บทที่ 4 ความเสียใจกับความผิดพลาด 1
ณ ผับเทอมินอล
ผับเทอมินอลเป็นผับหรูระดับเฟิร์สคลาส ลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่ต้องเสียรายปีๆ สามหมื่นห้าพันบาทสำหรับสามชิกระดับโกล์ดคลาส ส่วนสมาชิกทั่วไปเสียรายปีๆ ละหนึ่งหมื่นบาท
ผับแห่งนี้แบ่งเป็นหลายส่วน จำแนกตามระดับของสมาชิก หากเป็นสมาชิกทั่วไปจะใช้บริการได้เพียงส่วนของผับ จะให้ความบันเทิงเสมือนผับทั่วๆ ไป สมาชิกระดับโกล์ดคลาสจะใช้บริการได้ทุกส่วน ส่วนที่สองจะเป็นห้องรับรองส่วนตัวขนาดห้องก็แตกต่างกันไป ห้องละห้าคนบ้าง สิบคนบ้าง ยี่สิบคนบ้างตามแต่สมาชิกคนนั้นๆ ส่วนที่สามคือวีไอพีที่มีความพรั่งพร้อมครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมเล็กๆ ห้องปาร์ตี้ขนาดบรรจุคนได้ราวสามสิบคนและห้องนอนไว้พักผ่อน
ในส่วนของผับค่ำคืนนี้คนค่อนข้างหนาตา อาจเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เจ้าของธุรกิจรวมทั้งสมาชิกทั่วไปต่างมาผ่อนคลายความตึงเครียดจากงานที่โหมหนักมาทั้งสัปดาห์ หรือจากชีวิตส่วนตัวที่รุมเร้า ต้องการพักให้หายเครียด
หนึ่งในจำนวนคนเป็นร้อยที่มาใช้บริการคือดารานักแสดงชื่อดังของเมืองไทย เธอเลือกที่จะนั่งโต๊ะริมในสุดของผับ ใช้แอลกอฮอล์ดับความเสียใจที่ตนเองได้รับ
“พี่ทัช ทำไม ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย ฮือ”
นิสารัตน์รำพึงรำพันความเสียใจออกมาเป็นคำพูดและน้ำตา พร้อมกับกระดกดื่มบรั่นดีที่เหลือจนหมดแก้ว จากนั้นก็เทน้ำสีอำพันลงไปในแก้วเกือบครึ่งแก้ว กระดกดื่มรวดเดียวจนหมด หวังจะให้เครื่องดื่มดีกรีแรงดับความทุกข์ ความเสียใจและการอกหักของตน
วันนี้คือวันแต่งงานของกรกวินทร์อดีตคนรักของตน เขาเข้าพิธีวิวาห์กับหญิงสาวที่บิดาเลือกให้ เธอยังจำได้อย่างแม่นยำในวันที่เขาบอกเลิกเธอ จำได้ดีไม่มีวันลืมและนับตั้งแต่วันนั้น เธอก็หาความสุขทางใจไม่ได้เลย เธอจมอยู่กับกองทุกข์กองใหญ่ที่ฝังแน่นลึกในจิตใจ ใครจะลืมความเจ็บปวดได้เล่า ในเมื่อกรกวินทร์คือรักแรกของนิสารัตน์ วันที่เขาบอกเธอว่าจะแต่งงาน เป็นวันที่จิตใจสาวมืดมน
“เราเลิกกันนะฟ้า” คำพูดไม่กี่คำเรียกความตกใจระคนอึ้งให้กับคนที่ได้ยินทันที
“พี่ทัชพูดว่าอะไรนะคะ” เธอถามเสียงสั่น ย้ำถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอคิดว่าเธออาจจะหูฟาดหรือไม่เขาก็อำเธอเล่น
คนถูกถามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับเรียกพลังฮึดที่หลบซ่อนในใจ “พี่กำลังจะแต่งงาน พี่จึงคิดว่า เราสมควรจะเลิกกัน”
คราวนี้นิสารัตน์อ้าปากค้าง ดวงตาตื่นตกใจ หัวใจที่กำลังเต้นเจ็บปวดราวกับมีมีดมากรีด น้ำตาล่วงผล็อยตามความรู้สึกที่ได้รับ ความฝัน สิ่งที่คาดหวังไว้พังทลายลงมาในพริบตา
กรกวินทร์กำลังจะแต่งงาน แต่งงานอย่างนั้นหรือ เขาจะแต่งกับใครได้เล่าถ้าไม่ใช่เธอ นิสารัตน์ทั้งงงและสับสนไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก เธอไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อยู่ๆ เขาจะแต่งงานกับหญิงอื่นได้อย่างไรกัน
“เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะพี่ทัช มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ” นิสารัตน์ถามเสียงเครือสั่น น้ำตาหยดไหลเป็นทาง ความเสียใจพลุ่งพล่านในอก
“มันไม่ใช่ความต้องการของพี่ คุณพ่อบังคับให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงที่พี่ไม่รู้จัก ตอนแรกพี่ไม่ยอมแต่คุณแม่ขอร้องพี่ พี่ทนเห็นคุณแม่ร้องไห้ไม่ได้ พี่ขอโทษนะฟ้า พี่เสียใจ”
ไม่ใช่เพียงแค่นิสารัตน์เท่านั้นที่เสียใจ กรกวินทร์เองก็ได้รับรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนั้นเช่นกัน มองหน้านิสารัตน์ที่ปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสาร แม้จะรู้ดีว่า การที่เขาบอกความจริงจะทำให้คนรักเสียใจ แต่เขาด็คิดว่าทางนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว หากเขาไม่พูด ไม่บอกเธอตรงๆ ปล่อยให้เธอรู้เอง ความรู้สึกที่นิสารัตน์ได้รับคงจะแย่กว่านี้ อีกทั้งคงจะเสียความรู้สึกด้วย
“พี่ทัช ฮือ” นิสารัตน์จมอยู่กับความทุกข์โศกเสียใจอยู่นานเป็นสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่เธอรู้เรื่อง และยิ่งสื่อสิ่งพิมพ์ประโคมข่าวกันคึกโครม ความเสียใจเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า ซ้ำร้ายเธอยังถูกนักข่าวรุมล้อมขอสัมภาษณ์เรื่องคนรักของเธอที่วิวาห์ฟ้าแลบกับหญิงอื่น นิสารัตน์ต้องทนเผชิญกับความชอกช้ำระกำทรวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า คืนนี้เธอจึงมาระบายความรู้สึกทั้งหลายในผับแห่งนี้ ผับที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่มีใครมาปักหมุดความเสียใจ
ดัตถพงศ์เดินเข้าในผับเทอมินอลตามเวลานัดหมายกับเพื่อนรุ่นเดียวกันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย นัดหมายในคืนนี้เขาบอกเพื่อนๆ ไว้แล้วว่า จะมาช้าเนื่องจากต้องไปงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของเพื่อนสนิทก่อน พอมาถึงเขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะของเพื่อนกลุ่มนั้นทันที
ระหว่างที่ดัตถพงศ์กับเพื่อนกำลังสังสรรค์กันอยู่ เสียงของพิเชษฐ์ ชายหนุ่มจอมเจ้าชู้ก็เอ่ยถึงใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมของผับ
“เฮ้ย! อิฐ นายลองดูสิว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโต๊ะหัวมุมใช่ฟ้า ดาราที่เพื่อนนายหักอกหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นรึเปล่า”
พิเชษฐ์เอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจว่าจะใช่นิสารัตน์หรือไม่ เพราะท่าทางของเธอคนนั้นเหมือนกับกำลังเมา นั่งคอพับคออ่อน แล้วที่เขาถามดัตถพงศ์เป็นเพราะผู้ชายที่วิวาห์ฟ้าแลบกับหญิงอื่นคือเพื่อนสนิทของคนที่ถูกถาม ซึ่งน่าจะให้คำตอบได้ดีที่สุด
ดัตถพงศ์หันไปมองตามนิ้วของพิเชษฐ์ที่ชี้ไปยังโต๊ะตัวดังกล่าว เขาเพ่งสายตาฝ่าความมืดสลัวภายในผับไปยังใบหน้าของหญิงสาวรายนั้น เพียงแค่เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ในทันทีว่าคือใคร
“ใช่ฟ้าจริงๆ ด้วย”
“สงสัยมานั่งย้อมใจแน่ๆ ดูสิเมาหัวทิ่มเลย” พิเชษฐ์สันนิษฐานตามที่เห็น
“มันก็น่านั่งดื่มย้อมใจอยู่หรอก จะมีใครบ้างที่ไม่เสียใจที่อยู่ๆ แฟนของตัวเองไปแต่งงานกับคนอื่น แถมเป็นข่าวคึกโครม ออกงานที่ไหนมีนักข่าวรุมล้อมขอสัมภาษณ์ที่นั่น เท่ากับว่าตอกย้ำความเจ็บปวดชัดๆ เฮ้อ! เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้”
ศราวุฒิเพื่อนอีกคนหนึ่งพูดขึ้น สายตาจับจ้องไปยังร่างของนิสารัตน์ที่ดูเหมือนว่าจะควบคุมสติไม่อยู่ นั่งคอพับคออ่อน กระดกดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่อง ราวกับว่าจะให้เครื่องดื่มในมือดับความทุกข์ในจิตใจ
“ว่าแต่เพื่อนของนายทำไมอยู่ๆ ถึงได้แต่งงานกับคนอื่นล่ะ” พิเชษฐ์เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เอ่ยถามให้ตนคลายความสงสัยนั้น
“ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจัดการ”
แท้จริงแล้วดัตถพงศ์รู้ดีทุกอย่าง เนื่องจากกรกวินทร์มานั่งปรับทุกข์ในเรื่องนี้กับตน แต่เขาก็เลือกตอบประหนึ่งว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว
“สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีกเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ” พิเชษฐ์เปรย
“มันก็เหมือนกับเรือล่มในหนองทองจะไปไหนรึเปล่า การแต่งงานเพื่อธุรกิจมีเยอะแยะไป”
ศราวุฒิไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายคนที่เขารู้จักก็แต่งงานเพื่อธุรกิจอยู่หลายคู่ ต่อยอดความร่ำรวย เงินทองไม่รั่วไหล
“เฮ้ยๆ ฟ้าลุกขึ้นแล้ววะ สงสัยจะกลับแล้ว แต่ว่าจะกลับยังไงเนี่ยเมาเป๋ซะขนาดนี้”
พิเชษฐ์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่า นิสารัตน์กำลังลุกขึ้นยืน แล้วกำลังเดินห่างโต๊ะ แต่ทว่าด้วยสภาพเมาจนประคองตัวเองไม่อยู่ ทำให้ร่างระหงเซไปเซมา จนต้องใช้มือจับโต๊ะเอาไว้กันล้ม จากสภาพที่เห็นเธอไม่น่าจะกลับเองได้
“ฉันขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ”
ดัตถพงศ์เห็นสภาพของนิสารัตน์แล้วเกิดเป็นห่วงขึ้นมา หากปล่อยเธอ กลับบ้านเองมีหวังไม่ถึงที่แน่ อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง หรือไม่ก็โดนฉุดไปทำมิดีไม่ร้ายกับคนที่ไม่หวังดี
“อะไรวะ มาไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับแล้วเหรอ” ศราวุฒิท้วงเพื่อน
“ฉันจะพาฟ้ากลับบ้าน ฉันรู้ว่าบ้านฟ้าอยู่ที่ไหน ปล่อยให้กลับบ้านคนเดียวมีหวังไม่ถึงบ้านแน่ๆ” เขาให้เหตุผลของการขอตัวกลับก่อน
“เออๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ โอกาสหน้าค่อยนัดเจอกันใหม่ก็ได้” เหตุผลของดัตถพงศ์เป็นที่ยอมรับ
ได้ของเพื่อนๆ เพราะพวกเขาก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ฉันไปก่อนนะ” ดัตถพงศ์ไม่รอช้า รีบเดินไปยังร่างของนิสารัตน์ที่เดินไม่ตรง เซไปซ้ายสองสาวก้าวแล้วเซไปทางขวาอีกหลายก้าว สลับกันไปมาจนน่าเวียนหัว
ความที่นิสารัตน์เดินไม่ตรงทาง ทำให้ชายจอมเจ้าชู้หลายคนคิดจะเข้ามาประคองตัวร่างเล็ก โดยไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงว่า หวังดีหรือร้าย
“ขอโทษนะครับ นี่น้องสาวผม ปล่อยให้ผมจัดการดีกว่านะครับ”
ดัตถพงศ์เอ่ยบอกชายร่างอ้วนที่กำลังนำมือมาประคองร่างสวย ก่อนจะฉวยโอกาสที่ชายคนนั้นผงะ โอบประคองร่างของดาราสาวออกไปจากผับ
“ปล่อยนะ ปล่อยสิ มาจับตัวฉันทำไม ปล่อยนะ”
นิสารัตน์โวยวายไปตลอดทางเมื่อรู้ได้ว่า มีลำแขนของใครบางคนโอบประคองเธอไม่ห่าง เธอทั้งดิ้นและร้องจนพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านต้องวิ่งมาดู
“มีอะไรครับคุณฟ้า” สมพลที่จำลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการผับหรูแห่งนี้ได้ดีเอ่ยถามโดยที่ไม่หันมองหน้าชายหนุ่มอีกคน
“ไม่มีอะไร ฉันแค่จะพาคุณฟ้าไปส่งที่บ้าน” ดัตถพงศ์ตอบแทนคนที่ไม่ค่อยมีสติ
“คุณอิฐนี่เอง ผมนึกว่าใคร เชิญครับเชิญ”
พอสมพลรู้ว่าผู้พูดคือใคร เขาจึงหลีกทางให้แต่โดยดี เนื่องจากดัตถพงศ์เป็นแขกระดับโกล์ดคลาสของที่นี่ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าดัตถพงศ์เป็นเพื่อนสนิทของกรกวินทร์ คนรักของนิสารัตน์ที่มาใช้บริการที่นี่ด้วยกันจนนับไม่ถ้วน
“ไปเปิดประตูรถฉันให้ที ฉันจะอุ้มคุณฟ้าไปที่รถ”
ดัตถพงศ์ล้วงหยิบกุญแจรถในกระเป๋า ยื่นให้สมพลที่กุลีกุจอไปยังรถของอีกฝ่าย ที่เขาจำได้แม่นยำว่าคันไหน ฝ่ายคนสั่งช้อนอุ้มร่างของคนเมาไม่ได้สติขึ้นสูง ก้าวเดินไปยังรถยนต์ของตน
“ปล่อยนะ ปล่อยสิ ปล่อยนะ” นิสารัตน์ยังโวยวายต่อไป
“อยู่เฉยๆ จะพากลับบ้าน” ดัตถพงศ์ส่งเสียงดุสาวร่างเล็ก รีบสาวเท้าเดินไปยังรถยนต์ของตน
“ปล่อยนะ ปะ...ปล่อย”
เสียงร้องโวยวายของเธอดังอยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบลง เขาจึงหันมามองต้นเสียงที่สร้างความรำคาญให้กับส่วนรับฟังก็พบว่า เธอหลับไปเสียแล้ว
ดัตถพงศ์ขับรถยนต์สปอร์ตของตนไปตามท้องถนนยามราตรี ระหว่างที่ขับเขาก็หันมามองเสี้ยวใบหน้าของนิสารัตน์ที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ในรถของใครและจะพาไปที่ใด เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า หากเป็นชายอื่นพาเธอไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางจะแวะที่ไหนก่อนหรือเปล่า แค่คิดหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนมีเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทง
ไม่มีใครรู้หัวใจของดัตถพงศ์เลยว่า แท้จริงแล้วเขาแอบหลงรักแฟนของเพื่อนมานานแล้ว รักมาก่อนที่กรกวินทร์จะรู้จักกับนิสารัตน์เสียอีก
เท้าความไปเมื่อสองปีก่อน นิสารัตน์มาถ่ายทำโฆษณาเฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นใหม่ของเขา วันนั้นเขาว่างจึงเดินทางไปดูการถ่ายทำโฆษณาชุดนี้ และได้พบเจอกับเธอตัวจริงเสียงจริง เพราะก่อนหน้าเขาเห็นเธอในละคร ในนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์หลายแขนง
ดัตถพงศ์เหมือนได้พบรักครั้งแรก ความสวยและรอยยิ้มของนิสารัตน์สะกดเขาได้อย่างชะงักงัน เธอสวยมากกว่าในสื่อเหล่านั้น ร่างกายเธอบอบบางแต่ไม่ผอมแห้ง แลดูมีน้ำมีนวลจนเขาอยากจะนำมือไปสัมผัสผิวกายของเธอ ประกอบกับนิสารัตน์เป็นคนไม่ถือตัว แม้ว่าตนเองจะโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ก็ยังนอน้อมถ่อมตนกับทุกคน เธอจึงเป็นที่รักของคนรอบข้างและที่ได้พบเจอ