2 หลานกับปู่
หมอเกรียงไกรกลับไปแล้วชานนท์ก็เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปหาผู้เป็นปู่ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาสำหรับอ่านหนังสือริมหน้าต่าง สายตาของท่านเหม่อมองไปยังด้านนอกซึ่งเป็นลำคลองขนาดใหญ่ดูท่าทางแล้วคงกำลังเป็นกังวลอะไรบางอย่าง
“ปู่ครับ”
“อ้าว ตานนท์ วันนี้กลับบ้านเร็วนี่”
“ก็ปู่ให้ลุงทศโทรไปตามผมกลับมาไม่ใช่เหรอครับ”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยนายทศเนี่ย เลยทำให้หลานต้องเสียเวลาแทนที่จะได้ทำงานทำการ” มนตรีทำเป็นบ่นแต่เขาเองนั่นแหละที่บอกนายทศให้โทรไปตาม
“เมื่อกี้ผมเจออาหมอเกรียงไกรแล้วครับ”
“แล้วหมอเขาว่าไงบ้างล่ะ”
“อาหมอบอกว่าปู่เป็นโรคหัวใจอะไรสักอย่างนี่แหละครับ ผมฟังไม่ถนัด แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมพาปู่ไปรักษาที่อเมริกาเองรอให้ฝั่งนู้นเช้าก่อนผมว่าจะให้ยัยดาติดต่อหมอเก่งๆ ให้ ส่วนเรื่องวีซ่าผมจะให้เลขารีบจัดการให้ครับไม่เกินสามวันครับ”
“ใครบอกว่าปู่จะไปรักษาที่นั่น”
“ปู่ครับ ผมรักปู่มาก ผมก็อยากให้ปู่ไปรักษากับหมอเก่งๆ นะครับ หายแล้วเราก็เที่ยวกันต่อ เดี๋ยวผมจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จดีไหมครับ”
“หมอไม่ได้บอกเหรอว่าห้ามขัดใจปู่”
“อาหมอบอกแล้วครับ แต่เรื่องนี้ผมคงต้องขัดใจปู่”
“ไม่ไปยังไงปู่ก็ไม่ไป ปู่จะรักษาที่นี่ตายก็จะตายมันที่เมืองไทยนี่แหละ”
“ใครจะปล่อยให้คุณปู่ตายกันละครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ห้ามขัดใจปู่”
“ผมยอมจะยอมทำตามปู่ทุกอย่างเลยครับ ขอแค่ปู่ยอมไปรักษาที่นั่น”
“หลานจะยอมทำตามที่ปู่บอกทุกอย่างใช่ไหม”
“ใช่ครับ ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องไปรักษาที่อเมริกา”
“เอ๊ะ ตานนท์นี่ยังไง อยากเห็นปู่ตายไวหรือไงถึงได้เอาแต่ขัดใจปู่อยู่แบบนี้”
“ปู่ครับ ปู่รู้ไหมว่าผมอายุเท่าไหร่แล้ว”
“รู้สิ ปีนี้หลานปู่ก็จะอายุ 30 ปีแล้ว ทำไมปู่จะจำไม่ได้ปู่เลี้ยงเรามากกว่าพ่อแม่ของเราเสียอีก”
“ครับ เพราะปู่เลี้ยงผมมา ผมเลยสนิทกับปู่มากกว่าใครในบ้าน เพราะฉะนั้นผมว่าปู่เลิกแสดงเถอะครับ”
“เลิกแสดงอะไรตานนท์”
“ผมรู้ว่าปู่สบายดี”
“หมอก็บอกไปแล้ว” ปู่มนตรีเถียง
“ปู่ครับ ผมเพิ่งพาปู่ไปตรวจสุขภาพมาเมื่อสองเดือนก่อนปู่ลืมไปแล้วเหรอครับ เอาล่ะ ผมว่าเราเปิดอกคุยกันตรงๆ ดีกว่าว่าทำไมปู่ถึงทำแบบนี้”
“ปู่ป่วยจริงๆ นะ”
“ปู่ครับ ถ้าปู่ยังดื้อแบบนี้ผมจะกลับไปทำงานแล้วนะครับ”
“ปู่อยากให้แกแต่งงาน” เพราะกลัวหลานชายจะกลับเขาก็เลยรีบบอกไปตรงๆ
“แต่งงาน!!” ชานนท์อุทานด้วยความตกใจ
“ทำไมแกต้องทำท่าทางตกใจขนาดนั้น อายุอย่างแกเนี่ยควรจะมีลูกมีเมียได้แล้ว ดูอย่างปู่สิ มีลูกตั้งแต่อายุ 15 พ่อแกก็มีแกตอนอายุ 20 ส่วนแกนี่มันลูกไม้หล่นในสวนคนอื่นชัดๆ คนอื่นเขามีแต่หล่นใต้ต้น”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับปู่ ที่พ่อกับปู่รีบแต่งงานมีลูกก็เพราะพ่อกับปู่เป็นลูกคนเดียวไงครับ ส่วนผมมีพี่น้องอีกตั้งสองคน แล้วตอนนี้พวกเขาก็เหลนให้ปู่แล้วด้วย ปู่จะกังวลอะไรอีก”
“ปูแค่กลัวว่านามสกุลของปู่มันจะหายไป ถ้าเป็นแบบนั้นเวลาปู่ตายไปปู่คงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษแน่ เฮ้อ!” คุณปู่ถอนหายใจ ขณะแอบเหล่ตามองใบหน้าหลานชาย
“ถ้ากลัวขนาดนั้นก็ขอให้ลูกยัยตากับยัยดามาใช้นามสกุลของเราสิครับ ง่ายนิดเดียว”
“หลอกคนอื่นหลอกได้ แต่มันหลอกตัวเองไม่ได้หรอกนะตานนท์” ชายสูงวัยถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อพูดเรื่องนี้เขาก็รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที แล้วไหนจะคำพูดของตามิ่งที่ว่าเขาจะไร้ทายาทสืบสกุลถ้าพ้นหกเดือนนี้ไป นั้นก็ยิ่งทำให้คิดมากขึ้นไปอีก
ชานนท์เห็นสีหน้าและแววตาของท่านแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ แต่จะให้เขาแต่งงาน แล้วเขาจะแต่งกับใครที่ไหนล่ะ สาวๆ มีอยู่ตอนนี้ก็มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกสักคน พวกหล่อนก็แค่คู่นอนชั่วคราวก็เท่านั้น
“ปู่ครับ”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อยากพักสักหน่อย อยากจะกลับไปทำงานก็ไปทำเถอะ” ปู่มนตรีถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหลับตาลง
ปู่กำลังงอนเขาอยู่ชานนท์รู้ดี แต่เดี๋ยวเวลาผ่านไปสักพักท่านก็คงจะดีขึ้นเอง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านอยากให้เขาแต่งงาน
“ปู่ครับ ไหนๆ ผมก็กลับมาที่บ้านแล้ว ผมว่าเย็นนี้เรามาหาอะไรทำสนุกๆ กันดีกว่าไหมครับ”
“ปู่ไม่ใช่เด็กๆ ปู่แก่แล้ว”
ชานนท์ยิ้ม ชัดแล้วว่าตอนนี้ปู่กำลังงอนและดูท่าแล้วงานนี้คงจะง้อยากเสียด้วย
“ปู่อยากให้ผมอ่านหนังสือให้ฟังไหม”
“ไม่ละ เสียงแกฟังไม่รื่นหูเลยสักนิด”
“อ้าว ไหนแต่ก่อนปู่บอกว่าเสียงผมเพราะไงครับ”
“ก็นั่นมันแต่ก่อน”
“ปู่จริงจังใช่ไหมครับเรื่องแต่งงาน”
“จริงสิ” ปู่มนตรีรีบหันหน้ามาทางหลานชายอีกครั้ง
“แต่ปู่รู้ว่าหลานของปูไม่ค่อยมีเวลาเลยยังไม่มีแฟน ปู่ก็เลยเตรียมสวยๆ ไว้ให้เลือกแล้วนี่ไงดูสิ หนูปิ่น ทั้งสวยทั้งเก่ง”
หนูปิ่นที่ปู่ของเขาพูดถึงนั้นเป็นน้องสาวของปกป้องเพื่อนสมัยเรียนของเขา ซึ่งเขากับหนูปิ่นของคุณปู่นั้นรู้ไส้รู้พุงกันดีจึงยากที่จะแต่งงานด้วย
“ปู่ครับ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าจะให้มาแต่งงานกันคงไม่ไหวหรอกครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคนนี้เป็นไง สวยเรียบร้อยดีนะ ลูกคนเล็กของคุณเรวดี”
ชานนท์ส่ายหัวเขาเคยเจอเธอตามงานสังคมอยู่บ่อยๆ เจ้าหล่อนใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ละอย่างมันก็สวยอยู่หรอก แต่พอมาใส่รวมกันแล้วมันดูตลกและไม่มีรสนิยมเลยสักนิด
“งั้นคนนี้เป็นไง หลานเพื่อนปู่เอง”
“ปู่ครับน้องเค้กนี้ยังไม่จบชั้นมัธยมเลยนะครับผมไม่อยากติดคุก”
“ก็เพื่อนปู่มันมีลูกกันช้า หลานของมันก็เลยยังไม่โตกันสักคนนะสิ”
“ปู่ครับ ผมว่าเรื่องนี้ผมจัดการเองดีกว่าไหม”
“จัดการเอง หมายความว่ายังไงหรือว่าแกมีแฟนอยู่แล้วแต่ไม่บอกปู่”
“อันที่จริงผมมีเมียแล้วครับปู่”
“อะไรนะ อย่ามาหลอกปู่เล่นหน่อยเลย”
“จริงครับปู่ ผมมีเมียแล้วจริงๆ”
“ลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ ทำไมไม่พามาให้ปู่รู้จักบ้างล่ะตานนท์”
“นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกลัว” ชานนท์ถอนหายใจ
“แกจะกลัวไปทำไม ปู่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ดีเสียอีกแกมีเมียแล้วปู่จะได้โล่งใจพามาหาปู่นะ”
“ปู่ครับ ที่ผมบอกว่ากลัวก็คือกลัวปู่ไม่ยอมรับเธอ เพราะเธอไม่ใช่ลูกคนมีชื่อเสียง ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวย”
“เรื่องนั้นช่างมัน ขอแค่เขายอมแต่งงานกับแกเร็วๆ ก็พอ” ปู่มนตรียิ้มอย่างมีความหวัง แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความหนักใจให้กับชานนท์เป็นอย่างมาก
‘แล้วเขาจะไปหาผู้หญิงที่ว่ามาจากไหนล่ะ’ ชานนท์คิดในใจ