เจ้าสาวเบอร์ตอง

55.0K · จบแล้ว
จินต์พิชา
43
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชานนท์ไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ปู่หาให้ เขาจึงต้องหาใครสักคนมาเป็นแฟน ส่วนปุณณิศาก็ต้องการใช้เงินด่วนมาก จากเด็กชงเหล้าเธอก็ยอมไปนั่งในตู้กระจกติดเบอร์ตองเพื่อหาเงินไปจ่ายให้โรงพยาบาล เมื่อชานนท์ที่สนใจเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเห็นเข้าจึงตัดสินใจจ้างเธอมาเป็นแฟน จากแค่คิดจะตบตาปู่ แต่ใจเขากลับถลำลึก ไม่อยากให้มันเป็นแค่เรื่องสมมุติอีกต่อไป

ประธานนักศึกษาแต่งงานสายฟ้าแลบดราม่าโรแมนติก21+

1 หมอดูคู่กับหมอเดา

ชายสูงวัยลงจากรถตู้คันหรูก่อนจะเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ ด้านข้างเป็นบ้านทรงยุโรปสีขาวขนาดไม่ถึงครึ่งหนึ่งของบ้านหลังแรก บ้านทั้งสองหลังตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบสองไร่ อาณาบริเวณของบ้านมีต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ประดับและไม้ดอก กลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ ด้านหลังบ้านมีแม่น้ำไหลผ่านส่งผลให้บรรยากาศของตัว บ้านดูร่มรื่นน่าอยู่อาศัย

ยังไม่ทันเดินถึงตัวบ้านเรือนไทยที่อยู่ตรงกลาง ชายรูปร่างสันทัดอีกคนก็รีบวิ่งมาต้อนรับพร้อมทั้งช่วยถือกระเป๋าที่เหน็บไว้ตรงชายโครงไปถือไว้อย่างรวดเร็ว

“คนเยอะไหมครับคุณท่าน”

“เยอะสิ ฉันบอกแล้วให้ไปด้วยกันก็ไม่ไป”

“เอาไว้ครั้งหน้านะครับ ผมไม่พลาดแน่”

“ไม่มีครั้งหน้าแล้วล่ะนายทศ”

“อ้าวทำไมละครับ ก็ไหนว่าอีกนานเลยกว่าศาลาจะสร้างเสร็จ”

“ก็ฉันไม่อยากไปเจอคนบางคนน่ะสิ” ชายสูงวัยนั่งลงบนชุดรับแขกหรูที่ดูไม่เข้ากับตัวบ้าน แต่เพราะลองไปนั่งที่บ้านหลานชายแล้วรู้สึกสบายก็เลยให้หลานชายสั่งมาให้ที่บ้านของตนเองด้วย

“ใครเหรอครับคุณท่าน”

“ก็ตามิ่งน่ะสิ”

“อ้าว ปกติผมก็เห็นคุณท่านสนิทกันดีกับตามิ่งนี่ครับ”

“ก็สนิทอยู่หรอก แต่วันนี้ตามิ่งพูดไม่เข้าหูฉันเลย”

“เขาว่าอะไรคุณท่านของผมครับ ถ้าเจอครั้งหน้าผมจะได้จัดการให้”

“ไม่ต้องไปยุ่งกับหรอก คนพรรคนั้นฉันไม่อยากไปเสวนาด้วย”

“ยิ่งคุณท่านพูดผมก็ยิ่งอยากรู้นะครับ เขาว่าอะไรคุณท่านเหรอครับ”

“เขาไม่ได้ว่าฉัน แต่เขาบอกว่าตระกูลของฉันจะไร้คนสืบสกุลถ้าหากว่าหลานชายฉันไม่แต่งงานภายในหกเดือนนี้”

“คุณท่าน อย่าไปเชื่อเลยครับหมอดูก็คู่กับหมอเดา”

“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อแต่ฉันก็กลัวเพราะฉันมีลูกชายคนเดียว แถมยังมีหลานชายคนเดียว แล้วหลานสาวเขาก็แต่งงานใช้นามสกุลคนอื่นไปแล้ว ทีนี้ใครจะมาสืบสกุลฉันล่ะนอกจากตานนท์ แล้วแกคิดดูนะทศ ฉันมีลูกตั้งแต่อายุ 15 ส่วนลูกชายฉันก็มีลูกตั้งแต่อายุ 20 แต่หลานชายฉัน ปีนี้ก็ 29 จะ 30 แล้ว ยังไม่มีแฟนสักคน แกคิดว่าคำทำนายมันจะเป็นจริงไหมล่ะ” พูดจบชายวัย 65 ปีถอนหายใจ

“หกเดือนเหรอครับ คุณนนท์จะแต่งงานได้ยังครับ เท่าที่ผมรู้คุณนนท์เขาก็เอาแต่ทำงาน ไม่เห็นจะมีแฟน”

“ฉันก็ปวดหัวเหมือนกัน หรือที่ไม่มีแฟนเพราะเอาแต่ทำงานเลยไม่มีเวลา สงสัยว่าปู่อย่างฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง”

“คุณนนท์จะยอมเหรอครับ”

“ไม่ยอมก็ต้องยอม ฉันมีวิธีของฉัน” ชายสูงวัยยิ้มเมื่อนึกออกว่าจะบังคับหลานชายยังไง

คุณมนตรีมีลูกชายคนเดียวคือคุณธาตรี ซึ่งตอนนี้ลูกชายและลูกสะใภ้ไปทำสวนส้มอยู่ที่เชียงใหม่ เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับชนิตาหลานสาวคนเล็ก ส่วนหลานสาวคนกลางก็แต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามีที่อเมริกา

ตอนนี้คุณมนตรีอยู่ที่กรุงเทพกับหลานชายคนโตซึ่งปลูกบ้านอยู่ในรั้วเดียวกัน

“นายทศ โทรตามหมอไกรมาพบฉันที่ห้องทำงานด้วย”

“คุณท่านไม่สบายเหรอครับ ให้ผมขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลไหม ถ้ารอหมอมาผมว่าจะแย่เอานะครับ”

“แกเห็นเหรอว่าฉันไม่สบาย ฉันก็แค่อยากจะปรึกษาอะไรหมอสักหน่อยแค่นั้นเอง”

“เฮ้อ โล่งไปใจทีครับผมนึกว่าคุณท่านป่วย”

“ตอนนี้ยังไม่ป่วย แต่คุยกับหมอไกรเสร็จฉันอาจจะป่วยก็ได้นะ” พูดจบชายสูงวัยก็เดินเข้าไปยังห้องทำงานของตนเอง

หมอเกรียงไกรมาถึงบ้านหลังใหญ่หลังจากที่นายทศคนสนิทของคุณมนตรีโทรศัพท์ไปตามเพียงครึ่งชั่วโมง พอมาถึงก็รีบตรงไปยังห้องทำงานซึ่งเป็นอันรู้กันว่าห้องนั้นห้ามใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด

“คุณท่าน ผมไม่อยากทำแบบนั้นเลยมันผิดจรรยาบรรณนะครับ” หมอเกรียงไกรมีสีหน้าลำบากใจเมื่อฟังคำขอร้องของคนไข้ที่ดูแลกันมามากกว่ายี่สิบปี

“มันจะผิดแค่ไหนกันเชียว คนแก่ที่ไหนเขาก็เป็นโรคหัวใจกันทั้งนั้น”

“แต่ท่านเพิ่ง 65 นะครับยังไม่แก่เลยนะครับ”

“ฉันบอกว่าแก่ก็แก่สิหมอ”

“ถ้าไม่ผมช่วยท่านล่ะครับ”

“ฉันก็ไปจ้างหมอคนอื่นน่ะสิ แล้วก็จะบอกทุกคนว่าหมอเกรียงไกรเลือกปฏิบัติกับคนไข้”

“คุณท่าน”

“ตกลงยังไงจะช่วยไหมล่ะ”

หมอเกรียงไกรส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพราะคุณมนตรีขอร้องให้เขาบอกกับหลานชายว่าตนเองเป็นโรคหัวใจ

“หมอทำตัวเป็นปกติหน่อยสิครับ เดี๋ยวก็ถูกจับได้กันพอดี หลานชายผมยิ่งฉลาดเป็นกรดอยู่ด้วย”

“ก็เพราะผมรู้ไงครับว่าคุณชานนท์ฉลาดมาก ผมก็เลยกลัวว่าเธอจะจับโกหกผมได้”

“เอาน่า หมอแค่บอกอาการ พอบอกจบก็รีบขอตัวไปดูคนไข้แค่นั้นเอง ผมจะนั่งรอในห้องนี้นะ”

“คุณท่านแน่ใจนะครับว่าจะได้ผล”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันก็นึกอะไรไม่ออกแล้ว”

หมอเกรียงไกรนั่งรอในห้องทำงาน จนกระทั่งได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านก็รีบออกมานั่งรอชายหนุ่มที่ห้องรับแขก เขาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนที่จะเผชิญหน้ากับหลานชายคนเดียวของคุณมนตรี

“สวัสดีครับอาหมอ คุณปู่เป็นอะไรครับถึงได้เรียกอาหมอมาตรวจถึงที่บ้าน”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ ก็แค่โรคคนแก่ทั่วไป”

“แต่ปู่ผมยังไม่แก่เลยครับ ท่านยังแข็งแรงดีด้วยซ้ำ ผมเห็นท่านออกกำลังกายตอนเช้าทุกวัน”

“นั่นมันเป็นสุขภาพภายนอกที่เราเห็นกันครับ แต่บางอย่างเราก็มองไม่เห็น”

“หมอหมายความว่ายังไงครับ” ชานนท์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขกอย่างอ่อนแรง เมื่อคิดว่าคุณปู่ของตนเองกำลังไม่สบายอย่างหนัก

“มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกครับคุณนนท์”

“ไม่ร้ายแรงแต่ทำไมอาหมอสีหน้าไม่ดีเลยล่ะครับ”

“คือตอนนี้ท่านมีอาการเริ่มแรกของโรคหัวใจเท่านั้นเอง”

“อะไรนะครับอาหมอ” ชานนท์ถามด้วยความตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินเพราะดูยังไงคุณปู่ของเขาก็ไม่มีทางป่วยอย่างแน่นอน

“ท่านมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดครับ ช่วงนี้คุณนนท์อย่าขัดใจท่านนะครับ ท่านให้ทำอะไรก็ทำตามไปก่อน ผมกลัวว่าอาการของท่านจะกำเริบครับ”

“อาหมอล้อผมเล่นแน่ๆ เลยใช่ไหมครับ”

“เรื่องแบบนี้ผมไม่ล้อเล่นหรอกครับคุณนนท์” ยิ่งโดนจ้องคุณหมอก็ยิ่งมีพิรุธจนชานนท์มองออก

“เอาละครับ ผมว่าอาหมอไม่ต้องพูดต่อแล้วครับ ผมรู้จักนิสัยของปู่ผมดี ถ้าท่านป่วย ท่านไม่มีทางบอกใครอย่างเด็ดเพราะท่านกลัวว่าคนอื่นจะเป็นกังวล ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ท่านไม่สบายจริงๆ”

“อาหมอครับ ผมนับถืออาหมอนะครับ อย่าทำลายความนับถือที่ผมมีเลยนะครับ”

“ผมไม่พูดแล้ว ที่เหลือคุณนนท์จัดการเองแล้วกันครับ”

“ขอบคุณนะครับอาหมอและก็ขอโทษด้วยครับที่ทำให้เสียเวลา”

“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมได้มาตรวจสุขภาพของคุณท่านไปด้วย ผมขอตัวก่อนนะครับ”