ตอนที่ 2 ตระกูลจรรยากร
วิรัตน์ จรรยากรหรือที่คนในวงการค้าเครื่องจิวเวอรี่และวงการมาเฟียรู้จักกันในนามของ จินฟง นั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องทำงาน อริญชย์เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะทำงาน เขาลืมตาขึ้นมองอย่างช้าๆก่อนจะถอนใจอย่างแรง
อริญชย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เป็นอะไรไปครับเสี่ย ดูท่าทางเหนื่อยๆ”
“ฉันก็แก่ลงทุกวันไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ฉันต้องการล้างมือจากวงการมาเฟียเสียที” เขามองหน้าลูกน้องคนสนิท
“อีกเดือนเดียวคุณพิบูลย์ก็จะกลับมาจากต่างประเทศแล้วนี่ครับ” อริญชย์บอกเตือนเขา
“แต่เธอก็รู้ว่าอาหย่งเป็นคนแบบไหน ฉันผิดเองที่เลี้ยงเขาแบบไม่สนใจ ใช้เงินเลี้ยงเขามาโดยตลอด” วิรัตน์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง
“สิ่งที่ฉันกลัวมากก็คือ ธุรกิจของฉันที่สร้างมากับมือจะต้องตกไปอยู่ในเงื้อมือของ ตงเสิ่นแน่ๆ ถ้าไม่มีใครมาสืบทอดหัวหน้าพรรคพยัคขาวของเรา เฮ้อ...” วิรัตน์ถอนใจออกมายาวๆ อริญชย์รู้ดีว่าเจ้านายหมายถึงนายอังกูล กอบกิจ พ่อค้าเหมืองพลอยที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนายของเขามาโดยตลอดและคิดที่จะเข้ามาซื้อกิจการของตระกูลจรรยากรด้วย
“เจ้าพวกนั้นมันต้องเล่นงานเราแน่ถ้าเสี่ยวางมือลง ผมอยากให้เสี่ยคิดดูให้ดีก่อน” อริญชย์ค้านกับความคิดที่เขาจะวางมือจากวงการมาเฟีย
“ฉันอยากให้เธอรับหน้าที่ต่อจากฉัน เธอรู้งานทุกอย่างและทำทุกอย่างได้ดีกว่าที่ฉันคิด ฉันจึงเห็นว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้ามากกว่าคนอื่น”
“ไม่ครับเสี่ย ผมไม่ต้องการ ผมต้องการยืนอยู่บนที่ของผมแบบนี้ ผมไม่ต้องการที่จะรับภาระหนักหนาแบบนั้น แล้วเสี่ยก็ยังทำไหว ผมรู้นะครับว่าที่เสี่ยต้องการวางมือเพราะต้องการไปตามหาหลานชายที่หายสาบสูญไป ผมขอโทษที่รับความปรารถนาดีของเสี่ยไม่ได้” อริญชย์โค้งต่ำลง
“เฮ้อ ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันชอบที่เธอพูดตรงๆแบบนี้แหละ น่าเสียดายแต่ก็เอาเถอะฉันจะมองคนอื่นดูก่อน” วิรัตน์ผสานมือไว้บนโต๊ะ
“ผมว่าคุณพิบูลย์เหมาะสมที่สุดแล้วครับเสี่ย เพราะเป็นทายาทของเสี่ยโดยตรง”
“แต่นิสัยกระเดียดไปทางผู้หญิงแบบนั้นจะปกครองใครเขาได้ล่ะ ธุรกิจของฉันไม่ใช่น้อยๆนะ ฉันบอกตรงๆว่าไม่ไว้ใจอาหย่งเลย” วิรัตน์หลับตาลงอย่างใช้ความคิด เขาหวนนึกไปถึงครั้งที่ภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอคลอดลูกชายที่น่ารักให้เขา ครอบครัวของเขามีความสุขมากอยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก แต่แล้วหลังจากที่คลอดลูกชายออกมาได้ 1 เดือน ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตลงเพราะอาการเลือดคลั่งในมดลูก ทำให้เขาเสียใจมากและเกือบเสียคนเลยทีเดียว ดีที่ยังมีลูกชายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเขาเอาไว้แต่ตอนนี้ลูกชายคนเดียวของเขากลับจะกลายเป็นพวกตุ๊ดพวกกะเทยไปเสียแล้ว
“แล้วเสี่ยจะทำยังไงต่อดีล่ะครับ” อริญชย์ถามด้วยความห่วงใย
“ก็อย่างที่บอก ฉันคงต้องหาใครมาทำหน้าที่แทนอาหย่งแต่มันก็คงไม่ง่ายนักเพราะไม่มีใครอยากจะเข้ามาอยู่ในวงการมาเฟียแบบนี้แน่” ชายวัย 50 ปีคิดอย่างลำบากใจ
“เสี่ยครับผมมีเรื่องจะมารายงานด้วย คือว่าตอนนี้พนักงานบัญชีของเราได้ลาออกไปแต่งงานแล้ว เราคงต้องรับคนใหม่เข้ามานะครับ” อริญชย์รายงานเรื่องที่เขาตั้งใจจะเข้ามาบอกตั้งแต่แรก
“เปิดรับได้เลยเพราะตอนนี้ออเดอร์จากต่างประเทศสั่งของเข้ามาเยอะมากเดี๋ยวจะไม่มีคนมาจัดการบัญชี มันจะยุ่ง” วิรัตน์พยักหน้าให้ชายหนุ่ม
“ครับเสี่ย” อริญชย์โค้งต่ำลงก่อนจะเดินออกมา แล้วปล่อยให้นายได้ใช้ความคิดอย่างสบายๆ วิรัตน์หลับตาลงอีกครั้ง เขากำลังกลุ้มใจเพราะลูกชายคนเดียวของเขาเป็นชายก็จริงแต่ใจกลับเป็นหญิงเสียนี่ ตอนนี้เขากลัวอยู่อย่างเดียวคือกลุ่มของอังกูลที่จะเข้ามาครอบครองกิจการของเขาเพราะฝ่ายนั่นต้องการกิจการค้าขายเครื่องเพชรพลอยของเขามากและความทะเยอทะยานอยากเป็นใหญ่และมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวใน อ.สะพานหิน
เขารู้มาว่าอังกูลลอบค้าขายอาวุธสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านแต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะทั้งเขาและอังกูลก็เติบโตมาด้วยกันเป็นสมุนมือซ้ายและขวาของเจ้าพ่อดังแห่ง จ.พิจิตร แต่ต้องมาผิดใจเพราะเรื่องผู้หญิง เขาเองไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใครถ้าไม่จำเป็น
สนามบินสุวรรณภูมิ
หญิงสาวนางหนึ่งก้าวเดินออกมาจากช่องทางออกผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ เธอหยุดยืนมองไปรอบๆตัวก่อนจะถอดเสื้อโค้ดสีดำหนังแท้ออกเผยให้เห็นผิวขาวนวลลออตาภายใต้เสื้อสายเดี่ยวสีครีมและกระโปรงสั้นสีดำหนังแท้และร้องเท้าส้นสูงสีดำ พิจิตรายกนาฬิกาข้อมือยี่ห้อ longines ที่ข้อมือขึ้นมาดูอย่างขัดใจ ใบหน้าสวยงอง้ำแต่ก็ไม่ทิ้งความสวย ชายหนุ่มที่เดินผ่านต่างก็หันมองกันอย่างสนใจ
“ลูกหลิวทางนี้” หญิงสาวหันไปมองตามเสียงเรียก อังกูลยกมือโบกเรียกลูกสาว พิจิตราหรือใบหลิวจึงยิ้มออกมาได้และลากกระเป๋าสำดำใบใหญ่เดินเข้าไปทางบิดา
“คุณพ่อ” หญิงสาวโผเข้ากอดบิดาอย่างคนที่เพิ่งพบหน้ากัน ก็ตั้ง 4 ปีเต็มๆที่เธอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศโดยที่ไม่กลับมาบ้านเลย อังกูลยืนมองบุตรสาวอย่างชื่นชม บุตรสาวของเขาโตขึ้นมากและสวยมากด้วย
“หนูโตขึ้นมากแถมสวยขึ้นด้วย พ่อดีใจมากที่ลูกเรียนจบแล้ว ไปบ้านกันพ่อเตรียมงานฉลองเอาไว้ให้แล้ว” อังกูลโอบกอดลูกสาวแล้วเดินไปด้วยกัน ลูกน้องของเขาต่างมองนายสาวคนใหม่อย่างชื่นชมในความงาม
“พี่ว่าไหมว่าคุณหนูใบหลิวสวยมากๆเลยผมยังไม่เคยเห็นใครที่เปรี้ยวขนาดนี้มาก่อนเลย ดูสิแต่งตัวก็น่ารักเชียวเห็นแล้วขนลุก” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น พีรพลจึงหันมาส่งสายตาดุใส่ พวกนั่นจึงพากันเงียบทันที แต่พีรพลก็ยอมรับว่าพิจิตราสวยถูกใจเขามากและหญิงสาวคนนี้แหละที่จะพาเขาไปสู่จุดสูงสุดและอำนาจที่เขาต้องการ..ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเดินตาม 2 พ่อลูกไปยังรถตู้สีดำที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถแล้วเปิดประตูให้ทั้ง 2 คนขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลังส่วนตัวเขาก็ไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถก็เคลื่อนตัวออกมาจากสนามบินมุ่งตรงสู่จังหวัดพิจิตร
รถตู้แล่นเข้ามาจอดภายในคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาวในเขตตำบลไผ่หลวง หญิงสาวก้าวลงจากรถมายืนมองไปรอบๆบริเวณบ้าน
“ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยนะคะคุณพ่อ” พิจิตราโอบเอวบิดาเอาไว้
“ใช่สิเพราะพ่อต้องการให้ลูกรู้ว่าพ่อคนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงยังรักลูกมากเช่นเดิม พ่อคิดถึงลูกมากเลยนะ ทูนหัวของพ่อ” อังกูลจูบหน้าผากบุตรสาวอย่างแผ่วเบา
“หลิวก็รักคุณพ่อมากเหมือนกันค่ะ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะคะหลิวร้อนจะแย่อยู่แล้วอากาศที่เมืองไทยน่าเบื่อจริงๆ” หญิงสาวบ่นและเดินคลอเคลียบิดาเข้าไปในบ้าน พีรพลจึงสั่งให้ลูกน้องแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ของตนเองตามจุดต่างๆต่อ ส่วนเขาก็เดินตามนายทั้งสองเข้ามาในบ้านและสั่งให้คนรับใช้ไปยกกระเป๋าของพิจิตราเข้าไปเก็บที่ห้อง
“ข้างในบ้านก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะคะ” หญิงสาวมองไปรอบๆห้อง
“ไม่เฉพาะที่นี่นะลูก บนห้องนอนของลูกก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง” อังกูลยิ้มหวาน
“จริงหรือคะ” พิจิตรายิ้มอย่างดีใจ
“หนูจะขึ้นไปดูเลยหรือเปล่าลูก”
“ยังค่ะ ขอนั่งคุยกับพ่อก่อนดีกว่า ยังไม่หายคิดถึงเลย” หญิงสาวเอนศีรษะพิงกับไหล่บิดาและเหลือบไปมองทางพีรพลที่เดินเข้ามา
“ลูกน้องคนใหม่ของพ่อหรือคะ แล้วคนเก่าพ่อไปไหนเสียล่ะคะ” หญิงสาวถามเพราะตอนที่เธอจะไปต่างประเทศนั้น คนสนิทของบิดาไม่ใช่คนๆนี้ อังกูลจึงแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
“พีรพลคือรุ่นน้องของวาทิต ส่วนวาทิตเสียชีวิตไปแล้วเพราะไอ้พวกจินฟงนั่นแหละ” อังกูลกล่าวอย่างเจ็บใจ
พีรพลโค้งให้แก่หญิงสาว พิจิตราพยักหน้ารับและหันมาสนทนากับบิดาต่อ
“ใครกันคะจินฟง หลิวรู้จักหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างสนใจ
“รู้จักสิ ก็คุณลุงวิรัตน์ของหลิวนั่นแหละ”
“นี่คุณพ่อกับคุณลุงยังไม่คืนดีกันอีกหรือคะ” พิจิตรามองหน้าบิดาอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีวัน ชาตินี้พ่อกับมันต้องเป็นศัตรูกันไปตลอดชาติ อย่าคุยเรื่องนี้เลยลูก ว่าแต่ลูกเถอะเล่าให้พ่อฟังสิว่าเรียนอะไรมาบ้างและที่นั่นมีใครมายุ่งวุ่นวายกับลูกสาวของพ่อหรือเปล่า” อังกูลยิ้มพร้อมกับลูบผมลูกสาวอย่างยอกล้อ
“แหมใครจะกล้ายุ่งกับลูกสาวนายอังกูลล่ะคะ เราขึ้นไปข้างบนกันนะคะแล้วใบหลิวจะเล่าให้ฟังจนหมดเปลือกเลยค่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นและดึงมือบิดาให้ลุกตามเธอขึ้นไปบนห้อง
จ่อย เมธาและคนงานอีก 3-4 คน ช่วยกันตัดผักในสวนเพื่อนำไปขายในตัวอำเภอตะพานหิน และเมื่อชายหนุ่มกลับเข้ามาในบ้านก็เจอกับไอริณ หญิงสาวที่แอบชอบเมธาอยู่ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว...เมื่อหญิงสาวเห็นชายหนุ่มจึงรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ
“พี่เมฆ พี่เมฆจริงๆ ด้วย” ไอริณยิ้มอย่างดีใจลูบคลำเนื้อตัวชายหนุ่มไปมา
“ก็ใช่นะสิพี่จริงๆ” ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้ม
“ทีฉันมาไม่เห็นจะดีใจแบบนี้เลย” จ่อยกระเซ้าหญิงสาว ไอริณหันมาค้อนให้
“ก็ฉันเห็นเอ็งเกือบทุกวันอยู่แล้วนี่ แล้วก็อีกอย่าง เอ็งไม่ใช่คนในสายตาของฉันด้วย” ไอริณเชิดหน้าใส่เด็กหนุ่ม
“รินมานานแล้วหรือ” ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆและมองไปทางผู้เป็นยาย
“ไม่นานหรอกจ้ะ เพิ่งมาเมื่อครู่นี้เองกำลังนั่งคุยกับยายอยู่น่ะ พี่เมฆกลับมาตั้งแต่เมื่อไรไม่เห็นบอกฉันบ้างเลย แล้วเหนื่อยหรือเปล่า ให้จ่อยทำคนเดียวก็ได้ พี่ไม่น่าไปทำให้เหนื่อยเลยดูสิตัวดำหมดแล้ว” หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง จ่อยที่เดินตามหลังชายหนุ่มมาจึงเอ่ยแซวขึ้น
“โอโฮ้ ถามเป็นชุดขนาดนั้นใครเขาจะตอบทันล่ะ เว้นช่องไฟบ้างก็ได้นะแม่คูณณณณ” จ่อยลากเสียงยาวจนไอริณหันมาส่งค้อนให้อีก “เก็บปากไว้กินข้าวดีกว่านะเอ็งน่ะ แล้วก็ไม่มีใครถามอย่าสอดเข้ามามันเสียมารยาทรู้ไว้ด้วย”
“อ้าวหรือ ฉันก็นึกว่าคุยกับฉันก็เลยตอบ แต่จะว่าไปนะฉันเหนื่อยมากที่สุดเลย ช่วยมาประคองฉันดีกว่า เนี่ย เหนื่อยจนจะเป็นลมอยู่แล้ว” จ่อยทำท่าจะเป็นลม เมธาและบุญมาอมยิ้มอย่างเอ็นดู
“เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ถามเอ็งอย่ายุ่ง” หญิงสาวยักไหล่ก่อนสะบัดหน้ามาสนใจชายหนุ่มตรงหน้าต่อ
“แหม ทีฉันล่ะทำเป็นดุ ทีพี่เมฆล่ะก็ยิ้มหวานเยิ้มเชียว” จ่อยหันมาพูดใส่หน้าหญิงสาวก่อนจะเดินไปตักน้ำมาล้างหน้าและแขนแล้วเดินกลับมานั่งลงข้างๆยายบุญมา ไอริณเดินเคียงมากับเมธาและนั่งลงข้างๆเขา
“น้ำจ้ะ” หญิงสาวยกขันน้ำมาให้ชายหนุ่ม เมธารับมาและยกขึ้นดื่มก่อนจะส่งต่อให้กับจ่อย
“พี่เมฆใจร้ายจังกลับมาก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ” หญิงสาวตัดพ้อแล้วทำหน้างอ
“พี่เพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้เอง” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ
“นังรินมันมาหายายเกือบทุกวัน เอากับข้าวมาฝากบ้าง มาช่วยทำงานบ้านบ้างล่ะ ห้องเองมันก็เป็นคนทำให้ มันน่ารักนะนังเนี่ย” ยายบุญมาบอกและจ้องมองหนุ่มสาวอย่างมีความหมาย เธอต้องการให้ไอริณมาเป็นหลานสะใภ้มากเพราะชอบนิสัยที่ขยันและช่างเอาใจของหญิงสาว
“แหมยายก็ชมกันต่อหน้าฉันก็เขินแย่สิ ว่าแต่พี่จะกลับไปที่ กรุงเทพฯ เมื่อไรอีกจ้ะ”
“ไม่แล้วล่ะพี่จะกลับมาอยู่บ้านเราเลย จะกลับมาดูแลยายด้วย พี่ขอบใจรินมากที่ช่วยดูแลยายให้พี่” ชายหนุ่มกล่าวออกมาจากใจ ไอรินยิ้มเขินอายก่อนจะถามชายหนุ่มต่อ
“พี่เมฆหิวหรือยังจ๊ะ ฉันจะไปทำกับข้าวให้”
“ยังล่ะ พี่เด็ดส้มในสวนกินไปตั้งหลายลูก ยังอิ่มอยู่เลย” เมธาบอกและหันมาทางยายของตนเอง
“เดี๋ยวผมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับยาย” ชายหนุ่มหันไปพยักหน้ากับจ่อยและหันมาทางไอริณ
“เดี๋ยวพี่ลงมานะริน”
“จ้ะ” หญิงสาวมองตามหลังชายหนุ่มไปอย่างดีใจที่เขากลับมาอยู่ที่นี่และเธอก็จะได้เจอกับเขาทุกวัน...เธอแอบรักชายหนุ่มมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็ไม่เคยบอกเขาสักครั้งว่าชอบเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่คิดกับเธอแบบที่เธอต้องการ เธอจึงได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเรื่อยมา