บทที่ 12 จุดประสงค์ที่แท้จริง
ภายในใจของท่านพฤกษ์คิดออกตั้งนานแล้ว
เวลานี้ พ่อบ้านชาติเหมือนกับว่าเข้าใจแล้ว “เรื่องที่คุณท่านให้ผมหาหัวใจ……”
คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟารินดาถือกล่องเครื่องมือแพทย์เดินออกมาแล้ว
พ่อบ้านชาติหุบปากลงในทันใด
ท่านพฤกษ์จากโซฟาค้ำไม้เท้าลุกขึ้นมา พูดกับฟารินดาว่า “เธอมากับฉัน”
พูดจบท่านพฤกษ์เดินตรงไปยังห้องหนังสือ
ฟารินดานำเอากล่องเครื่องมือแพทย์วางลงบนโต๊ะแล้วเดินตามไป
ท่านพฤกษ์นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะหนังสือ สีหน้าโศกเศร้า “พ่อแม่ของนคินทร์จากไปเร็ว ฉันเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมา ในตอนที่เรียนหนังสือพักอยู่ที่โรงเรียน หลังจากจบมหาวิทยาลัยก็ย้ายออกคฤหาสน์หลังเก่า รับช่วงต่อบริษัท ก็ยิ่งยุ่งแล้ว น้อยมากที่จะกลับมา”
น้ำเสียงของท่านพฤกษ์เบามาก พ่อของนคินทร์เป็นลูกชายคนโตของเขา ความทุกข์ทรมานของคนผมหงอกส่งคนผมดำ ผ่านไปนานเท่าไหร่ ต่างยังมีความเจ็บปวด
ทว่าที่นคินทร์ไม่ยอมกลับมา ก็คือมีเหตุผล
เขาสามารถคาดเดาได้ หลังจากตัวเองเสียไป นคินทร์จะรับมือกับครอบครัวของลูกคนรองอย่างไร
นคินทร์สามารถทนได้ถึงตอนนี้ ทั้งหมดก็คือเห็นแก่เขา
เขาต้องการให้ข้างกายของนคินทร์มีผู้หญิงสักคน ทำให้เขารู้ได้จักความรัก ทำให้เขาสัมผัสได้
ทำให้เขาปล่อยวางความแค้น
ฝ่ามือหลังมือต่างเป็นเลือดเนื้อ เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวต่างฆ่าแกงกันเอง
“คุณปู่”ฟารินดาไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี
ท่านพฤกษ์ดีกับเธอมาโดยตลอด
ทั้งๆที่พิสิฐมีจิตใจที่ละโมบโลภมาก ให้เธอแต่งเข้ามา แต่ท่านพฤกษ์ก็ไม่ได้ดูถูกเธอ
คุณท่านยกมือขึ้นมา แสดงออกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่เป็นไร “ฉันรับปากให้เธอแต่งเข้ามา เพราะว่าฉันทราบว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดี คุณปู่ของเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีมีความซื่อสัตย์คนหนึ่ง เธอเป็นหลานสาวของเขา ต้องมีจิตใจที่ดีอย่างเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นผมอยากให้เธออยู่เคียงข้างนคินทร์ ดูแลเขา”
“คุณปู่ ฉันคิดว่าคนที่อยู่เคียงข้างเขา ต้องเป็นคนที่เขาชอบถึงจะดีต่อเขาจริงๆ……”คำพูดนี้ ฟารินดาพูดออกมาจากใจจริง
แต่คือในหูของคุณท่านที่ได้ยิน คือเธอถอยแล้ว คิดอยากจะหาข้ออ้างออกห่างนคินทร์
ใช้ชีวิตมาถึงขนาดนี้แล้ว มีอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน?
อยากจะกุมเธอเอาไว้คือง่ายดายมาก “ฉันรู้ว่าเธอกำลังลำบาก”
ท่านพฤกษ์จากลิ้นชักหยิบเอกสารออกมาชุดหนึ่ง ให้เธอ “การป่วยของแม่เธอ ต้องการหัวใจที่เข้ากันได้ใช่ไหม นี่ก็คือสิ่งที่ฉันหามาช่วยแม่ของเธอ ฉันได้ให้คนส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว ขอเพียงเธอเซ็นเอกสารชุดนี้แล้ว แม่ของเธอก็จะสามารถทำการผ่าตัดได้ในทันที ค่าผ่าตัด ค่าใช้จ่ายการดูแลรักษาในภายหลัง ฉันออกเองทั้งหมด”
ฟารินดาก่อนอื่นคือเซอร์ไพรส์ ทว่าหลังจากนั้นคือทราบว่าเรื่องนี้นั้นไม่ง่าย สายตาของเธอมองลงมาบนเอกสาร
คือเอกสารการรับรองชุดหนึ่ง
เป็นสัญญารับรองว่าจะไม่หย่าร้างกับนคินทร์
“ได้ยินมาว่าคุณแม่ของเธออาการไม่ค่อยจะดี ถ้ายังไม่เปลี่ยนหัวใจ เกรงว่าต่อให้หมอเก่งแค่ไหนก็คงช่วยชีวิตเธอไม่ได้ หัวใจอวัยวะแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะหาได้อย่างง่ายดายนัก ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะหาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีเงิน”คุณท่านชัดเจนมาก อยากจะให้เธออยู่เคียงข้างนคินทร์แต่โดยดี จึงต้องจับจุดอ่อนของเธอ
ฟารินดาจับกระดาษที่อยู่ในมือแน่น ภายในใจซับซ้อน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ราวกับว่าก็เข้าใจได้แล้ว วันนี้ที่คุณท่านเรียกเธอมาคฤหาสน์หลังเก่าที่นี่ นี่ถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริง
“คุณปู่ทำไมคิดว่าฉันจะสามารถดูแลเขาได้?”
“ฉันเคยพูดแล้ว เพราะว่าเธอเป็นหลานของปู่ของเธอ ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ”
ฟารินดาพยายามอย่างที่สุดให้ตัวเองใจเย็นลง แต่ ก็ยังกระวนกระวายอย่างรุนแรง
การป่วยของมารดาไม่สามารถล่าช้าได้อีกแล้ว
ยิ่งทำการผ่าตัดเร็ว ยิ่งฟื้นตัวได้ดี
เธอตอนนี้ได้แต่งงานกับนคินทร์แล้ว เพื่อให้มารดามีชีวิตอยู่ได้ เธอยอมแล้ว “ฉันเซ็นค่ะ”
“ดี ฉันมองเธอไม่ผิดหรอก เธอจะทำให้นคินทร์มีความสุขอย่างแน่นอน”บนใบหน้าของคุณท่านเคร่งขรึม ในที่สุดก็มีรอยยิ้มแล้ว
ฟารินดาเม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดอะไร
ภายในใจ คุณปู่คุณมองผิดแล้ว ฉันไม่ใช่คนคนนั้นที่จะสามารถให้ความสุขกับนคินทร์ได้
คนคนนั้นคือนิสาต่างหาก
“ตอนนี้ฉันจะติดต่อโรงพยาบาลด้านโน้น รีบทำการผ่าตัดให้แม่เธอ”ท่านพฤกษ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ฟารินดายืนอยู่ ภายในใจนั้นตื่นเต้นอย่างมากทั้งมีความคาดหวัง
รอจนคุณท่านวางสายโทรศัพท์ เธอจึงถามออกมา “คุณปู่ ฉันก็สามารถไปที่โรงพยาบาลได้ไหม?”
เธอนี่ก็คือจิตแห่งความกตัญญู คุณท่านจึงตอบตกลงแล้ว “ได้ ไปเถอะ”
วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นคินทร์ด้านโน้นคงจะไม่ยอมให้เธอเข้าห้องแล้วอย่างแน่นอน
อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้แล้ว
“ขอบคุณค่ะคุณปู่”ฟารินดากล่าวขอบคุณพร้อมทั้งซาบซึ้งใจจากใจจริง
คุณท่านโบกมือแล้ว พูดกับพ่อบ้านชาติที่อยู่ด้านนอก “ลุงชาติ เตรียมรถให้เธอ”
“คุณฟามากับผมเถอะ”พ่อบ้านชาติเดินเข้ามาเอ่ยออกมา
ฟารินดาเดินออกไปกับพ่อบ้านชาติ
นั่งอยู่ในรถ เธอต่างยังรู้สึกว่าตัวเองราวกับฝันไปยังไงอย่างงั้น
ทุกอย่างมาเร็วเกินไป เร็วเสียจนเธอรู้สึกว่าไม่เป็นความจริง
แต่ว่ามาถึงโรงพยาบาล มองเห็นว่าคุณท่านจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงได้กลับสู่ความเป็นจริง เธอไม่ได้ฝันไป
มารดาของเธอ สามารถผ่าตัดได้แล้วจริงๆ
ผ่านการเสี่ยงอันตรายมาหนึ่งคืน การผ่าตัดก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เพียงแต่ว่าหลังจากการผ่าตัดต้องใช้ระยะเวลาในการสังเกตการณ์และการดูแลรักษาเป็นเวลานาน
มองเห็นมารดาหลังจากผ่าตัดนอนอยู่ในห้องตรวจสอบการทำงานของร่างกาย บนใบหน้ามีความปีติขึ้นมา มารดาของเธอในที่สุดก็รอดชีวิตแล้ว
เธอไม่ได้นอนทั้งคืนกลับมายังแผนก เดินผ่านทางเดินมีคนเรียกเธอ
“หมอฟา”
เธอหันหน้ากลับมามองเห็นพยาบาลแอนที่อยู่แผนกเดียวกัน
พยาบาลแอนเดินเข้ามาพูดคุยกับเธอ “เมื่อวานคุณกลับไปเร็ว ไม่ได้ฟังสิ่งที่หมอนิสาคิดไปเอง ก็คือมีที่พึ่งแล้วนี่ การพูดการจาต่างมีความมั่นใจ”
ฟารินดาหลับตาลงเบาๆแล้ว สำหรับเรื่องราวของนิสา เธอไม่อยากแสดงความคิดเห็น
“ฉันรู้สึกว่าหมอนิสายังสวยไม่เท่าคุณเลย คุณพูดสิ นคินทร์มองเห็นอะไรในตัวหมอนิสา?”
เธอพูดนินทาคนอื่น ฟารินดาไม่อยากให้เธอลากตัวเองเข้าไปด้วย “หมอนิสาสวยมาก คุณคินทร์จะชื่นชอบ แน่นอนว่าหมอนิสาก็ต้องมีสิ่งที่น่าดึงดูด พวกเราไม่ควรเอามาพูดคุยกันลับหลัง”
พยาบาลแอนเบะปาก “ยังไงซะเมื่อคืนพูดว่าเป็นงานเลี้ยงส่ง ความจริง ก็คือเธอจงใจโอ้อวด ใครจะไม่ทราบว่าโอกาสอันนั้นเป็นของคุณ……”
“คุณแอน ฉันยังมีธุระ”ฟารินดาตัดบทเธอ
คำพูดแบบนี้ให้คนอื่นได้ยินเข้าจะไม่ดีเอา ทำให้เกิดเรื่องได้ง่าย
พยาบาลแอนรู้สึกได้ว่าเธอไม่อยากจะพูดคุย จึงไม่ได้พูดต่อ ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่โรงพยาบาลยุ่งที่สุด คนไข้ที่เข้ามาก่อน ได้ยืนอยู่ที่ช่องลงทะเบียนแล้ว ต่อแถวยาวเหยียด
พวกเธอแต่ละคนต่างก็ไปที่แผนกของตัวเอง
วันนี้ตอนเช้าฟารินดามีผ่าตัด เธอพักผ่อนแล้วสองชั่วโมง ก็เข้าห้องผ่าตัดแล้ว การผ่าตัดสองเคสบวกกับเมื่อคืนที่ไม่ได้นอน เธอเหนื่อยล้าอย่างมาก อาศัยเวลาช่วงพักเที่ยง พึ่งคิดว่าจะนอนสักพัก ปรากฏว่าพยาบาลเข้ามาแล้ว “ผู้อำนวยการให้คุณไปที่ห้องทำงานสักหน่อย”
“มีธุระอะไรไหม?”เธอถาม
ไม่มีธุระรีบร้อน เธอจะรออีกสักครู่ค่อยไป
“ฉันก็ไม่ทราบ ฉันเพียงแค่มาบอกต่อ คุณไปแล้ว ก็คงจะทราบแล้ว”พยาบาลยิ้มแย้มพูดออกมา
ฟารินดาตอบรับแล้ว พูดออกมาว่า “ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เธอลุกขึ้นไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ
มาถึงหน้าห้องจึงเคาะประตู ด้านในตอบรับ เธอจึงผลักประตูเปิดออก
“ท่านผู้อำนวยการ”
ผู้อำนวยการนั่งอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะทำงาน มองเห็นเธอ วางงานทุกอย่างที่อยู่ในมือลงแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดี แต่ก็ไม่อาจไม่พูด
“หมอฟานะ คุณไปทำให้นคินทร์ไม่พอใจเข้าแล้วใช่ไหม?”