สู่ต้าถัง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฟงรุ่ยจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
{นี่เรา ยังไม่ตายเหรอ หรือว่าที่นี่จะเป็นนรก} ฟงรุ่ยค่อยๆลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดหัวไปมา
{เเขน.....เเขนของเราไม่ได้เจ็บเเล้วเหรอ} ฟงรุ่ยรีบจับเเขนทั้งซ้ายขวาของตัวเองด้วยความตกใจ
"เหลือเชื่อ....เเล้วคนชุดดำพวกนั้นล่ะ..... หรือว่า...เป็นเราที่ฝันไป" ฟงรุ่ยเริ่มยิ้มออก
เเต่จากนั้นไม่นานเขาก็ต้องขมวดคิ้วลงอีกครา เมื่อเขาพบว่าตัวเองกลับนั่งลงบนกองขยะเเห่งหนึ่งในซอยที่ดูเก่าเเละโบราณอย่างบอกไม่ถูกเเห่งหนึ่ง
{เรื่องบ้าอะไรอีกเนี่ย} ฟงรุ่ยค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะสำรวจยังสภาพเเวดล้อมในซอยรอบข้างอย่างไม่เข้าใจ
"หรือว่าตอนนี้เรายังอยู่ในความฝัน" ฟงรุ่ยขมวดคิ้วบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะพยายามใช้มือตบไปยังใบหน้าตัวเองเพื่อพยามจะปลุกให้ตื่น เเต่ว่า ความรู้สึกนั้นกลับเป็นเรื่องจริง
ฟงรุ่ยข่มความสงสัยพลางค่อยๆเดินออกจากซอยเล็กๆเเห่งนั้นไปยังถนนใหญ่ทางเบื้องหน้า อีกเรื่องที่เขายังสงสัยคือ ตอนนี้กลับเป็นเวลากลางวัน ผิดกับตอนที่เขาโดนพวกชายชุดดำตามล่าที่ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนรวมถึงสภาพเเวดล้อมเเละโกดังเก่าๆเเห่งนั้นก็หายไปด้วย
{คอยดูนะ ไอจางเหวินอี้เเละหม่าเทียนฉง ฉันจะเล่นเเกให้เละเลย} ฟงรุ่ยกัดฟันด้วยความเเค้น พลางเดินไปยังถนนใหญ่
เเต่เมื่อเขาเดินมาสุดซอยถึงถนนใหญ่เบื้องหน้าเเล้ว ฟงรุ่ยก็ต้องอ้าปากค้างอีกครา เมื่อภาพเบื้องหน้าที่เขาเห็นกลับเป็นฝูงชนในชุดโบราณที่เดินขวักไขว่กันไปมาในท้องตลาด
"อะไรอีกวะเนี่ย" ฟงรุ่ยเหลียวซ้ายมองขวาอย่างไม่เข้าใจ
"หรือว่า นี่เราจะอยู่ที่โรงถ่ายละครที่เหิงเตี้ยน...บ้าบอสิ้นดี" ฟงรุ่ยเเค่นเสียงก่อนที่จะพยายามเดินไปหาผู้ชายชุดโบราณที่กำลังจะเดินผ่านเขาไปคนหนึ่ง
"นี่พี่ พี่กำลังถ่ายละครเรื่องอะไรอยู่เหรอ" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างยิ้มเเย้ม
"นี่เจ้า.....เจ้าเป็นชนเผ่าไหนเนี่ย พูดจาอะไรข้าไม่เข้าใจ" ชายชุดโบราณคนนั้นกล่าวอย่างหวาดกลัว
"เห้ยพี่ ผมไม่อยู่ในบทหรอก ไม่ต้องทำมาพูดบทละครกับผม ฮ่าๆๆ" ฟงรุ่ยหัวเราะ
"ผีสาง ผีสางกลางวันเเสกๆ" ชายชุดโบราณผู้นั้นพลางร้องด้วยความกลัวพลางรีบวิ่งหนีจากไป
ฟงรุ่ยจึงเกาหัวด้วยความมึนงง จากนั้นเขาเริ่มสังเกตเห็นเหล่าฝูงชนที่เดินไปมาเเถวนั้นต่างพากันจ้องมองเขาราวกับพบเห็นตัวประหลาดอะไรซักอย่าง
"นี่พวกคุณ ผมไม่เล่นละนะ ทางออกของโรงถ่ายเหิงเตี้ยนไปทางไหน บอกหน่อยสิ" ฟงรุ่ยตะโกนออกมาด้วยความคับข้องใจ
เเต่กลับกลายเป็นว่าฝูงคนต่างเเตกตื่นพากันวิ่งหนีไปกันคนละทิศคนละทาง
"นี่เเปลกนะ ตกใจอะไรเราวะ" ฟงรุ่ยลองก้มมองสำรวจตนเองก็พบว่าตัวเขานั้นยังใส่เสื้อกันหนาวสีดำกางเกงขายาวสีดำอยู่เหมือนเดิม ไม่พบอะไรผิดปกติ
{เเล้ว นี่ถ่ายทำกัน พวกทีมงานตากล้องไปหลบอยู่มุมไหนนะ ทำไมเราไม่เห็น} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
{หรือว่าที่จริงตอนนั้นเราได้รับบาดเจ็บ เเล้วมีใครพาเรามารักษาเเล้วมาทิ้งเราไว้ที่โรงถ่ายละครงั้นเหรอ} ฟงรุ่ยยืนนิ่งพยายามหาเหตุผลมารองรับ
"นี่เจ้าใช่ไหม ที่เป็นคนที่ทำชาวเมืองเเตกตื่นตกใจ" เสียงที่ทรงพลังเสียงหนึ่งพลันดังมาที่ด้านหน้าของฟงรุ่ย
ฟงรุ่ยพอได้ยินจึงหันไปตามเสียงนั้น ก็พบเห็นบุรุษวัยกลางคนสวมหมวกถือกระบี่ขี่ม้าอยู่เบื้องหน้า ด้านหลังของเขามีทหารหลายนายยืนเรียงเเถวพร้อมคอยรับใช้
"อ้อ สวัสดีครับ ผมฟงรุ่ยครับ พี่คงเป็นนักเเสดงหลักใช่ไหมครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน เเต่พี่สั่งผู้กำกับสั่งคัทก่อนได้ไหมครับ ผมจะได้ออกไป ไม่รบกวนการเเสดงของพวกพี่ๆ" ฟงรุ่ยกล่าว
"เจ้านี่พูดจาไม่เหมือนคนทั่วไป การเเต่งตัวเเละทรงผมก็เเปลกประหลาด หรือเจ้าจะเป็นปีศาจเเปลงกายมา" บุรุษสวมหมวกทหารวัยกลางคนนั้นกลับเริ่มรู้สึกหวาดกลัวต่อฟงรุ่ย
"เห้ย พี่ ผมไม่ตลกละนะ ผมไม่เล่นด้วยเเล้ว ผมจะกลับที่พัก....ประสาทป่ะวะคนพวกนี้" ฟงรุ่ยเเค่นเสียงอย่างไม่พอใจก่อนที่เขาจะเดินผ่านหน้าบุรุษสวมหมวกทหารที่ขี่ม้าอยู่ผู้นั้นด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้าน
"เอาไงดีใต้เท้า ดูท่า มันคงมีวิชาอาคมมาก ถึงกับไม่เห็นพวกเราซึ่งมีกำลังเยอะอยู่ในสายตา" นายทหารนายหนึ่งกล่าวด้วยความกลัวต่อบุรุษผู้สวมหมวกทหาร
"ทหารของต้าถัง จะมาเกรงกลัวภูติผีปีศาจไปไย พวกเจ้าจับมันมาให้กับข้า" นายทหารวัยกลางคนที่สวมหมวกนั้นพลันชี้นิ้วสั่งนายทหารผู้น้อยที่ติดตามมาสิบกว่าคนให้ไปรุมจับตัวฟงรุ่ย
"ขอรับใต้เท้า" สุ้มเสียงที่ฮึกเหิมดังพร้อมกัน ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งเข้ากระชับวงล้อมต่อฟงรุ่ย
ฟงรุ่ยพอเห็นดังนั้นจึงเริ่มมีท่าทีโมโห
"ถ้าอยากให้ผมไปเล่นหนัง บอกกันดีๆก็ได้ ไม่ใช่มาปั่นประสาทกันเเบบนี้" ฟงรุ่ยตวาดอย่างโมโหจนทหารทั้งสิบกว่าคนต่างตกใจต้องถอยกายไปคนละสองก้าวก่อนที่จะหันไปมองหน้ากันเองด้วยความกลัว
"พวกเจ้า ยังรออะไร จับเป็นไม่ได้ก็จับตายซะ" บุรุษวัยกลางคนผู้สวมหมวกขี่ม้าตวาดด้วยความโกรธ
ทหารหลายคนพอฟังดังนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน หมายจะเเทงหอกฟันกระบี่เข้าใส่ฟงรุ่ยในทันที
เเต่ทันในดัน ก็มีเสียงดนตรีที่เเปลกประหลาดดังออกมาจากตัวของฟงรุ่ย จนทำให้ทหารทั้งหลายรวมทั้งบุรุษวัยกลางคนที่สวมหมวกขี่ม้าต้องหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว
"ใต้เท้า...ปีศาจ....มันเป็นปีศาจเเน่ๆ" นายทหารคนหนึ่งเสียงสั่นเครือ
นั่นเป็นเสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือของฟงรุ่ยเอง
"ตกใจนาฬิกาปลุกเรากันเหรอวะ ปัญญาอ่อน" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างสมเพช ก่อนที่เขาจะเดินผ่านวงล้อมจากไป
มีนายทหารสองคนซึ่งเเม้จะหวาดกลัวเเต่พวกเขาก็พยายามจะยื่นกระบี่ขวางหน้าฟงรุ่ยไว้
"หากยังไม่ให้ข้าไปข้าจะฆ่าพวกเจ้า" ฟงรุ่ยถลึงตาด้วยความโกรธจนนายทหารทั้งสองคนนั้นตกใจจนรีบเปิดทางให้เเต่โดยดี
{ต้องให้เราพูดบทโบราณถึงจะเข้าใจเหรอวะ} ฟงรุ่ยคิดอย่างขัดใจ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์
"ข้าเกิดมาเป็นทหารของต้าถัง ถึงเเม้ว่าข้าจะตายก็จะเป็นผีของต้าถัง" สุ้มเสียงตวาดดังขึ้น ก่อนที่บุรุษวัยกลางคนที่สวมหมวกจะขี่ม้าไล่ฟงรุ่ยเข้ามาพลางดึงกระบี่ข้างเอวออกมาหมายจะฟันใส่ศรีษะของฟงรุ่ย
ฟงรุ่ยซึ่งยังคงเดินไปยังเบื้องหน้าอย่างสบายใจพอได้ยินเสียงตวาดเขาก็ต้องหันกลับหลังมามองด้วยความตกใจ เมื่อเขาเห็นปลายกระบี่กำลังจะมาถึงเบื้องหน้าเขาเเล้ว
เเต่ฟงรุ่ยยังไม่ทันได้ตะโกนร้องขอชีวิต ร่างของเขาก็กลับถูกเเส้สีดำเส้นหนึ่งม้วนตัวของเขาเอาไว้พลางฉุดดึงเขาข้ามหลังคาบ้านเรือนใกล้เคียงไปอย่างรวดเร็ว