บทที่ 5 ความเสียใจกับความผิดพลาด 1.1
เขาตั้งใจจะจีบนิสารัตน์โดยเลือกวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการ แต่ทว่าวันนั้นกรกวินทร์ได้เดินทางมาร่วมงานด้วยและนั่นทำให้ความตั้งใจของเขาเป็นหมัน เมื่อกรกวินทร์เกิดถูกตาต้องใจดาราสาวพราวเสน่ห์ขึ้นมา จนเอ่ยปากกับตนว่า จะรุกหน้าจีบนิสารัตน์ ดัตถพงศ์จึงหลบฉากให้เพื่อนสนิทนับตั้งแต่วันนั้น เพราะรู้ตัวเองดีว่าคงไม่มีวันได้ครอบครองหัวใจของเธอ เหตุใดเขาถึงรู้สึกเช่นนั้นก็เพราะสายตาของนิสารัตน์ยามมองไปยังกรกวินทร์ มันมีความรู้สึกบางอย่างแฝงอยู่
กรกวินทร์ใช้เวลาร่วมหนึ่งปีพิสูจน์รักแท้ เทียวไร้เทียวขื่อจีบเธอไม่เว้นวัน จนกระทั่งเธอยอมรับรักและคบหากรกวินทร์เป็นคู่รัก ชายหนุ่มอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจึงเก็บความรักที่มีต่อนิสารัตน์ไว้ในใจเรื่อยมาจนถึงวันนี้...วันที่เธอเป็นอิสระจากกรกวินทร์
เจ้าของรถสปอร์ตเหยียบเบรกรถเมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านของนิสารัตน์ ไฟในบ้านของเธอมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟตรงริมรั้วบ้าน มือใหญ่เปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงไป ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหวังจะเรียกคนในบ้านให้มาเปิดประตู ทว่าเขากดไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน เขาคงไม่รู้ว่าปิ่นกับปักสองพี่น้องคนรับใช้ประจำบ้านของนิสารัตน์ ลากลับบ้านกว่าจะกลับมาก็วันมะรืนนี้ ดัตถพงศ์จึงเดินกลับมาที่รถ เดินไปยังประตูฝั่งด้านข้างคนขับ
“ฟ้า ฟ้า ตื่นสิ ฟ้า” เขาส่งเสียงเรียกดาราสาวที่ยังหลับสนิท กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งรถ
“หลับเป็นตายเลย” เขาบ่นอุบเมื่อเห็นร่างเล็กไม่มีทีท่าว่าจะตื่น “กุญแจบ้านอยู่ไหนฟ้า ตื่นสิตื่น”
ดัตถพงศ์ใช้ฝ่ามือตบใบหน้าของเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ แต่ดูเหมือนหว่านิสารัตน์จะไม่มีสติเอาเสียเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงถือวิสาสะคว้ากระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนบ่าของเธอมารื้อค้นหากุญแจบ้าน ทว่าเขารื้อค้นจนทั่วก็ไม่เห็นกุญแจสักดอก
“หรือว่าจะทำตกที่ผับ” ชายหนุ่มคิดในใจ และคาดว่าเป็นตามที่ตนคิด “เอาไงดีวะเนี่ย เข้าบ้านก็ไม่ได้ จะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่หน้าบ้านก็ไม่ได้ จะทำยังไงดีวะ”
ดัตถพงศ์พูดกับตัวเองพลางคิดหาวิธีแก้ปัญหา เขามีทางเลือกอยู่สองทางในใจ หนึ่งเปิดห้องในโรงแรมให้เธอนอน สองคือพาไปคอนโดส่วนตัวของตน
หากเขาเลือกวิธีที่หนึ่ง เธอก็ต้องนอนพักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว แล้วยิ่งหลับเป็นตายเช่นนี้ใครคิดมิดีมิร้ายขึ้นมา จะต่อสู้หรือขัดขืนอะไรได้ ถึงแม้ว่าจะพานิสารัตน์ไปพักในโรงแรมชื่อดัง ดัตถพงศ์ก็ไม่ไว้ใจ ครั้นจะเฝ้าดูแลเธออยู่ในห้องด้วยก็ดูไม่งาม นิสารัตน์จะเสียชื่อเสียงเพราะคนภายนอกจะต้องสังเกตว่า เขาพาหญิงสาวคนไหนมาพักด้วย
ทว่าหากเขาเลือดวิธีที่สอง พาเธอไปยังคอนโดของตน บุคคลที่อยู่ในคอนโดต่างก็ชินกับการที่เขาควงสาวไปหลับนอนบนห้องด้วยบ่อยๆ จนไม่มีใครสังเกต ไม่มีใครใส่ใจว่าเขาจะพาใครขึ้นไปบนห้อง ดัตถพงศ์คิดว่าทางนี้น่าจะดีที่สุด อำพรางใบหน้าของเธอสักหน่อยด้วยการสวมใส่แว่นตาดำ สวมหมวกแก๊ปให้เธออีกสักใบแค่นี้ก็เรียบร้อย คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบจัดการทุกอย่างตามความตั้งใจของตน
สี่สิบนาทีต่อมาดัตถพงศ์เดินทางมาถึงคอนโดสุดหรูขอบเขา พอจอดรถสนิทเขาก็เริ่มอำพรางตัวให้นิสารัตน์ด้วยการสวมใส่แว่นตาดำและหยิบหมวกแก๊ปที่เขามักใช้ระหว่างออกรอบตีกอล์ฟกับลูกค้าและเพื่อนฝูง จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเขาก็อุ้มร่างของคนเมาไม่ได้สติขึ้นไปบนห้องพักของตนโดยใช้ลิฟต์ตรงส่วนลานจอดรถเป็นพาหนะนำเขาและเธอขึ้นไปบนชั้นที่ 32
เป็นดังที่ดัตถพงศ์คาดการณ์ ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะพาหญิงใดขึ้นไปบนห้อง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงประตูลานจอดรถเพียงแค่ยิ้มและทักทายตามปกติ เขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องที่นิสารัตน์ต้องเสียชื่อเสียงหากใครรู้ว่า คนที่หมดสภาพตอนนี้คือดารานักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย
“อ้วก อ้วก” คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเริ่มรู้สึกตัว แต่ทว่าการรู้สึกตัวของเธอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ นิสารัตน์มีอาการอยากจะอาเจียน ร้องโอกอ้ากตลอดทางที่อยู่ในลิฟต์
“เฮ้ยๆ ฟ้าๆ อย่าเพิ่งอ้วกนะ รอให้ถึงห้องก่อน” เขาบอกสาวเจ้าที่ตนอุ้ม
“อ้วก อ้วก” เธอทำท่าจะขย่อนอาหารที่อยู่ในท้องออกมา
“ทนหน่อยฟ้า ทนอีกนิดจะถึงแล้ว”
เขาภาวนาอย่าให้เธออาเจียนออกมาตอนนี้ เหลืออีกไม่กี่ชั้นก็จะถึงจุดหมายแล้ว และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้างเขาก็รีบเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องชุดของตนเองทันที เขาวางร่างนุ่มนิ่มให้นั่งลงบนพื้นก่อนจะล้วงหยิบคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดประตูห้อง หลังจากจัดการประตูห้องให้เปิดออกแล้ว เขาก็ย่อตัวลงกำลังจะอุ้มร่างเล็ก
“อ้วก อ้วก อ้วก” นิสารัตน์อาเจียนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ย! บอกว่าอย่าเพิ่งอ้วกยังไงล่ะ รอให้เข้าไปในห้องก่อนไม่ได้หรือไง ดูสิเลอะเทอะ หมดเลย”
เขาบ่นอุบเมื่อนิสารัตน์สำรอกอาหารออกมาจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าทั้งของเขาและเธอ แล้วรีบช้อนอุ้มร่างงามเข้าไปในห้องของตน วางร่างสวยลงบนเตียงนอนของเขา
ดัตถพงศ์มองเห็นสภาพของนิสารัตน์ก็อดสงสารไม่ได้ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่เธอกลายเป็นเมรีขี้เมาก็เพราะความรักที่ขาดสะบั้นไม่ทันตั้งตัว แถมสาเหตุของการเลิกราคือ คนรักไปแต่งงานกับหญิงอื่น ความเสียใจจึงเพิ่มพูนหลายเท่า เธอจึงใช้แอลกอฮอล์เป็นที่ระบายความทุกข์ ถึงได้มีสภาพเช่นนี้
มองดูนิสารัตน์ก็นึกย้อนนึกถึงตัวเอง เขาก็เคยมีสภาพเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน วันที่กรกวินทร์บอกเขาว่า สนใจในตัวดาราสาวและจะเริ่มจีบอย่างไม่รีรอเวลา ตอนนั้นเขานึกว่าตัวเองยังมีความหวัง ใครดีใครได้ นิสารัตน์รับขนมจีบจากใครผู้นั้นก็ถือว่าได้ชัยชนะ แต่ทว่าความหวังที่ตนคิดว่ามีกลับมลายหายไปเมื่อเห็นสายตาของเธอที่มองไปยังกรกวินทร์ มันมีความหมายลึกซึ้ง เขารู้ได้ในตอนนั้นเลยว่าหมดหวัง สุราจึงเป็นที่พึ่งพิงสำหรับคนอกหักรักคุดเช่นเขา
“เลอะหมดเลย จะทำยังไงดีวะ ปล่อยให้นอนเลอะๆ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ” เขาพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นคราบอาเจียนที่เปรอะเปื้อนติดเสื้อผ้า รวมทั้งบริเวณปากและคางของเธอ “เอาไงดีวะเนี่ย”
ดัตถพงศ์ยืนมองหญิงสาวอย่างใช้ความคิด หากจะให้เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่นอน ครั้นจะปล่อยให้เธอนอนอย่างนี้ก็ไม่ดีเช่นกัน
“เช็ดคราบอาเจียนก็คงพอไหว”
เขาคิดว่าไม่มีวิธีใดดีเท่าวิธีนี้แล้ว ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เธอนอนทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเอาเจียนก็ไม่ได้ ความคิดนี้จึงแวบเข้ามาในสมอง ดัตถพงศ์จึงหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่พอเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำ ดัตถพงศ์ได้กลิ่นอาเจียนที่ติดเสื้อของตน เขาจึงถอดเสื้อออกรวมทั้งเสื้อกล้าม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่อยู่ตรงชั้นมาชุบน้ำพอหมาด จากนั้นก็เดินกลับออกไป
“เฮ้ย! ฟ้า ทำอะไร” เขาอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นนิสารัตน์ที่เวลานี้ลุกขึ้นนั่ง และเธอก็กำลังจะถอดเสื้อของตัวเองออก ดัตถพงศ์รีบถลาไปยังร่างสาวทันที
“อย่าถอดฟ้า อย่าถอด” เขาร้องห้าม จับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น
“ปล่อยฟ้านะ ปล่อย ฟ้าจะถอดเสื้อ ฟ้าเหม็น ใครมาอ้วกใส่เสื้อฟ้าเนี่ย” คนที่ร้องโวยวายยังไม่รู้ตัวว่า คนที่อาเจียนนั้นก็คือตัวเธอ
“เดี๋ยวฉันเช็ดให้ อยู่เฉยๆ”
เขาดุใส่ เธอมีอาการสงบลงเมื่อได้เยินเสียงเข้มๆ ของใครคนหนึ่งที่น้ำเสียงคุ้นๆ หู แต่เนื่องจากความเมาทำให้เธอไม่มีสติพอที่จะนึกว่าเป็นเสียงของใคร อีกทั้งไม่ได้นึกเอะใจเลยสักนิดว่า ตัวเองอยู่ในที่ใด แล้วเหตุใดจึงมีเสียงผู้ชายอยู่ดังใกล้ตัว
ดัตถพงศ์ใช้โอกาสนี้เช็ดหน้าเช็ดตาให้นิสารัตน์ ลดมือต่ำลงมาเช็ดคราบอาเจียนตามเสื้อผ้าของเธออย่างไม่รังเกียจ เขาจะรังเกียจคนที่ตนเองรักได้อย่างไร ไม่ว่าเธอจะอยู่ในสภาพแบบไหนเขาก็ไม่มีวันรังเกียจ
ดัตถพงศ์เดินไปยังห้องน้ำอีกครั้ง ใช้มือขยี้ผ้าผืนเล็กในมือผ่านสายน้ำจากก๊อกน้ำ ให้คราบอาเจียนหลุดออกไป บิดน้ำพอหมาดแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอ
“เฮ้ย!” เขาร้องอุทานเสียงดังกว่าเดิมกับภาพของนิสารัตน์ที่ตนเห็น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรง...เต้นแรงจนเขารู้สึกได้ว่ามันกำลังทะลุออกมาจากผิวเนื้อ ร่างกายบึกบึนแข็งดุจหิน เหงื่อผุดพลายเต็มใบหน้า และกำลังผุดขึ้นตามร่างกาย
ภาพที่เขาเห็นคือ ร่างกายท่อนบนของนิสารัตน์เปล่าเปลือย เธอคงถอดเสื้อผ้าที่มีแต่กลิ่นอาเจียนออก เพราะคิดว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องส่วนตัวของตัวเอง ไม่มีอยู่ร่วมห้องด้วย อีกประการหนึ่งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สติของเธอหมดสิ้น
ดอกอุบลสองดอกเบ่งยานเต็มสองตา ช่างสวยและงดงามยิ่งกว่าสตรีคนใดที่เขาเคยเห็น ผิวกายขาวนวลชวนให้อยากสัมผัส เนียนละเอียดมีน้ำมีนวล จนเขาอยากจะใช้มือแตะต้องเพื่อพิสูจน์ว่า จะนุ่มมือมากแค่ไหน
เท้าใหญ่ก้าวเข้าไปหาร่างงามอย่างเชื่องช้า ดวงตาจับจ้องไปยังความสวยงามนิ่งงัน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เลือดลมในกายของเขายิ่งร้อนระอุ เสมือนกับว่าตนเองยืนอยู่ใกล้กองไฟลุกโชน เพียงแค่เฉียดผิวกายแทบมอดไหม้
“ร้อน ร้อนจังเลย ปิ่นเปิดแอร์ให้ฉันหน่อยสิ”
คนที่ยังไม่ได้สติร้องโวยวายว่าร้อน ทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ยังทำงานอย่างดีเยี่ยม อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของสุราที่เธอดื่มไป ทำให้ร่างกายเกิดความร้อนก็เป็นได้
มือสั่นเทาของดัตถพงศ์เลื่อนผ้าห่มมาปิดความสวยงามที่เขาอยากแตะต้อง แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้เต็มที่ ไม่ทำตามใจปรารถนา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก สะบัดผ้าห่มให้พ้นกาย จนเขาต้องนำมือสั่นๆ ของตนมาปกปิดทรวงอกสาวตามเดิม แล้วกลั้นใจเช็ดตัวให้เธอต่อไป
ในระหว่างที่ดัตถพงศ์กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการเช็ดตัวให้สาวร่างกึ่งเปลือย นิสารัตน์ที่ได้รับความเย็นจากผ้าขนหนูผืนนิ่ม ส่งผลให้เปลือกตาบางขยับเปิด ดวงตาเธอหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อกระทบกับแสงไฟภายในห้อง เธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนใช้ผ้าขนหนูเช็ดลำคอของเธออยู่ หญิงสาวจึงหันหน้าไปทางเจ้าของมือ
“พี่ทัช” ด้วยความเมาบวกกับความรัก ความคิดถึงที่มีต่อกรกวินทร์ ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของดัตถพงศ์เป็นอดีตคนรัก “พี่ทัชกลับมาหาฟ้าเหรอคะ”
ผู้ฟังรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงหัวใจกับคำพูดของนิสารัตน์ ในสายตาของเธอไม่เคยมีชายหนุ่มคนไหนนอกจากกรกวินทร์ รวมทั้งหัวใจของเธอด้วย แม้ในยามที่สติไม่สมบูรณ์จิตใจของเธอก็ยังคงมีแต่อดีตคนรัก เขาไม่อยากคิดเลยว่า ยามที่เธอมีสติครบถ้วน ความรักที่มีต่อกรกวินทร์จะมากมายเพียงใด เพียงแค่คิดความร้าวรานใจก็รุมเร้า
“ฟ้า ฉันไม่ใช่...” เขาร้องค้าน แต่ทว่าเสียงค้านของเขาก็หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อเสียงอันสั่นเครือของนิสารัตน์ดังขึ้น
“พี่ทัชอย่าทิ้งฟ้าไปอีกนะคะ ฟ้ารักพี่ทัช”
นิสารัตน์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เธอโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนเมื่ออายุได้ห้าขวบก็มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีฐานะมั่งคั่งมารับไปอุปการะ นิสารัตน์อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมมาร่วมยี่สิบปี เธอก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปด้วยอุบัติเหตุ พร้อมกันนี้ยังสูญเสียทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลของทั้งสองไปด้วย เนื่องจากญาติทางบิดาบุญธรรม บังคับให้เธอเซ็นยกมรดกทั้งหมดที่ได้รับให้กับพี่ชายบิดา ซึ่งนิสารัตน์ก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี เพราะเธอคิดว่า ตนเองไม่ใช่ทายาทที่สมควรจะได้รับมรดก แค่ได้รับความเมตตาจากทั้งสองก็เป็นพระคุณล้นหัว
ความโดดเดี่ยวที่เธอได้รับมาร่วมสามปี จนกระทั่งมาพบเจอกับกรกวินทร์ ทำให้ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่เธอได้รับพลันหายไป ระยะเวลาหนึ่งปีที่กรกวินทร์ขายขนมจีบให้หญิงสาว เขาให้ความรัก ความเอาใจใส่เธอไม่ขาด เสมอต้นเสมอปลาย พิสูจน์ให้เธอเห็นว่า เขารักเธอจากใจจริง และอีกหนึ่งปีต่อมานิสารัตน์จึงรับรักและตกลงเป็นคู่รักคู่ดังแห่งปี มิแปลกที่นิสารัตน์จะรักกรกวินทร์หมดใจ รักมากพอผิดหวังความเสียใจก็มากตามไปด้วย