่วยแม่ก่อน เดี๋ยวค่อยนอนพักทีเดียวก็ได้ค่ะ” ปุณณิศาต้องไปทำงานที่ร้านกาแฟของพี่อรในเวลาสิบโมงเช้าหลังจากช่วยมารดาเตรียมของเสร็จเธอก็ได้นอนพักอย่างน้อยก็สามชั่วโมง

“ไหวแน่นะลูก”

“ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ งานร้านพี่อรไม่ได้หนักหนาอะไรเลยค่ะ”

“แล้วงานที่ไปทำกับกัญญาล่ะลูกเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีค่ะแม่ คืนหนึ่งได้เยอะเลยค่ะ อย่างเมื่อคืนปุณได้มาเกือบสี่พันเลยค่ะ นี่ยังไม่รวมเงินเดือนนะคะ”

“รายได้มันดีก็จริงแต่แม่กลัวสุขภาพเราจะแย่ไปด้วย ถ้าเปิดเทอมแม่ว่าจะให้หนูหยุดทำงานกลางคืนนะลูก”

“ปุณคุยกับเจ้าของร้านไว้แล้วค่ะแม่ ถ้าเปิดเทอมปุณไปแค่คืนวันศุกร์กับวันเสาร์ค่ะ”

“แม่นึกว่าเปิดเทอมจะหยุดทำงาน”

“หยุดทำไมล่ะคะแม่รายได้ดีขนาดนั้น ปุณว่าอีกไม่นานเราคงใช้หนี้เจ๊น้ำหมด ถ้ามีเงินเหลือจะได้ส่งให้ปั้นด้วย”

“เอาที่ตัวเองไหวนะปุณ”

“ค่ะ แม่ก็เหมือนกันนะคะ อย่าหักโหมมาก กลับมาจากตลาดแล้วนอนพักสักนิดแล้วค่อยทำขนมต่อก็ได้ค่ะ”

“ทำขนมมันไม่เหนื่อยอะไรเลย แค่ปวดหลังนิดหน่อยเอง”

“เดี๋ยวเย็นนี้ปุณนวดหลังให้แม่ก่อนไปทำงานดีไหมคะ”

“ก็ได้จ้ะ”

สองแม่ลูกช่วยกันทำขนมหวานจนเสร็จ จากนั้นปนัดดาก็จะเอาของทั้งหมดใส่รถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้างไปขายที่ตลาด ส่วนปุณณิศาก็ปลุกน้องชายให้ลุกมาหุงข้าวก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปนอน

หญิงสาวตื่นนอนอีกครั้งในเวลาเก้าโมงเช้า ตอนนี้บนโต๊ะอาหารในห้องครัวมีผัดผักรวมกับแกงเทโพวางอยู่

“พี่ปุณเอาไข่เจียวเพิ่มไหม” ปุณณพัฒน์เพิ่งกลับมาจากตลาดถามพี่สาว เด็กหนุ่มจะตื่นนอนแล้วหุงข้าวทิ้งไว้ก่อนจะปั่นจักรยานไปช่วยมารดาขายของที่ตลาด ส่วนขากลับก็จะซื้อกับข้าวมาด้วย เป็นกิจวัตรประจำวันที่ทำกันมานาน ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมก็จะกลับมาสายหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วงเปิดเทอมก็จะช่วยมารดาไม่นานเพราะต้องรีบมาทานข้าวและไปโรงเรียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก

“ไม่ล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว วันนี้ปั้นมีเรียนกี่โมง”

“สิบเอ็ดโมงครับพี่”

“เรียนเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีครับอาจารย์ชมว่าปั้นหัวไว”

“อีกเดือนเดียวก็จะต้องไปเรียนแล้วตื่นเต้นไหม”

“ตื่นเต้นสิครับผมอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ แต่พอคิดอีกทีก็ไม่อยากไปเลย ผมคงคิดถึงแม่กับพี่ปุณมากๆ แน่เลย” เพราะตั้งแต่เกิดมาเขากับพี่สาวไม่เคยห่างกันนาน

“ท่องไว้ปั้น เพื่ออนาคต”

“ครับพี่ปุณ ถ้าผมเรียนจบผมจะเป็นคนหาเลี้ยงพี่ปุณกับแม่เอง ผมจะซื้อบ้านหลังใหม่พี่ว่าดีไหม”

“ดีสิ ได้ยินแบบนี้หายเหนื่อยเลย” ปุณณิศารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะที่เธอขยันทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้น้องชายได้ไปเรียนในสิ่งที่เขาชอบ

“พี่ปุณ กับแม่เหนื่อยเพื่อผมมามาก ผมสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนนะครับ”

สองพี่น้องนั่งทานข้าวโดยที่ไม่รอมารดาเพราะปกติแล้วปนัดดาจะทานข้าวแกงที่ร้านติดๆ กันก่อนกลับเสมอ

หลังทานอาหารเสร็จปุณณพัฒน์ก็ปั่นจักรยานไปช่วยมารดาเก็บร้านส่วนเธอก็เตรียมตัวไปทำงานที่ร้านกาแฟ

“พี่ปุณ พี่ปุณ”

“อ้าวปั้น ไหนว่าจะไปช่วยแม่เก็บร้านแล้วทำไม่วิ่งหน้าตื่นมาแบบนี้”

“แม่แย่แล้วพี่ปุณ แม่โดนรถชนตอนนี้รถกู้ภัยกำลังพาแม่ไปโรงพยาบาล”

“อะไรนะ แล้วแม่เป็นอะไรมากไหม แล้วไปโรงพยาบาลไหน”

“โรงพยาบาลหน้าตลาดครับ”

ทั้งสองคนรีบช่วยกันปิดบ้านจากนั้นปุณณพัฒน์ก็ปั่นจักรยานออกมาหน้าปากซอย

“พี่ว่าเอาจักรยานฝากร้านของชำไว้ก่อน นั่งวินไปไวกว่า”

“ครับพี่ไปก่อนเลยเดี๋ยวผมรีบตามไปนะครับ”

ปุณณิศามาถึงโรงพยาบาลที่อยู่หน้าตลาดแล้วรีบตรงไปยังห้องฉุกเฉินทันที

“คุณคะเข้าไม่ได้นะคะ” พนักงานที่อยู่ด้านหน้ารีบห้าม

“คือ ฉันมาหาแม่ค่ะ เขาบอกว่ารถกู้ภัยส่งมาที่นี่”

“ใช่คนไข้ที่ขี่รถพ่วงข้างไหมคะ”

“ใช่ค่ะ แม่ของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

“หมอกำลังช่วยอยู่ค่ะ ญาติรอด้านนอกก่อนนะคะ”

ปุณณิศาได้แต่ภาวะนาให้มารดาไม่เป็นอะไรมาก ระหว่างนั้นน้องชายของเธอก็ตามมาถึงพอดี

“พี่ปุณแม่เป็นยังไงบ้าง”

“เขาบอกว่าหมอกำลังช่วยอยู่ ปั้นพี่ใจคอไม่ดีเลย”

ปุณณพัฒน์จับมือพี่สาวไว้แน่นขณะที่ตาก็จ้องไปยังประตูห้องฉุกเฉิน

ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับร่างที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่นอนอยู่บนรถเข็น

“เดี๋ยวเราจะพาคนเจ็บไปห้องผ่าตัด ญาติช่วยเซ็นยินยอมด้วยนะคะ”

ปุณณิศารีบเข้าไปเซ็นชื่อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวมารดาของเธอจะเป็นอะไรไป

สองพี่น้องเดินตามรถเข็นที่มีร่างไร้สติของมารดามายังหน้าห้องผ่าตัด

“แม่ขา แม่อย่าเป็นอะไรนะคะ ปุณกับปั้นรอแม่อยู่นะคะ”

หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง เธอมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบจะถึงเวลาเรียนของน้องชายก็รีบบอก

“ปั้น เดี๋ยวพี่จะอยู่กับแม่ที่นี่ ปั้นไปเรียนก่อนนะ”

“พี่ปุณ แม่เจ็บหนักขนาดนี้ปั้นไม่มีสมาธิเรียนหรอกนะครับ”

“ปั้นก็คิดสิว่าทำเพื่อแม่ เชื่อพี่นะ ถึงอยู่เราก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้”

“แต่ผมว่า...”

“ปั้น ถ้าแม่ตื่นมาแล้วรู้ว่าปั้นขาดเรียนเพราะเอาแต่เป็นห่วงแม่ แม่คงเสียใจ”

“ถ้าแม่ออกจากห้องผ่าตัดพี่ปุณต้องรีบโทรบอกผมเลยนะครับ”

“อือ พี่จะรีบโทรบอกเลย”

พอน้องชายไปแล้วปุณณิศาก็โทรไปลางานที่ร้านกาแฟ ก่อนจะกลับมานั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด หญิงสาวฟุบใบหน้าลงกับฝ่ามือ จากนั้นน้ำตาที่เก็บไว้มันก็ไหลอาบทั้งสองแก้ม

เวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมงมารดาก็ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด เธอไม่รู้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไงแล้วคู่กรณีอยู่ที่ไหน เพราะตอนมาถึงโรงพยาบาลก็ไม่เห็นรถกู้ภัยแล้ว แต่ปุณณิศาไม่อยากเสียเวลาหาคนผิดเพราะตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดก็คืออาการของมารดา

ไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดดับลงพร้อมกับประตูที่เปิดออกหญิงสาวรีบเข้าไปถามคุณหมอที่เดินออกมาด้วยความร้อนใจ

“หมอค่ะ แม่หนูเป็นยังไงบ้างคะ”

“ตอนนี้ปลอดภัยดีครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะรู้สึกตัว ช่วงนี้คนไข้ต้องอยู่ในห้องไอซียูก่อนนะครับ”

“เวลาที่คุณหมอพูดถึงมันนานแค่ไหนคะ”

“แล้วแต่คนไข้ครับ บางคนก็ภายใน 24 ชั่วโมง บางคนก็อาจจะหลายวันหน่อย”

“หลายวันเหรอคะ”

“ครับ หมอพูดตามประสบการณ์ที่เจอ”

“หนูขอเขาไปเยี่ยมแม่ได้ไหม”

“ได้ครั้งละไม่เกิน 15 นาทีนะครับ ไปติดต่อพยาบาลก่อนเขาจะบอกเองว่าต้องทำยังไงบ้าง”

“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel