หนี
จากนั้นบรรดาชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งก็พากันเข้ามายังภายในหอซิ่งฮวา เเต่ละคนสวมชุดเเบบเดียวกัน เเละมีอาวุธครบมือ
บรรดาเเขกเหรื่อเเละเหล่านางคณิกาทั้งหลายพอเห็นเช่นนั้น จึงมากันเเตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน
รวมทั้งเหล่าสตรีในอ้อมอกของฟงรุ่ยเเละหานอี้ด้วย ฟงรุ่ยเหงื่ออกด้วยความหวาดกลัว ผิดกับหานอี้ที่ยังคงนั่งดื่มสุราอย่างสบายใจ
"พี่หาน นี่มันเรื่องอะไรกัน" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างตกใจ
"ข้าก็บอกเจ้าเเล้วไง ข้ามาปราบคนช่วย อีกเดี๋ยวจะก็คอยหลบไปห่างๆละกัน" หานอี้ยิ้มกล่าว
"พวกมันมากันตั้งเยอะ ท่านสู้ไหวเหรอ พวกเราหนีกันดีไหม" ฟงรุ่ยร้อง
"เห็นเจ้าเป็นห่วงข้าเช่นนี้ ข้าก็ขอยึดถือเจ้าเป็นสหายเเล้วกัน" หานอี้หัวเราะกล่าวพลางโยนทองคำเเท่งสองสามชิ้นเข้าใส่มือฟงรุ่ยจนฟงรุ่ยถึงกับอ้าปากค้าง
{อะไรกันเนี่ย อยู่ดีๆก็ส้มหล่นเฉย อยู่ดีๆเงินทองก็ลอยเข้ามาหาเรา} ฟงรุ่ยเเตกตื่นลิงโลดในใจ
{เพียงเเต่คิดไม่ถึงหานอี้จะรวยถึงเพียงนี้} เเม้กำลังครุ่นคิดอยู่ ฟงรุ่ยก็รีบล้วงเก็บทองคำเเท่งที่ได้มาไว้ในอกเสื้ออย่างหวงเเหน
"นี่เป็นของขวัญจากข้า เสียดายเหลืออยู่เเค่นี้" หานอี้กล่าว
"หมายความว่าไง" ฟงรุ่ยถาม
"หานอี้ ยังไม่ไสหัวออกมา" เสียงตวาดยังคงดังสนั่น
หานอี้ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตบโต๊ะกระโดดลอยตัวไปยังกลางวงล้อมของเหล่าผู้มาเยือน
ผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงของหานอี้ปลิวสยายลาวกับสายลม
"เหนื่อยไหม กว่าจะตามหาข้าเจอ" หานอี้กล่าว
"หานอี้ เจ้าโจรชั่ว กล้าขโมยเงินทองของพรรคเหมิงหยุน หากเจ้ายังไม่อยากตาย ก็รีบนำหีบเงินที่ขโมยไปคืนมา บางทีข้าหลิวเทียนจะไว้ชีวิตเจ้า" ชายฉกรรจ์ไว้เคราถือดาบหัวตัดที่เหมือนเป็นหัวหน้าของครอื่นๆนามว่าหลิวเทียนตวาด
{หรือว่าหานอี้ไปขโมยเงินเจ้าคนพวกนี้มา เเย่ละ ของกลางมีอยู่ที่เรา ถ้าพวกมันจับได้ละก็..} ฟงรุ่ยค่อยๆถอยไปมุมห้องเพื่อหาที่เเอบ
"พรรคเหมิงหยุนขอพวกเจ้าทำเรื่องชั่วช้า รีดไถเงินจากชาวบ้าน ข่มเหงคนอ่อนเเอ ข้าไถต่อจากพวกเจ้า ข้าผิดด้วยเหรอ" หานอี้ยิ้มกล่าว
"เจ้าเเน่มาก หีบที่เจ้าชิงมาอยู่ที่ไหน" หลิวเทียนตวาด
"จากเซียงหยางมาถึงเจิ้งโจว ข้าเอาเงินทองในหีบนั้นเเจกจ่ายพวกคนจนไปหมดเเล้ว" หานอี้เย้ยหยัน
{กระทบเราด้วยป่ะวะ คำว่าคนจน} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
"วิเศษมาก นั้นวันนี้คงต้องเอาหัวของเจ้าไปรายงานท่านประมุขเเล้ว" หลิวเทียนเเค่นเสียงพลางสะบัดดาบหัวตัดพุ่งเข้าจู่โจมทันที
เคร้ง
เสียงกระบี่กับดาบกระทบกัน
ไม่รู้ว่าหานอี้ดึงกระบี่ออกจากฝักตอนไหน เเต่เป็นการดึงกระบี่ที่รวดเร็วยิ่ง
หานอี้ควงกระบี่เป็นเส้นขวางก่อนที่เขาจะเเทงกวาดสวนเข้าใส่หลิวเทียนถอยกลับไป เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์ที่เหลือก็ต่างไม่รอช้า พากันใช้พวกมากเข้ากรุ้มรุมหานอี้กันอย่างบ้าคลั่ง
หานอี้ตวัดกระบี่เป็นเส้นขวางอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชายชกรรจ์สองคนล้มไปนอนจมกองเลือดทันที
เวลานี้ภายในห้องโถงของหอซิ่งฮวากลับกลายเป็นสนามประลองเสียเเล้ว
หลิวเทียนกัดฟันกรอดพยายามควงดาบหัวตัดพุ่งเข้าเเทงหัวไหล่ของหานอี้ เเต่หานอี้คล้ายอ่านกระบวนท่าออก เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเบี่ยงหัวไหล่หลบอย่างลื่นไหล ก่อนที่เขาจะหมุนตัวใช้เท้าเตะไปที่หน้าอกของหลิวเทียนอย่างถนัดถนี่จนหลิวเทียนต้องกระเด็นไถลไปกับพื้นห้อง
{ว้าว พูดเป็นเล่น} ฟงรุ่ยอ้าปากค้าง
"ฆ่ามัน" หลิวเทียนตะโกนร้อง
บรรดาชายฉกรรจ์ที่เหลืออีกสิบกว่าคนก็พากันพุ่งเข้าโจมตีหานอี้อีกระลอกหนึ่ง
หานอี้ยังคงสงบเยือกเย็นเเละใช้กระบี่กวาดเเทงจนคู่ต่อสู้ของเขาล้มไปนอนลงกับพื้นหลายคน มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งกระเด็นมาทางฟงรุ่ย ฟงรุ่ยเห็นดังนั้นไม่รอช้าสาวหมัดเข้าหัวซ้ำอีกที จนชายฉกรรจ์คนนั้นสลบไป
จากนั้นเหมือนเรื่องจะยังไม่จบ เมื่อมีบรรดาชายฉกรรจ์อีกยี่สิบกว่าคนที่คาดว่าเป็นกำลังเสริม ทยอยกันเข้ามาภายในห้องโถงเเห่งนี้ รุมล้อมหานอี้มือกระบี่ผู้เดียวดายไว้คนเดียว
{หานอี้ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่รอดเเล้วล่ะ} ฟงรุ่ยครุ่นคิดอย่างเวทนา จากนั้นเขาเหลียวซ้ายมองขวาจึงรีบวิ่งไปทางห้องหับด้านข้าง ก่อนที่เขาจะเปิดหน้าต่างของประตูห้องเเล้วกระโดดออกไป
ฟงรุ่ยไม่รอช้าเขารีบวิ่งไปให้ห่างไกลจากที่เกิดเหตุ จนไปยืนหอบหายใจที่ใต้ต้นไม้เเห่งหนึ่ง
"เรื่องบ้าอะไรกัน จะปล่อยให้ฉันมีชีวิตที่สบายซักวันไม่ได้หรือไง" ฟงรุ่ยบ่น
{เเต่ก็ยังดี ยังได้ทองเเท่งมา ถือว่าคุ้มอยู่} ฟงรุ่ยยิ้มที่มุมปาก
{เอาไงดี เราจะไปไหนต่อ...เมืองนี้เราก็ไม่รู้ทางซะด้วย เกิดฟานชิงหมิงตามมาเจอจะทำไง} ฟงรุ่ยคิดอยู่นาน เขาจึงตัดสินใจไปนอนหลับที่ใต้สะพานเเห่งหนึ่ง เพื่อหวังว่าพอถึงตอนเช้าค่อยคิดหาทางต่อไป
...
เช้าวันต่อมา
ฟงรุ่ยค่อยๆหาวขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
"นี่เรากลับมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เเล้วใช่ไหม" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างงัวเงีย
จากนั้นเขาค่อยลืมตาขึ้นมา
"โอ้วไม่นะ ยังอยู่ที่ยุคถัง" ฟงรุ่ยถอนหายใจ
{ไม่รู้ว่าหานอี้มันจะเป็นยังไงมั่งนะตอนนี้ เเต่ช่างมันเถอะ เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น}
"หุบเขาเหมยซาน" ฟงรุ่ยทวนคำ จากนั้นเขาจึงส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง
"เเต่จากนี่จะไปหุบเขาเหมยซานยังไงล่ะ.......เราคงจะต้องรีบไป ก่อนที่พวกพรรคดอกไม้เเดงจะไปถึงก่อน"
"ถ้ามีอินเตอร์เน็ต เราคงจะเปิด GPS ไปได้......." ฟงรุ่ยบ่น
"เเต่ก่อนอื่นเลยต้องไปจากเจิ้งโจวนี่ก่อน"
ฟงรุ่ยพอคิดได้เช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ตลาดเเละว่าจ้างรถม้าให้พาออกจากเมือง
ในเวลาไม่นานฟงรุ่ยก็ได้ออกมาจากเขตเมืองเจิ้งโจวหลายลี้เเล้ว
"นี่ เจ้ารู้ไหม ว่าหุบเขาเหมยซานไปทางไหน" ฟงรุ่ยถามคนขับรถม้า
"ข้าไม่คุ้นชื่อหุบเขานี้มาก่อนเลยนะนายท่าน" คนขับรถม้าตอบ
{จากเเผนที่อยู่ทางตะวันตกชัดๆ เจ้าคนขับรถม้ามันจะไม่รู้จริงๆเหรอ} ฟงรุ่ยคิด
"นั้นไปส่งข้าที่เมืองข้างหน้าที่ใกล้ที่สุด ข้าจะไปพักที่เมืองข้างหน้า"
"ขอรับนายท่าน"
"เออว่าเเต่เมืองข้างหน้าเมืองอะไร"
"โยวโจวขอรับ"
"ให้ไวเลย ข้ายังไม่ได้อาบน้ำตั้งเเต่เมื่อวานเเล้วเนี่ย" ฟงรุ่ยสบถ
............