4 มันไม่ง่ายเลย
ปุณณิศาขอเบิกเงินจากเจ้าของร้านกาแฟและเจ้าของร้านหมูกระทะมาให้น้องชายแล้ว ตอนนี้ปุณณพัฒน์ก็เริ่มไปเรียนภาษาซึ่งดูเหมือนเจะมีความสุขมากที่กำลังวิ่งตามฝันของตัวเอง
“แม่คะ วันนี้ปุณเจอเจ๊น้ำ” วันนี้เธอบังเอิญเจอเจ๊เจ้าของตลาดที่มาซื้อกาแฟที่ร้าน ปุณณิศาเลยได้รู้ว่ามารดาของตนเองเป็นหนี้เจ๊น้ำอยู่เกือบห้าหมื่นบาท และทุกวันที่ขายของได้มาก็จะต้องเอาไปจ่ายดอกเบี้ยส่วนเงินต้นนั้นแทบไม่มีจ่าย
เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรเพราะอะไรมารดาถึงได้เป็นหนี้มากมายขนาดนั้น ทั้งที่เธอก็เห็นว่าท่านขยันทำงานแทบไม่มีวันหยุดพัก
“เหรอจ๊ะ”
“แม่คะ ปุณว่าเราต้องคุยกันนะคะ”
“คุยอะไรล่ะปุณ แม่ว่าเรารีบแพ็กขนมใส่ถุงดีกว่าไหม เดี๋ยวจะได้ไปส่งร้านกาแฟ”
“แม่จะปิดปุณถึงเมื่อไหร่คะ”
“หนูพูดเรื่องอะไรลูก”
“แม่ขา ปุณเป็นลูกแม่นะคะ” ปุณณิศาร้องไห้เพราะมองไม่ออกเลยว่าจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาใช้หนี้เจ๊น้ำได้ยังไง เพราะตอนนี้ทั้งเงินเก็บและเงินจากงานพิเศษก็ให้น้องชายไปหมดแล้ว
“ปุณอย่าร้องลูก” คนปลอบก็เสียงสั่นเครือ
“เงินมากขนาดนั้น เป็นเพราะแม่เอามาให้ปุณกับปั้นเรียนใช่ไหมคะ”
“ปุณแม่ขอโทษนะ แต่ตอนนั้นแม่เงินขาดมือจริงๆ ช่วงปิดเทอมแม่ไม่ได้ขายของที่หน้าโรงเรียน แล้วพอเปิดเทอมเงินมันก็เลยขาดมือ แม่คิดว่าพอมีจะเอาไปคืน แต่ค้าขายมันก็ลำบากเหลือเกิน แม่พยายามแล้วลูก”
“แม่ขา ปุณไม่ได้โกรธแม่ ปุณแค่เสียใจที่ปุณทำให้แม่ลำบาก ต่อไปนี้ปุณจะตั้งใจทำงานให้มากขึ้น”
“ที่หนูทำอยู่มันก็เหนื่อยมากแล้วนะลูก”
“แต่มันก็ยังไม่พอใช้นี่คะ แล้วถ้าน้องไปที่นู่น ถึงน้องจะได้ทุนก็จริงปุณก็อยากให้เงินน้องติดมือไว้ใช้บ้าง ปุณกลัวน้องไปลำบาก”
“แต่หนูยังต้องเรียน”
“หนูดรอปไว้ก็ได้ค่ะ รอน้องเรียนจบ น้องมีงานทำ ปุณค่อยเรียนก็ได้”
“แม่ไม่เห็นด้วยเลย ยังเหลืออีกสามเดือนจะเปิดเทอม แม่ว่าเรามาช่วยกันทำของขายให้มากขึ้นดีไหม ตอนเย็นเราขายหน้าโรงเรียนไม่ได้ เราก็ไปขายตลาดนัด”
“ปุณว่าจะลองไปถามกัญญาดูค่ะ ว่าร้านที่กัญญาทำรับเด็กเสิร์ฟเพิ่มไหม”
“จะดีเหรอลูกแม่ว่ามันอันตราย”
“ปุณเอาตัวรอดได้ค่ะแม่”
“แม่ว่าหางานอย่างอื่นทำดีไหม”
“แม่ค่ะ ชงเหล้ากับเชียร์เครื่องดื่มในผับคืนหนึ่งมันได้เยอะมากเลยนะคะ คืนหนึ่งได้ตั้งหลายพัน ให้ปุณไปทำนะคะแม่”
“แต่แม่ว่าเราหาทางอื่นดีกว่าไหม”
“แม่ค่ะ ถ้าแม่ไม่ให้ปุณไปทำแล้วเปิดเทอมปุณจะเอาเงินที่ไหนเรียน ไหนแม่ว่าไม่อยากให้ปุณหยุดเรียนไงคะ”
ปนัดดาอ่อนใจเพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่มีเงินเหลือเลย ถ้าจะไปยืมเจ๊น้ำอีก ชาตินี้คงได้แต่ทำงานจ่ายค่าดอกเบี้ยแน่ๆ
“แต่แม่เป็นห่วงปุณนะลูก ทำงานกลางคืนแบบนั้น ถ้าเกิดว่าเจอแขกเมาลวนลามขึ้นมาจะทำยังไง”
“แม่คะ เราไม่มีทางเลือกไม่มากนะคะ ตอนนี้เราต้องรีบหาเงินมาให้น้อง มาจ่ายเจ๊น้ำ แล้วยังต้องหาเงินซื้อของมาทำขนมพวกนี้ไปขายอีก ถ้าเราเอาแต่กลัว ปุณกลัวว่าถึงวันที่น้องต้องไปเรียน เราจะไม่มีเงินให้น้อยเลย”
“สัญญากับแม่ได้ไหม ว่าจะดูแลตัวเองดีๆ และไม่ออกไปต่อที่ไหนกับแขก”
“ค่ะแม่ ปุณจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด แม่เชื่อใจปุณนะคะ แล้วเรื่องนี้แม่ห้ามบอกปั้นเด็ดขาดนะคะ ปุณกลัวน้องจะคิดมาก”
“ถ้าปุณสัญญากับแม่แบบนี้แม่ก็วางใจ”
“เดี๋ยวบ่ายปุณจะไปคุยกับกัญญาดูนะคะ ถ้าเขารับก็อาจจะไปเริ่มทำเลย”
“ปุณต้องกลับดึกกว่าทำงานร้านหมูกระทะแน่ๆ ให้แม่ไปรอรับที่ปากซอยดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ กัญญามีมอเตอร์ไซค์พอเลิกเดี๋ยวหนูติดรถเพื่อนมาก็ได้ แม่จะได้ไม่ต้องนอนดึกนะคะ”
“แม่คงเป็นแม่ที่แย่มาก”
“ไม่เลยค่ะแม่ แม่ของปุณเก่งที่สุด แม่เลี้ยงเราสองคนมาอย่างดี ให้เรียนหนังสือเหมือนกันคนอื่น”
“แต่แม่ก็สร้างหนี้ให้ปุณต้องลำบาก”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิคะ คนที่ทำให้แม่เป็นหนี้คือปุณกับปั้นต่างหากล่ะคะ เพราะแม่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ อย่าคิดมากนะคะ รีบแพ็คขนมดีกว่าค่ะ”
สองแม่ลูกช่วยกันเอาคุกกี้ใส่ถุงพลาสติก เพื่อเอาไปส่งที่ร้านกาแฟซึ่งตอนนี้มีหลายร้านที่รับขนมจากปนัดดาไปวางขาย
ปุณณิศมาหากัญญาวีร์ที่อาศัยอยู่กับยายที่บ้านเช่าท้ายหมู่บ้าน
กัญญาวีร์เป็นเพื่อนสมัยมัธยม แต่เรียนจบแค่ชั้น ม.6 ก็ไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องออกมาช่วยทางบ้านหาเงิน นอกจากยายที่อายุมากแล้วกัญญาวีร์ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2
“เข้ามาก่อนสิปุณ”
“ยายกับน้องชายไปไหนเหรอกัญญา”
“นายกันต์พายายไปหาหมอน่ะ”
“อ้ายยายไม่สบายเหรอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่ไปตรวจตามนัด ได้ข่าวว่าปั้นสอบได้ทุนไปเรียนญี่ปุ่นเหรอดีใจด้วยนะ น้องชายปุณนี่เก่งจริงๆ อยากให้นายกันต์เก่งได้สักครึ่งหนึ่งของปั้นจัง”
“กันต์ก็เรียนเก่งออกอีกหน่อยคงได้ทุนเหมือนปั้นนั่นแหละ”
“สาธุ ถ้าได้จริงๆ นะ กัญญาจะไปรำถวายศาลหน้าหมู่บ้านเลย” กัญญาวีร์หัวเราะเพราะน้องชายของตนเองนั้นไม่ได้เรียนเหมือนกันน้องชายของเพื่อนคนนี้เลยสักนิด
“กัญญา เรามีเรื่องจะถาม”
“เรื่องอะไร หน้าเครียดเชียว” ปกติเธอจะเห็นเพื่อนคนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่มาวันนี้รอยยิ้มนั้นกลับไม่มีเลยสักนิด
“เราอยากถามกัญญาว่าที่ผับรับเด็กเพิ่มไหม”
“รับสิ รับตลอดปุณจะมาทำกับเราเหรอ”
“อือ ช่วงนี้นี้เราต้องการใช้เงิน”
“งั้นเย็นนี้เราไปรับปุณที่บ้านออกไปทำงานพร้อมกันเลย ส่วนเรื่องเชียร์แขกเดี๋ยวเราช่วยสอนให้ สวยๆ อย่างปุณรับรองได้เลยว่าคืนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสามพันแน่ๆ”
“ได้แบบนี้ก็ดีสิ เราอยากเร่งหาเงิน”
“ถ้าปุณทำงานไปสักระยะแล้วมีแขกประจำปุณจะได้มากกว่านี้อีก”
“เราแค่ชงเหล้ากับเชียร์เครื่องดื่มใช่ไหม”
“ทำไมถามแบบนั้น”
“ก็เราพอรู้มาบ้างว่าที่ร้านมีบริการแบบนั้นด้วย”
“มีจ้ะ มันอยู่ที่ความสมัครใจ ถ้าใครจะออกไปต่อกับแขกก็ต้องถึงเวลาเลิกงานก่อน”
“กัญญาเคยออกไปไหม เราขอโทษที่ถามตรงๆ”
“เคยไป แต่ไม่บ่อยหรอก ผิดหวังกับคำตอบไหม”
“ก็นิดหน่อย กัญญาถูกบังคับหรือเปล่า”
“ไม่เลย คนที่เราออกไปด้วยเป็นลูกค้าประจำ เขาเหมาดริ๊งค์เราตลอด ที่เรายอมออกไปต่อกับเขาเพราะคุยกันถูกคอ กะจะคบกันจริงจังด้วยแหละ แต่น่าเสียดายเขาถูกย้ายไปทำงานที่อื่นเสียก่อน เรื่องก็เลยจบแค่นั้น”
“แล้วไม่ติดกันล่ะ สมัยนี้อยู่ที่ไหนก็ติดต่อกันได้”
“เคยพยายามแล้ว แต่รักทางไกลมันไม่โอเคเท่าไหร่ สุดท้ายก็เลยตกลงเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
“แล้วคนอื่นที่ผับออกไปกับแขกเยอะไหม”
“ที่ผับมันแบ่งเป็นสองด้าน โซนดื่มกับโซนเที่ยว เราไปทำงานโซนนักดื่ม เรื่องออกไปข้างนอกก็เลยไม่ค่อยมี”
“ไม่โกรธใช่ไหมที่เราถามเยอะ”
“ไม่หรอก ปุณอยากรู้อะไรก็ถาม ถ้าตอบได้เราจะตอบ”
“เจ้าของร้านใจดีไหม”
“คุณเมคินทั้งหล่อทั้งใจดี”
“ทำตาหวานเชียวนะกัญญาอย่าบอกนะว่าแอบหลงรักเจ้าของร้าน”
“ปุณต้องไปเห็นกับตาว่าเขาหล่อมากแค่ไหน”
“ที่ทำงานผับนี้มาหลายปีเพราะเจ้าของผับหล่อใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ใช่แค่เจ้าของผับนะ เพื่อนเจ้าของผับก็หล่อมากด้วย”