สตรีคลุมหน้าชุดดำ
ฟงรุ่ยถูกเเรงตวัดของเเส้เส้นนั้นเหวี่ยงตัวเขาลงบนหลังคาบ้านเรือนหลังหนึ่ง
"โอ๊ยเจ็บ" ฟงรุ่ยร้องขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกลิ้งตัวขึ้นมาอย่างมึนงง
สายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นสตรีชุดสีดำที่ใส่หมวกฟางเเละผ้าเเพรคลุมหน้านางหนึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างกายของเขา
"นี่เธอ เล่นบทผิดหรือเปล่า ฉัน...." ฟงรุ่ยยังกล่าวไม่จบเขาก็พลันรู้สึกเสียวหลังวาปจากคมกระบี่ที่เกือบจะโดนเเทงเมื่อครู่
"ฉันฟ้องตำรวจได้นะ พวกเธอเล่นอะไรพิเรณเเบบนี้ ถ้าฉันเจ็บขึ้นมา ฉันจะเอาเรื่องพวกเธอเเน่" ฟงรุ่ยเเค่นเสียง
"หึ เจ้ามันประหลาดจริงๆ มิน่าพวกนั้นถึงเกรงกลัวเจ้า เเต่ถ้าหากข้าไม่ได้ช่วยเจ้าไว้ หัวของเจ้าก็คงถูกตัดออกมาเเล้ว" น้ำเสียงที่เย็นชาที่นุ่มนวลดังขึ้นภายใต้ผ้าเเพรที่ปกคลุมหน้าของนาง
"เป็นรายการเรียลรีตี้เเกล้งคนดูเหรอวะ ไปๆ ไปเรียกผู้กำกับออกมาเลย" ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว พลางเดินไปเอามือควานหาเส้นสลิงที่เขาคิดว่าติดอยู่ตามตัวของสตรีชุดดำที่ทำให้นางนั้นลอยตัวขึ้นมาบนหลังคาได้กับราวนางเเอ่นเหิน
"เจ้าทำอะไร" สตรีชุดดำกล่าว
"เป็นไปไม่ได้ เธอเหาะโดยไม่ใช้สายสลิงเหรอ" ฟงรุ่ยอ้าปากตาค้าง
"ถ้าหากเจ้ายังพูดจากไม่รู้เรื่องอีกที ข้าจะฟาดเจ้า"
ฟงรุ่ยพลันรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก เขาจึงรีบกระโดดถอยหลังไปอย่างตกใจ
จากนั้นฟงรุ่ยพยายามหลับตาลงเพื่อรวบรวมสติ ก่อนที่เขาจะลืมตาเเละกวาดตาไปยังสภาพเเวดล้อมบ้านเมืองจากบนหลังคาที่เขาอยู่ จากนั้นเขาก็ต้องเริ่มสะดุ้งเฮือกขึ้นมา
{หรือว่าที่นี่ไม่ใช่โรงถ่ายเหิงเตี้ยน เหิงเตี้ยนมันไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้นี่} ฟงรุ่ยกลืนน้ำลายอึกนึง
"นี่ๆ ...ฉันขอถามเธอหน่อย ที่นี่...คือที่ไหนเหรอ" ฟงรุ่ยยิ้มเเห้งถาม
"หางโจว" สตรีชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
"หางโจว หางโจวมีสถานที่เป็นเมืองโบราณใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหรอ" ฟงรุ่ยบ่นพึมพำ ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันเบิ้งกว้างเเละถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
"ฉันขอถามอีกคำถาม ตอนนี้เป็น...วัน..เดือน..ปี..อะไร"
"เจ้าพึ่งลงจากเขามาหรือไง ถึงไม่รู้จักเเผ่นดินต้าถัง" สตรีคนนั้นกล่าวเสียงเย็นชา
"ว่าไงนะ!!! นี่ฉันมาราชวงศ์ถังเหรอ" ฟงรุ่ยอุทานอย่างตกใจ มือของเขารีบตบเเก้มซ้ายเเละขวาราวกับจะให้รีบตื่นจากความฝัน
เพรี๊ยะ
เสียงเเส้ฟาดลงบนพื้น
"ถ้าหากเจ้ายังพูดจาประหลาดอีก ข้าจะเปลี่ยนใจฆ่าเจ้าซะ" สตรีชุดดำเริ่มโมโห จนฟงรุ่ยขนลุกไปทั้งตัว
"งั้น........ เจ้า" {เอาวะต้องตามน้ำพูดคำพูดเเบบคนโบราณ} "งั้นเจ้าช่วยข้าไว้ทำไม" ฟงรุ่ยถามอย่างหวาดระเเวง
"หึ ตอนเเรกข้าก็คิดว่าเจ้าเป็นปีศาจที่มีวิชาอาคมจริงๆ เเต่ที่ไหนได้ ...ถ้าข้าไม่ช่วย ชีวิตเจ้าก็คงจบสิ้นเเล้ว"
"เหมือนเจ้าจะตอบไม่ตรงคำถามนะ" ฟงรุ่ยกล่าว
"ข้าช่วยเจ้า เผื่อว่าเจ้าจะมีวิชาอะไรที่เเปลกพิศดารที่พอจะช่วยงานข้าได้......เเต่ดูจากตอนนี้ ดูท่าข้าคงจะคิดผิดเเล้ว....เจ้ามัน ไม่มีอะไรเลย" น้ำเสียงของสตรีชุดดำเเฝงไปด้วยความผิดหวัง
{นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง เราอาจจะยังฝันอยู่} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
"เจ้าคิดอะไร"
"เอ่อ ใช่ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก งั้นข้าขอตัวนะ ข้าจะกลับบ้าน" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างรำคาญพลางจะเดินจากไป
"ชีวิตเจ้าเป็นข้าช่วยมา คิดจะไปก็ไปเหรอ ฝันไปเถอะ" สตรีชุดดำเเค่นเสียงด้วยความโกรธ ก่อนที่นางจะตวัดเเส้รัดลำตัวของฟงรุ่ยเอาไว้เเล้วใช้นิ้วจี้สกัดจุดฟงรุ่ยจนสลบไป
...
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ฟงรุ่ยจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครา
คราวนี้เขากลับกำลังนอนอยู่บนเตียงๆหนึ่ง เป็นเตียงที่เเข็งกระด้างเเละไม่นุ่มนวลเอาเสียเลย
{นี่เราตื่นเเล้วเหรอ คงตื่นจากความฝันซักทีสินะ} ฟงรุ่ยค่อยๆโล่งใจ
"เจ้าตื่นเเล้วเหรอ" สุ้มเสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นที่โต๊ะภายในห้อง จนฟงรุ่ยต้องผวาลุกตัวขึ้นมาอย่างตกใจ
"เจ้ายังอยู่อีกเหรอ" ฟงรุ่ยสะท้าน ที่เเท้ นี่คล้ายจะไม่ใช่เเค่ความฝันซะเเล้ว
"นับตั้งเเต่ข้าช่วยเจ้าไว้ ชีวิตเจ้าก็เป็นของข้าเเล้ว" สตรีชุดดำเเค่นเสียง จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เผยใบหน้าที่เเท้จริงออกมา
"งั้นข้าคงต้องทำให้เจ้าต้องผิดหวังเเล้วล่ะ เจ้าช่วยข้าเพราะอยากให้ข้าช่วยเจ้าทำภารกิจอะไรของเจ้าใช่ไหมล่ะ เเต่ข้าน่ะ...ข้าน่ะสู้ใครไม่เป็นหรอก อาวุธข้ายังไม่เคยจับเลย" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างประชด
"เเต่อย่างน้อยวิชาเสียงก้องอำไพของเจ้า ก็น่าจะมีประโยชน์กับข้าบ้าง"
"เสียงก้องอำไพ เจ้าหมายถึงเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของข้างั้นเหรอ ฮ่าๆๆ"
"เจ้าหมายความว่ายังไง"
"อ่อ ใช่ๆ ข้าพอเป็นวิชานี้อยู่บ้าง เเต่เจ้าช่วยบอกเหตุผลที่ข้าต้องช่วยเจ้าหน่อยสิ" ฟงรุ่ยกล่าว
"ไม่ช่วยข้า งั้นเจ้าก็ไม่มีประโยชน์กับข้าอีกต่อไปเเล้ว" สตรีชุดดำพลันค่อยๆใช้นิ้วมือที่ขาวเรียวลูบปลายเเส้ไปมาอย่างช้าๆ
"ฮ่าๆๆ ข้าเเค่ล้อเล่นน่ะๆ ว่าเเต่ไหนๆพวกเราก็รู้จักกันเเล้ว ข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย ข้าชื่อฟงรุ่ย เจ้าล่ะ" ฟงรุ่ยหัวเราะเเห้ง
"ฟานชิงหมิง" สตรีชุดดำนั้นตอบเสียงราบเรียบ
"ที่เเท้ก็เเม่นางฟานนี่เอง" {เป็นผู้หญิงที่ป่าเถื่อนจริงๆ} ฟงรุ่ยด่าทอในใจ
"ชุดเเต่งกายเเละทรงผมของเจ้าช่างประหลาดยิ่งนัก ไม่เหมือนคนจงหยวน เจ้ามาจากที่ไหนเหรอ" ฟานชิงหมิงถาม
"ถ้าหากว่า ข้าบอกเจ้าว่าข้ามาจากอนาคตอีกหลายร้อยปีให้หลัง เจ้าจะเชื่อข้าไหม" ฟงรุ่ยกล่าว
เสียงเเส้สะบัดยังข้างกายของฟงรุ่ยดังถนัดถนี่
"ข้าล้อเล่นน่ะ...ข้าๆๆๆ...ข้ามาจากหลังเขาทางด้านตะวันตกที่เเสนห่างไกล....พึ่งจะเคยเข้าสู่เเผ่นดินใหญ่เป็นครั้งเเรก"
"เเล้วเจ้ามาทำอะไรที่เเผ่นดินใหญ่"
{อ้างว่าอะไรดีวะเรา} ฟงรุ่ยคิดในใจ
"อาจารย์ของข้า หลังจากเห็นข้าฝึกวิชาสำเร็จบนยอดเขา ท่านจึงให้ข้าลองลงมาเผชิญประสบการณ์ยังโลกภายนอก"
"ฮ่าๆ เเบบนี้น่ะเหรอ เรียกว่าการฝึกวิชาสำเร็จ อาจารย์ของเจ้าก็คงจะไม่เท่าไรหรอกมั้ง" ฟานชิงหมิงหลุดหัวเราะออกมาเป็นครั้งเเรก จนฟงรุ่ยต้องตะลึงลาน
เเต่เหมือนนางจะนึกว่านางลืมตัว จึงรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมอีกครา
"เเล้วเเม่นางฟาน ทำไมต้องเอาผ้าปิดบังใบหน้าตลอดเวลาล่ะ" ฟงรุ่ยถาม
"มันเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมาสนใจ" ฟานชิงหมิงเเค่นเสียง
"เเล้วก็ เจ้าควรไปเปลี่ยนทรงผมเเละการเเต่งกายของเจ้าซะ เดี๋ยวจะเป็นจุดสังเกตจนเกินไป" ฟานชิงหมิงกล่าวเสริม
{เรื่องบ้าอะไรอีกวะเนี่ย สวรรค์} ฟงรุ่ยร่ำร้องในใจ
"เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะไปจัดหาชุดเเละทรงผมของเจ้ามาให้" ฟานชิงหมิงกล่าวพลางเดินเข้ามาใช้นิ้วจี้สกัดจุดของฟงรุ่ยอีกครา
"เจ้าใช้นิ้วสกัดจุดข้าเเบบนี้ ยังต้องบอกให้ข้ารอเจ้าอีกเหรอ"ฟงรุ่ยเเค่นเสียง
{นึกว่าการสกัดจุดไร้สาระเเบบนี้จะมีเเต่ในหนังกำลังภายในซะอีก นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย}
{หากมีวิชาเสียงก้องอำไพของเขาคอยเป็นตัวล่อ ข้าจะต้องทำสำเร็จเเน่} ฟานชิงหมิงยิ้มมุมปากพลางค่อยๆเดินออกจากห้องพักไป