บทที่ 11 สิ่งของที่ล้ำค่า
น้ำเสียงปรากฏออกมาอย่างกะทันหัน ฟารินดาตกใจเข้าแล้ว ในตอนที่หันหลังกลับมา ไม่ทันระวังชนกล่องร่วงลงแล้ว กล่องร่วงลงบนพื้นเสียงดังเคร้งออกมาแล้ว!
นคินทร์จ้องมองเธอ ความโมโหเดือดดาลอันมหาศาลขึ้นมาบนสีหน้าของเขา น่ากลัวอย่างมาก!
เธอรีบร้อนอธิบาย “ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจ……”
ระหว่างที่พูดออกมาเธอนั่งลงไปคิดอยากจะยื่นมือไปเก็บขึ้นมา นิ้วมือแตะโดนกล่อง ข้อมือถูกดึงเอาไว้ กำลังอันมหาศาลราวกับว่าจะบีบกระดูกมือของเธอให้แตกละเอียด
เจ็บ!
มือของเธอกำลังจะถูกหักขาดออกยังไงอย่างงั้น เจ็บจนเหงื่อซึมออกมาแล้ว
นัยน์ตาของนคินทร์แดงก่ำขึ้นมา โมโหเดือดดาลอย่างเหลือคณา “เอาสกปรกมือของคุณออกไป!”
ระหว่างที่พูด นำเอาคนสะบัดออกไปอย่างนั้นแล้ว ฟารินดาล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว คนทั้งคนล้มลงด้านหลัง ศีรษะชนเข้ามุมตู้แล้ว
ความเจ็บปวดกัดกินใจทำให้เธอมึนไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในหัวดังวิ้งๆขึ้นมา เธอรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นๆไหลออกมา เอื้อมมือไปด้านหลังศีรษะ ลูบโดนอะไรหนืดๆแล้ว
ไม่ได้แปลกใจ คือเลือด แต่ไม่มาก
เธอมองขึ้นมา มองผ่านผมเฝ้าอันยุ่งเหยิง มองเห็นนคินทร์หยิบกล่องอันนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ผ่านทางการกระทำ ก็สามารถรู้สึกได้ สิ่งของอันนั้น มีความสำคัญต่อเขามาก
นคินทร์เปิดกล่องออก กลัวว่าสิ่งของด้านในจะเกิดความเสียหาย ตรวจสอบดูอย่างละเอียด
ดีที่ว่า มีกล่องปกป้องเอาไว้ สิ่งของที่อยู่ด้านในไม่ได้เสียหาย
ภายในใจของเขาปล่อยวางลงได้แล้ว
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเกือบจะถูกผู้หญิงคนนั้นทำให้แตก ยังคงโมโหเดือดดาล!
โมโหเสียจนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย!
สายตาอันเย็นชาของเขามองมา ดวงตาแดงก่ำ “ฟารินดา ผมว่าคุณไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว!?”
ฟารินดายากที่จะลุกขึ้นได้ ในเวลานี้มึนชาไปแล้ว ความเจ็บปวดอันรุนแรงกระทบต่อระบบประสาทของเธอ เธออดกลั้นเอาไว้ คลานลุกขึ้นมา “ขอโทษค่ะ……”
เธอมองออก สิ่งของอันนั้นล้ำค่าสำหรับนคินทร์อย่างมาก
“ขอโทษ?” คุณคิดว่าผมจะรับเอาไว้เหรอ?” ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงไร้ยางอาย ยังอาจหาญเหลือคณา!
เขาก้าวเท้าเดินใกล้เข้ามา ความทรงพลังแบบนั้นจากภายในแผ่ออกมา แรงกดดัน ทำให้ฟารินดาตกใจกลัว หดตัวถอยไปด้านหลัง ตึง ชนเข้ากับกำแพงแล้ว เธอหวาดกลัว “คุณ คุณอย่าเข้ามา……”
นคินทร์จับขากรรไกรล่างของเธอเอาไว้ นิ้วมือของเขาออกแรงอย่างมาก
ฟารินดารู้สึกได้ถึงเสียงกระดูกเคลื่อนตัว เจ็บจนร้องไม่ออก มีเพียงสายตาอันหวาดกลัวมองไปยังเขา นคินทร์ที่เป็นแบบนี้ ช่างน่ากลัว
เหมือนดั่งอสูรที่เดินออกมาจากนรก!
บ้าคลั่ง!
โหดเหี้ยม!
เขาใกล้เข้ามา กลิ่นอายของความแข็งกร้าวอันรุนแรง พวยพุ่งเข้ามา เธอขัดขืน แต่ก็ไม่มีผลสักนิด ทำได้เพียงปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเข้าใกล้ใบหู “ผมแน่นอนว่าจะนำเอาสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ต่างทำลายทิ้งซะ!”
สุดท้ายสองคำ น้ำเสียงของเขาหนักขึ้นแล้ว
เธอสั่นเทาไปทั้งร่าง
นคินทร์นำคนผลักออกไป
ร่างกายของเธอเหมือนดั่งตุ๊กตาที่ไร้กระดูก สั่นเทาอยู่ที่ด้านข้าง ถ้าไม่ใช่ว่ามีกำแพงช่วยพยุงเอาไว้คงล้มลงพื้นไปแล้ว
เธอตัวสั่นยืนขึ้นมา ร่างกายไม่ออกห่างจากกำแพง ไม่มีอะไรช่วยพยุงเธอยืนไม่ไหว
นคินทร์นำเอากล่องวางลงที่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ตรงตำแหน่งด้านข้างมีกรอบรูปอันหนึ่ง เป็นรูปครอบครัวของเขากับบิดา
สายตาของฟารินดามองมาอย่างไม่ตั้งใจแวบหนึ่ง นิ่งไปสองวินาทีแล้ว
สิ่งของที่อยู่ในกล่องเหมือนกับว่ามีความคุ้นเคยอยู่บ้าง ไม่รอให้เธอมองอย่างชัดเจน ก็ถูกนคินทร์ด่าทอออกมา “ออกไปซะ!”
ฟารินดาไม่ทันได้สำรวจ ยื่นมือไปเปิดประตูอย่างกระวนกระวาย
เธอเองก็ไม่แน่ใจ ถ้าอยู่ในห้องต่อไป จะถูกนคินทร์ฆ่าตายหรือเปล่า!
เธอออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากำลังหลบหนียังไงอย่างงั้น
ในวินาทีที่กำลังจะออกจากห้องไปนั้น ใบหน้าอันเย็นชานคินทร์ ในที่สุดก็ปล่อยวางลงแล้ว เขามองต่ำลงมา มองสิ่งของที่อยู่ในกล่อง ภายในดวงตา แสดงความอบอุ่นออกมาไม่น้อย
หลังจากบิดามารดาเสียไป ดวงใจของเขาก็เย็นชาแล้ว
เจ้าของของสิ่งของอันนี้ เป็นความอบอุ่นสุดท้ายจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
กระนั้นจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว เขายังคงจดจำร่างเล็กๆนั้นได้ ความมุ่งมั่นในการลากดึงเขาแม้จะเหนือกว่ากำลัง ดวงตาอันใสซื่อบริสุทธิ์คู่นั้น เป็นดวงตาที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา
อยู่ในน้ำ ร่างกายของเธอยังร้อนอยู่อย่างนั้น
ทำให้ดวงใจอันเย็นยะเยือกของเขา รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
……
นอกห้อง
ฟารินดากุมบาดแผลบนศีรษะเอาไว้ ถูกไล่ออกมาท่านพฤกษ์มองเห็นแล้ว มองเห็นสีหน้าของเธอซีดเซียว ถามออกมา “เกิดอะไรขึ้น?”
“บาดเจ็บนิดหน่อยค่ะ”เธอพูดเสียงเบา
สีหน้าท่านพฤกษ์ขุ่นมัว เขาทราบว่านคินทร์นั้นเป็นคนอารมณ์ร้าย แต่ก็คงไม่กับลงมือกับผู้หญิงอย่างมักง่ายมั้ง?
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”คุณท่านถาม
“ฉันไม่ทันระวังชนเข้ากับกล่องอันหนึ่งแล้ว……”
“ที่วางอยู่ด้วยกันกับรูปครอบครัวอันนั้นใช่ไหม?”คุณท่านถามออกมาอย่างรวดเร็ว
ฟารินดาพยักหน้าแล้ว “ค่ะ”
คุณท่านเข้าใจได้ในทันทีแล้ว ถอดหายใจออกมายาวๆ “เกรงว่าฉันคงจะปกป้องเธอไม่ได้แล้ว สิ่งนั้นสำหรับเขาแล้วมีความสำคัญอย่างมาก ฉันไม่กล้าแม้จะแตะต้อง”
ภายในใจของฟารินดาชัดเจนดี นคินทร์นำเอาสิ่งนั้น วางเอาไว้ด้วยกันกับรูปถ่ายของพ่อแม่ สามารถมองออกได้ถึงตำแหน่งที่อยู่ในใจเขา
ที่ผ่านมา เธอก็มีสิ่งของที่ล้ำค่าเช่นนี้ แต่ทำหายแล้ว
นั่นเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่คุณปู่มอบให้เธอ
เธอยังจำได้อย่างชัดเจนว่าหายไปได้อย่างไร นั่นคือในปีนั้นเธออายุเจ็ดขวบ คุณปู่พาเธอมาที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลจุฑาเทววงษ์ ในเวลานั้นเธอไม่ค่อยจะรู้ความ ในตอนนั้นทราบเพียงว่าบ้านจุฑาเทววงษ์จัดงานศพ ไม่ชัดเจนว่าที่เสียชีวิตคือใคร เติบโตมาถึงได้ทราบว่าวันนั้นเป็นงานศพของพ่อแม่นคินทร์
เธอที่อายุยังน้อย ในบ้านจุฑาเทววงษ์อันกว้างขวางวิ่งเล่นไปทั่ว
เธออยู่ที่หลังภูเขาปลอมลูกหนึ่ง มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นำเอาเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบขวบ โยนลงน้ำ ……
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นความชั่วร้ายของมนุษย์
ในตอนนั้นเธอหวาดกลัวอย่างมาก
ตกใจเสียจนอยากจะวิ่งหนี
แต่ว่ามองเห็นเด็กคนนั้นตะเกียกตะกายอย่างสุดชีวิต จึงรอให้ผู้หญิงออกไป คนตัวเล็กความกล้าหาญยิ่งใหญ่กระโดดลงไปช่วยชีวิตคน
ดีที่เธอเคยเรียนว่ายน้ำ แต่ก็เหนือกว่ากำลัง ตัวเองเกือบจะขึ้นมาไม่ได้แล้ว นำคนดึงขึ้นฝั่ง เธอก็ทำไม่ไหว คือคุณปู่ของเธอมาทันเวลาพอดี นำเอาเด็กผู้ชายดึงขึ้นมา
ในตอนนั้นเด็กผู้ชายได้สลบไปแล้ว
เธอกับคุณปู่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เด็กชายพ่นน้ำออกมา ในตอนที่เขาฟื้นขึ้นมานั้น คุณปู่ลากตัวเธอวิ่งหนี
เธอไม่เข้าใจคุณปู่ทำไมถึงได้กระวนกระวายเช่นนั้น ถามอย่างสงสัย “คุณปู่ เด็กคนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มีคนอยากจะทำร้ายเขา?”
คุณปู่พูดว่า “เขาเหมือนกับหนู มาร่วมงานศพ”
เธอไม่ทราบว่าคุณปู่ไม่ได้พูดความจริง กลัวว่าเธอจะถูกคนแก้แค้น จึงพูดโกหกกับเธอแล้ว
“หนูต้องจำเอาไว้ว่าเรื่องในวันนี้ ใครถามต่างก็อย่าได้พูดออกไป”คุณปู่เน้นย้ำอีกครั้ง
เธอก็เชื่อฟังคำพูดของคุณปู่อย่างมาก
หลังจากกลับบ้าน เธอพบว่าจี้หยกของตัวเองได้หายไปแล้ว
คือหยกน้ำงามแกะสลักรูปพระศรีอริยเมตไตรยชิ้นหนึ่ง คุณปู่พูดว่าคำว่าพระพุทธเจ้า(ฝอ)ออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่าความสุข(ฝู) หวังว่าเธอเติบโตแล้วจะได้กลายเป็นคนที่ใจกว้างมีจิตเมตตาคนหนึ่ง มองโลกในแง่ดีและเปิดกว้าง……
นั่นเป็นสิ่งที่คุณปู่อวยพรแกเธอ
ตั้งแต่หนึ่งขวบเธอสวมใส่มาโดยตลอด
ดังนั้นเธอเข้าใจการโมโหของนคินทร์
เธอไม่ได้เคียดแค้นที่นคินทร์รุนแรงกับเธอ
แต่ว่า ภายในใจของเธอสำหรับผู้ชายคนนี้ รู้สึกถึงความหวาดกลัว
ลักษณะนิสัยก็รุนแรงโหดร้าย!
“ลุงชาติคุณไปเชิญหมอระพีมาตรวจดูฟาสักหน่อย”ท่านพฤกษ์เอ่ยออกมา
ฟารินดาได้ยินแล้ว ได้สติขึ้นมา รีบพูดออกไปว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่บ้านมีกล่องเครื่องมือแพทย์ไหมคะ? ฉันจัดการเองก็โอเคแล้ว”
เธอทราบว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก
สำหรับแววตาที่ไม่มั่นใจของท่านพฤกษ์ เธอจึงพูดออกมาว่า “ฉันเองก็เป็นหมอ สามารถประเมินได้”
มองเห็นเธอมีความมั่นใจ คุณท่านจึงตอบตกลงแล้ว
บาดแผลของเธอไม่ได้รุนแรง เป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กๆ ก็คือลึกอยู่บ้าง ถึงได้เลือดไหล
เธอใช้กระจกส่อง จัดการอย่างง่ายๆ ปิดปากแผลได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ได้ใช้ผ้าก๊อซปิดปากแผล
อยู่ในเส้นผม ก็ไม่มีวิธีใช้ผ้าก๊อซกับปลาสเตอร์
พ่อบ้านชาติมองไปยังห้องน้ำแวบหนึ่งแล้ว แน่ใจว่าฟารินดาไม่ได้ยิน พูดเสียงเบาออกมาว่า “คุณฟา พึ่งจะเข้าบ้านมา ก็บาดเจ็บแล้วอีกทั้งที่นี่ยังอยู่ในสายตาของคุณ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าอยู่คฤหาสน์หลังเก่า คุณชายไม่ใช่ว่ากับเธอยิ่งจะ……”
คำพูดด้านหลังพ่อบ้านชาติไม่กล้าพูดออกมา
แต่ว่าท่านพฤกษ์ก็สามารถฟังเข้าใจได้ “เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด เธอรับอารมณ์ของนคินทร์ไม่ไหวก็คงอยากจะหย่า ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”