บทที่ 13 ถูกแบนจากวงการอาชีพ
“ท่านผู้อำนวยการคุณทำไมถึงได้ถามอย่างนี้?”ภายในใจของฟารินดารู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น
“คุณน่าจะทราบ ถูกแบนจากวงการอาชีพ หมายถึงอะไร……”ผู้อำนวยการพูดไปแล้วก็หยุด
“ในอาชีพการงานการเป็นแพทย์คุณ เกรงว่าจะดับลงแล้ว ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าใช้คุณ”
ฟารินดาถูกเรื่องแบบนี้ที่เข้ามาอย่างกะทันหันสะเทือนใจ
มือของเธอกำแล้วปล่อย ปล่อยแล้วกำ กลับไปกลับมากี่ครั้ง “ท่านผู้อำนวยการ การงานอันนี้ฉันรักมาก อีกทั้งฉันไม่สามารถไม่มีงานอันนี้ได้”
“ผมต่อให้มีใจ ก็ไร้กำลัง”ผู้อำนวยการรู้สึกว่าน่าเสียดาย สำหรับความตั้งใจและความสามารถของฟารินดานั้น เขาต่างให้การยอมรับ พร้อมทั้งให้การชื่นชม
เพียงแต่ว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะปกป้องเธอ
“คุณถ้าเกิดว่าอยากจะรักษาการงานเอาไว้ ก็ต้องไปหานคินทร์ คุณทำให้เขาไม่พอใจแล้ว ก็ขอโทษเขา ดีกว่าการสูญเสียงาน”ผู้อำนวยการเตือนสติเธอ
“ฉัน……”
เธอจะพูดแต่ก็หยุดลงแล้ว
นคินทร์สำหรับเธอไม่ใช่แค่การกล่าวขอโทษแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้?
ภายในใจของเธอชัดเจนมาก นคินทร์ทำแบบนี้กับเธอ ไม่เพียงแค่เรื่องเมื่อคืนที่เกือบจะทำของล้ำค่าของเขาเสียหาย แล้วอีกอย่างเขาไม่พอใจเรื่องที่เธอกลายเป็นภรรยาของเขา
นี่ประมาณว่า คือแก้แค้นเธอเรื่องเมื่อคืนไปด้วย ยังคิดอยากจะบีบบังคับให้เธอยินยอมหย่าร้างไปเองมั้ง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ตัวคุณเองคิดหาวิธีเถอะ”ผู้อำนวยการพูด
ฟารินดาราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างกลับไปยังแผนก
ไปขอร้องนคินทร์เกรงว่าจะไม่มีผลอะไร เพราะว่า จุดประสงค์ของเขาแน่นอนว่าต้องการให้เธอหย่าร้าง
เธอได้เซ็นสัญญากับท่านพฤกษ์แล้ว
ตอนนี้ตอบรับนคินทร์ เธอก็จะกลายเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด
ทันในนั้นเธอก็พะอืดพะอม อยากจะอาเจียน แต่ว่าก็รู้สึกว่าเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
ดีขึ้นสักหน่อยแล้วจึงเปิดคอมพิวเตอร์ ลองยื่นเรซูเม่ไปที่โรงพยาบาลอื่น หลังจากนั้นมองเห็นชื่อขอเธอ ต่างปฏิเสธออกมาเลย
เวลานี้เธอรู้สึกได้แล้ว พลังของคำว่าถูกแบนอาชีพสี่คำนี้!
แต่ว่าเธอไม่สามารถไม่มีงานได้ เพื่อนของเธอไม่มาก สามารถไปหาได้ก็มีเพียงระพี ลังเลอยู่นาน เธอยังหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาระพีแล้ว
โดยเร็วก็ต่อสายติด
“ฟา?”ด้านโน้นเสียงของระพีดังมา
“คุณมีเวลาไหม? ฉันอยากจะเจอคุณสักหน่อย”เธอกดเสียงอันแหบแห้งอันนั้นเอาไว้ พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูปกติ
ระพีตอบรับในทันทีแล้ว “ครับ”
พวกเขานัดพบกันที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง
ฟารินดาจัดเก็บเรียบร้อย ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
เธอมาถึงก่อน
ระพีมาถึง นึกว่าเธอจะถามเรื่องหัวใจ พึ่งจะนั่งลงก็พูดออกมา “หัวใจผมยังหาไม่เจอ”
ฟารินดาจึงอาศัยโอกาสนี้บอกกับเขา “การผ่าตัดของแม่ฉันเรียบร้อยแล้ว”
“หา?”ระพีประหลาดใจอย่างมาก
“เป็นเรื่องเมื่อไหร่กัน ทำไมผมไม่ทราบ?”
“เมื่อวาน”ฟารินตอบ “ฉันยังไม่ทันมีเวลาบอกกับคุณ”
ระพีกะพริบตาปริบๆแล้ว พูดออกมาอย่างปีติ “ผ่าตัดแล้วก็ดี ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม?”
เธอพยักหน้าแล้ว
ระพีมองเห็นมีเธอมีเรื่องหนักใจ ถามออกมา “คุณมีธุระ?”
เธอเอ่ยปากออกมา “ฉันกำลังจะเสียการงานแล้ว”
ระพีประหลาดใจ อีกทั้งตามมาด้วยความขุ่นเคือง “ทำไม ผอ.ชัชช์กล้าเลิกจ้างคุณ?”
“ฉันทำให้คนไม่พอใจเข้าแล้ว”
ระพีถาม “ใคร? คุณทำให้ใครไม่พอใจแล้ว? ผมจะเรียกร้องความยุติธรรมแทนคุณเอง!”
ฟารินดาคิดว่าระพีเป็นไปได้ว่ารู้จักกับนคินทร์ ลังเลอยู่สักพัก จึงพูดชื่อหนึ่งออกมา “นคินทร์”
ระพีน้ำที่ดื่มเข้าไปในปาก เกือบจะพ่นออกมา “ดังนั้น เพราะว่าเขา ในตอนนี้คุณกำลังจะเสียงานไปแล้ว?”
ฟารินดาพยักหน้าแล้ว
“คุณไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ? เพราะว่านิสา?”ระพีนึกถึงเหตุผลอื่นไม่ออก
นคินทร์แต่งงานไม่ได้จัดงานแต่งงาน เดิมทีนคินทร์ก็ไม่ยินยอม ดังนั้นไม่ได้ประกาศออกไป นอกเหนือจากตระกูลจุฑาเทววงษ์ตระกูลศิริเจริญสกุลสองตระกูล คือน้อยคนมากที่ทราบ
ระพีต่างไม่ทราบ
ฟารินดาทราบว่าช้าเร็วยังไงตัวเองก็ต้องหย่าร้างกับนคินทร์ ดังนั้น ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขามาก่อน
ที่ระพีสามารถนึกออกได้ก็มีเพียงเกี่ยวข้องกับนิสา
ไม่รอให้ฟารินดาตอบกลับ เขาก็พูดเองเออเองแล้ว “ผมก็เป็นครั้งแรกที่เห็นนคินทร์ ให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ ผมมองว่าเขานั้นตาบอด ชอบนิสาได้อย่างไรกัน?”
สำหรับการชอบใครของนคินทร์ สำหรับฟารินดาไม่สำคัญ
ยิ่งไปกว่านั้น ความรักความชอบต่างไม่เหมือนกัน
ไม่แน่ นคินทร์ก็ชื่นชอบนิสาแบบนั้น
แต่ว่าได้ฟังคำพูดอันนี้ของเขา สามารถแน่ใจได้แล้วว่าเขาสนิทกับนคินทร์ ฟารินดาถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ครั้งที่แล้วที่คุณให้ฉันไปรักษาผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บ คือนคินทร์ใช่ไหม?”
ทราบว่าครามเป็นผู้ช่วยของนคินทร์ ภายในใจของเธอทายออกแล้ว
ถามระพีอีกครั้งเพียงแค่อยากจะแน่ใจว่าที่ตัวเองทายนั้นถูกต้อง
“อืม แต่คุณอย่าได้พูดออกไป”ระพีสำหรับเธอยังเชื่อมั่นอย่างมาก
ไม่อย่างนั้นครั้งที่แล้วคงไม่ให้เธอไป
ระพีคิดไปคิดมาแล้ว “ผมจะไปขอร้องนคินทร์แทนคุณ”
ฟารินดากำลังจะเอ่ยปากก็หยุดลง คิดอยากจะบอกเขาถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับนคินทร์ แต่ว่าไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร สุดท้ายก็ยังไม่พูดออกมา “ขอบคุณคุณมากค่ะ”
“โธ่โอ๊ย พวกเรานั้นเป็นอะไรกัน”ระพียิ้มแย้ม “ครั้งที่แล้วคุณพูดว่าอยากจะเลี้ยงข้าวผม”
ฟารินดายิ้มแย้มพูดออกมา “ได้ ฉันเลี้ยง”
……
ทีจีกรุ๊ป
ประชุมเสร็จ นคินทร์เดินเข้าห้องทำงาน
ครามเดินเข้ามา “คุณคินทร์ ผมเห็นคุณฟากับระพีทานข้าวอยู่ด้วยกัน”
“ใคร?”นคินทร์หันมา นัยน์ตาแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน “ฟารินดากับระพีรู้จักกัน?”