บทที่ 10 ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็คือคน
ทุกคนต่างสงสัย จริงด้วย ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนั้น?!!
ต่างมีธุระ?
นิสาก็รู้สึกได้ว่าไม่ปกติ ถ้าเมื่อสักครู่ฟังผิด งั้นตอนนี้ล่ะ?
สายตาของนิสามองกลับไปกลับมาระหว่างนคินทร์กับฟารินดา อยากจะมองอะไรบางอย่างออก
“หมอฟาคุณมีธุระอะไรเหรอ?”เธอลองถามดู
ฟารินดาอยากจะบอกกับนิสาไปตรงๆเสียจริง เธอเป็นภรรยาของนคินทร์
หลังจากนั้น ให้นคินทร์ไปพูดอธิบายกับนิสาเอง
แต่ในความเป็นจริง เธอไม่กล้า
ผู้ชายคนนี้เธอไม่กล้าแตะต้อง
ได้สูญเสีย โอกาสการไปโรงพยาบาลใหญ่แล้ว เธอไม่สามารถสูญเสียงานไปได้
ทำได้เพียงหดหัวดั่งนกกระทา “คุณปู่ของฉันเรียกให้ฉันกลับไปเหมือนกับว่ามีธุระด่วน ฉันไม่อาจไม่กลับไป เพียงแค่คาดไม่ถึงว่าคุณคินทร์ก็มีธุระ ช่างบังเอิญเสียจริง เฮอะๆ——”
เธอหัวเราะแห้งๆแล้ว
เธออยากจะเบนความสนใจไป นคินทร์ยังจะก่อเรื่องขึ้นมา “พอดี คุณปู่ของผมก็เรียกผม คุณปู่ของคุณอยู่ที่ไหน? ทางเดียวกันผมส่งคุณ?”
บนใบหน้าของฟาริดายิ้มแย้ม เกือบจะแบกเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าการควบคุมตนที่แข็งแกร่งมาก เธอคงนำแก้วชาที่อยู่บนโต๊ะ ปาใส่หน้าเขาไปแล้ว!
“คุณคินทร์ช่างล้อเล่นเก่งเสียจริง ฉันกับคุณจะไปทางเดียวกันได้อย่างไร? คือว่าฉันต้องไปแล้ว คุณคินทร์เชิญตามสบาย” พูดจบก็รีบหนีออกไปแล้ว
นิสาไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง สายตามองไปยังนคินทร์ “คุณรู้จักหมอฟา?”
สายตาของนคินทร์เย็นชา ราวกับว่าคำพูดในเมื่อสักครู่ ไม่ใช่เขาเป็นคนพูดยังไงอย่างงั้น “ไม่รู้จัก”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น
นิสาวางใจลงได้แล้ว วันนี้จงใจเชิญนคินทร์มา ก็อยากจะอยู่ต่อหน้าทุกคนในโรงพยาบาล โอ้อวดสักหน่อย
ใครจะไปรู้ ว่าจะกลายเป็นเช่นนี้
แต่ว่า นคินทร์มาแล้ว ทุกคนก็คงต่างจะชัดเจนในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนคินทร์
“ฉันส่งคุณ” ในสายตานิสา กลัวว่านคินทร์กับฟารินดาจะไปเจอกันด้านนอกอะไรแบบนั้น
เพราะว่าคืนนั้น คือฟารินดา
เดินออกจากโรงแรม นคินทร์อยู่ที่หน้าประตูมองสำรวจแวบหนึ่งแล้ว ฟารินดาไม่อยู่
ฟารินดานั้นอยากจะอยู่ให้ห่างจากนคินทร์สักหน่อย จะเป็นไปได้อย่างไรว่าจะรอเขา
เรียกรถออกไปก่อนตั้งนานแล้ว
ครามดึงประตูเปิดออก “คุณคินทร์”
นคินทร์มองนิสาแวบหนึ่งแล้ว พูดออกมาว่า “กลับไปเถอะ”หลังจากนั้นก็ขึ้นรถออกไป
นิสามองส่งจนรถขับออกไปไกล
ภายในใจของเธอมีความเสียใจอยู่บ้าง
รู้ตั้งนาน ในตอนนั้นร้องขอการแต่งงานไปตรงๆแล้ว
ตอนนี้เธอก็จะเป็นคุณนายจุฑาเทววงษ์ไปแล้ว
เธอเมื่อไหร่กัน ถึงจะสามารถชนะใจของนคินทร์ได้
เมื่อไหร่ นคินทร์ถึงจะมองเห็นความดีของเธอ? หลังจากนั้นหลงรักเธอ?
คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลจุฑาเทววงษ์
ฟารินดามาถึงก่อนสักพัก
ท่านพฤกษ์อายุแปดสิบแล้ว อาบน้ำร้อนมาก่อนผ่านอะไรมามากมาย ริ้วรอยบนใบหน้าทั้งลึกทั้งหนาแน่น
เขาดูสดชื่นไม่เลว ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เป็นประกายเหมือนตอนที่เป็นหนุ่มเช่นนั้น แต่ก็คือแผ่ความเมตตาออกมา ถามอย่างเป็นห่วง “ ใช้ชีวิตอย่างคุ้นเคยดีไหม?”
ฟารินดาพยักหน้า “คุ้นเคยค่ะ”
ให้เธอแต่งงานกับนคินทร์ คือบิดาของเธอเป็นคนเสนอออกมา ต่างทราบดีทั่วกัน หลานที่ท่านพฤกษ์รักที่สุด ก็คือนคินทร์
ทั้งที่ทราบว่าเขาไม่ชอบตัวเอง ตามที่ท่านพฤกษ์ดีต่อนคินทร์มาก น่าจะปฏิเสธ
กระนั้นเป็นคนที่มีมนุษยธรรม เขาสามารถให้ข้อดีอย่างอื่น มาโน้มน้าวบิดาของเธอได้
แต่ว่า เขาไม่เพียงตอบตกลง ยังใช้เส้นสาย ภายใต้สถานการณ์ที่นคินทร์ไม่อยู่ ดำเนินการจดทะเบียนสมรสของเธอกับนคินทร์แล้ว
ให้นคินทร์เดินทางมาที่คฤหาสน์ ก็คือแผนการของเขา
จนถึงตอนนี้ ฟารินดาต่างไม่เข้าใจ ท่านพฤกษ์ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้
“นคินทร์เขาไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจใช่ไหม?” ชายชราถามออกมาอย่างใจดี
ฟารินดาอยากจะพูดเสียจริง เขาไม่ใช่คน
แต่ภายในใจของเธอทราบดี ท่านพฤกษ์ถึงแม้ว่าจะดีกับไม่น้อย แต่ว่านคินทร์ถึงจะเป็นหลานชายแท้ๆของเขา
“ไม่มี……”
คำพูดของเธอพึ่งจะพูดออกมา นคินทร์ก็เดินเข้ามาแล้ว
เมื่อเข้าบ้านมา ท่านพฤกษ์ก็ต่อว่าออกมา “แกกับฟาเป็นสามีภรรยากัน กลางดึกกลางดื่น ไม่อยู่ด้วยกันเหรอ? ฟามาตั้งนานแล้ว แกทำไมพึ่งมา?”
นคินทร์เหลือบมองฟารินแวบหนึ่งแล้ว ไม่ตอบกลับ
ภายในใจของท่านพฤกษ์ต่างชัดเจนดี ทราบว่าเขาไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ คำพูดนี้ ก็เพียงแค่พูดให้ฟารินดาฟังเท่านั้น
“คืนนี้ พวกเธอก็พักอยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่า ลุงชาติ พาฟาไปที่ห้องของนคินทร์”
พ่อบ้านชาติตอบรับอย่างนอบน้อม “ครับ”
พูดจบมองไปทางฟารินดาผายมือออกมาเชื้อเชิญ “คุณฟาไปกับผมเถอะ”
ฟารินดาแอบมองนคินทร์อย่างระมัดระวังแวบหนึ่งแล้ว สีหน้าของเขาเย็นชา ไม่ได้มองมาที่ตัวเธอ เธอจึงเบนสายตากลับมา เดินออกไปกับพ่อบ้าน
ในห้องเหลือเพียงปู่หลานสองคน
ท่านพฤกษ์พูดออกมาจากใจจริง น้ำเสียงอันแก่ชรามีความจนใจอยู่บ้าง “ฉันรู้ว่าในใจของแกมีความไม่พอใจ มีความแค้น แต่ว่า เรื่องราวผ่านมาตั้งนานแล้ว แกควรจะปล่อยวางได้แล้ว”
ราวกับว่าเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แววตาของคุณท่านยิ่งขุ่นมัวลง
นคินทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ มุมปากเม้มแน่นเงียบเชียบไม่พูดจา สีหน้าลึกลับทำให้คนมองไม่ออก
คุณท่านถอนหายใจออกมา “เรื่องที่ให้แต่งงานกับฟารินดา คือฉันเป็นคนรับปาก แกอย่าได้ไม่พอใจ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง ฉันหวังดีต่อแก แกก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีครอบครัวมีลูกแล้ว ถึงแม้บิดาของฟาใช้มนุษยธรรมมาบีบบังคับ ดูเหมือนว่าไม่ยุติธรรม แต่ว่าฟาเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง”
นคินทร์เลิกคิ้วขึ้นมาแล้ว แสดงความเย็นชาออกมา ผู้หญิงที่ดี สามารถสวมเขาให้เขาได้?
แต่ว่าเขาไม่ได้พูดให้ท่านพฤกษ์ฟัง ผู้หญิงคนนั้น เขาจะต้องหย่าให้ได้แน่นอน
ท่านพฤกษ์มองดูเขา ภายในใจก็ถอนหายใจออกมาอีก
ตระกูลจุฑาเทววงษ์นี้ ก็คือคำพูดของตัวเอง เขายังยอมฟังอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้น เกรงว่าเขาคงจะไม่ยินยอมที่จะเดินเข้าประตูบ้านแห่งนี้
ตั้งแต่บิดาของเขาเสียชีวิตไป เขาส่วนใหญ่ก็คือเงียบเชียบเช่นนี้ ยิ่งไม่ยินยอมกลับบ้านแห่งนี้
ท่านพฤกษ์ก็ไม่กล้าบีบบังคับเขามากจนเกินไป โบกมืออย่างไร้เรี่ยมแรง “ดึกมากแล้ว แกรีบไปพักผ่อนเถอะ”
นคินทร์ลุกขึ้น
พ่อบ้านชาติกลับมาพอดี “คุณชาย”
นคินทร์อืมตอบกลับไปเพียงหนึ่งคำแล้ว พร้อมทั้งเดินออกจากห้องไป
พ่อบ้านชาติมาที่ด้านหน้าท่านพฤกษ์ พูดเสียงเบาว่า “แบบนี้จะได้ไหม?”
ท่านพฤกษ์ พูดว่า “เขาต่อให้ใจแข็งขนาดไหนก็เป็นคน หรือว่าจะไม่สามารถมีรักโลภโกรธหลงได้เหรอ? เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง เขาจะไม่มีความคิดแบบที่ผู้ชายควรมีสักนิดจะเป็นไปได้เหรอ? จะไม่มีอารมณ์ชั่ววูบในแบบที่ผู้ชายควรมีสักนิดเลยงั้นเหรอ?”
พ่อบ้านชาติยังคงเป็นกังวล “ด้วยนิสัยของคุณชาย คุณท่านก็ไม่ใช่ว่าไม่ทราบ เขาต้องรู้อย่างแน่นอนว่าคุณท่านจงใจให้เขากับคุณนายน้อยพักอยู่ด้วยกัน”
“ทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกัน จะก่อเกิดความรู้สึกได้อย่างไร? อยู่ด้านนนอกผมควบคุมเขาไม่ได้ อยู่ที่คฤหาสน์หลังเก่า เขายังยอมฟังผม” ท่านพฤกษ์เสียงทุ้มต่ำ ภายในใจคือยิ่งรู้สึกผิดต่อนคินทร์อย่างมาก
ในน้ำเสียงมีความนัยอันลึกซึ้ง “ผมยังสามารถอยู่ได้อีกกี่วันกัน ข้างกายเขามีคนคอยดูแลเขาถึงจะโอเค”
“คุณชาย ต้องเข้าใจความเอาใจใส่ของคุณอย่างแน่นอน” พ่อบ้านชาติพยุงคุณท่านกลับห้อง
ในห้อง
ฟารินดาถูกพ่อบ้านชาติพามายังห้องของนคินทร์ในคฤหาสน์หลังเก่า
ในตอนที่เดินมายังบอกกับเธอว่า “นี่คือห้องของคุณชาย พักอยู่ตั้งแต่เล็กจนโต ระหว่างนั้นมีการตกแต่งขึ้นมาใหม่หนึ่งครั้ง”
ที่นี่กับสไตล์การตกแต่งของคฤหาสน์ไม่เหมือนกัน ห้องนี้สีเข้มกว่ามาก สีหลักคือดำกับเทา ไม่มีความอบอุ่นสักนิด เต็มไปด้วยสีโทนเย็น
สายตาของเธอจับจ้องไปบนชั้นวางอย่างไม่รู้ตัว กล่องอันวิจิตรงดงามกล่องหนึ่งดึงดูดสายตาของเธอแล้ว สิ่งของอันนี้เหมือนเป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบกับสไตล์การตกแต่งของห้องห้องนี้ทั้งหมด ชัดเจนมากว่าไม่เข้ากันสักนิด
ในขณะที่เธอกำลังจ้องมองอยู่……
“คุณกำลังทำอะไร?”
น้ำเสียงอันเย็นชาดังมาจากด้านหลัง