ทรยศ
สองวันต่อมา
ฟงรุ่ยที่กำลังนอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้นมา วันนี้เขาลาหยุดไม่ได้ไปทำงานเพื่อเตรียมทำภารกิจที่สำคัญ เขาค่อยๆเดินออกไปยังหน้าต่างห้องอันเเคบเล็กของเขา เปิดม่านออกไปมองดูทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของมหานครเซี่ยงไฮ้
{ถ้าเราทำสำเร็จ เราก็จะไม่ต้องมาทนอยู่ในอพาร์ทเม้นเล็กๆเเบบนี้อีก อีกทั้ง.....เราจะต้องทำให้เธอเห็นว่า เธอตัดสินใจผิดที่เลือกจะ....ทิ้งฉันไป} ฟงรุ่ยกำหมัดอย่างลืมตัว
จากนั้นเขาเหลือบมองไปยังกระเป๋าสะพายใบเล็กๆที่วางไว้บนหัวเตียง ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าใบนั้นเปิดออกมาพร้อมหยิบเเฟชไดรท์เล็กๆอันหนึ่งมาจ้องมองดูด้วยเเววตาที่เป็นประกาย
{ข้อมูลการวิจัยทั้งหมดของบริษัทอิมเทค บริษัทที่พัฒนาไวรัสมัลเเวร์ทั้งหมดอยู่ในนี้เเล้ว อีกเเค่ก้าวเดียว ถ้าผ่านคืนนี้ไป เราก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีในเซี่ยงไฮ้เเล้ว}
.........
ยามค่ำคืน เวลานี้ ณ ตรอกนานจิง ที่ครึกครื้นไปด้วยผู้คน เวลานี้กลับเงียบเหงาเเละวังเวงอย่างบอกไม่ถูก
"ฮัลโหล เหวินอี้ นายกับเทียนฉงอยู่ที่ไหน ฉันอยู่ที่ตรอกนานจิงเเล้ว" ฟงรุ่ยซึ่งในยามนี้สวมเสื้อกันหนาวสีดำคลุมฮูทกำลังยืนโทรศัพท์ริมกำเเพงตรอกเเห่งหนึ่ง
"หันมาทางด้านขวานายสิเพื่อน" จางเหวินอี้กล่าว
ฟงรุ่ยจึงได้เหลียวหน้าไปมอง จากนั้นจึงเห็นจางเหวินอี้เเละหม่าเทียนฉงซึ่งต่างสวมชุดคลุมสีดำเดินออกมาจากมุมมืดอย่างเยือกเย็น
"มากันนานรึยัง" ฟงรุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
"ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก นายเอาของมารึเปล่า" จางเหวินอี้ถาม
"อยู่นี่" ฟงรุ่ยพลันล้วงเเฟชไดรท์เล็กๆอันหนึ่งออกมาจากในเเขนเสื้อ
"นายเเน่ใจใช่ไหม ข้อมูลมัลเเวร์ทั้งหมดอยู่ในนี้" หม่าเทียนฉงกล่าว
"ถ้าไม่เชื่อในฉัน ฉันกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ" ฟงรุ่ยเเค่นเสียง
"ฮ่าๆๆ อาฟง ฉันก็ล้อนายเล่นเท่านั้นเอง ทำเป็นจริงจังไปได้" หม่าเทียนฉงรีบโบกมือขอโทษ
"อ่ะนี่ เอาเเฟชไดรท์มาใส่ในกระเป๋าที่ฉันเตรียมมาดีกว่า" จางเหวินอี้ยื่นมือออกมาพลางชี้ไปยังกระเป๋าสีดำใบหนึ่งที่อยู่ข้างกายของเขา
"เเล้วคนที่พวกนายนัดเอาไว้ล่ะ อยู่ไหน นี่ก็ใกล้เวลาเเลกของกันเเล้ว" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างเคร่งเครียด
"อยู่ซอยข้างหน้านี่เเหละ มาเอามาใส่ในนี้ ของมันจะได้ดูมีมูลค่าหน่อย" จางเหวินอี้พลันหยิบเเฟชไดรท์จากมือของฟงรุ่ยไปใส่ไว้ในกระเป๋าถือสีดำอย่างรวดเร็ว
"ว้าว อาฟง ดูดวงดาวค่ำคืนนี้สิ สวยงามจริงๆเลย" หม่าเทียนฉงพลันขี้ให้ฟงรุ่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างตื่นเต้น
"อะไรของนาย ฉันล่ะเชื่อจริงๆเวลาเเบบนี้ยังจะมีเวลามาดูดาว" ฟงรุ่ยมองขึ้นไปยังบนท้องฟ้าพลางบ่นอย่างรำคาญ
จังหวะนั้นเองหม่าเทียนฉงพลันหยิบกระเป๋าถือสีดำที่เหมือนกันอีกใบหนึ่งยื่นสลับกับกระเป๋าถือสีดำของจางเหวินอี้โดยที่ฟงรุ่ยไม่ทันสังเกต
"ฮ่าๆๆ ก็ฉันกลัวนายจะเครียดเกินไปน่ะสิ นี่อาฟง เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ฉันได้เตรียมกระเป๋าที่เหมือนกันมาด้วย ในกรณีที่ถูกคนจับได้ พวกเราจะได้มีคนนึงที่ดึงดูดความสนใจในการหนีได้" หม่าเทียนฉงยิ้มกล่าวพลางยกกระเป๋าถือสีดำให้ฟงรุ่ยดู
"หึรอบคอบดีจังนะ เห็นเล่นๆเเบบนี้ เเต่ฉันขอถือกระเป๋าใบจริงก็เเล้วกัน" ฟงรุ่ยเเสยะยิ้มพลางดึงกระเป๋าถือสีดำจากมือจางเหวินอี้ไปอย่างรวดเร็ว
"อะไรกัน พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน นายไม่ไว้ใจฉันงั้นเหรอ" จางเหวินอี้กล่าวอย่างตัดพ้อ
"ข้อมูลนี้ฉันเป็นคนหามา ฉันจะเป็นคนยื่นมันเเลกกับเงินเอง" ฟงรุ่ยกล่าว
"นั้นตามใจนาย ฉันจะถือกระเป๋าใบปลอมก็ได้" หม่าเทียนฉงหัวเราะ
"เอาล่ะเราเสียเวลากันมามากเเล้วรีบไปกันเถอะ" ฟงรุ่ยกล่าวเสียงเครียด
"ฉันก็ว่างั้น นายพร้อมไหม เทียนฉง" จางเหวินอี้หันไปถาม
"นายพร้อมฉันก็พร้อม" หม่าเทียนฉงสบตาจางเหวินอี้อย่างรู้กัน
"ซอยหน้าเเล้วเลี้ยวขวา ตรงโกดังท้ายซอย คนที่ฉันนัดรอเราอยู่ที่นั่น" จางเหวินอี้กล่าว
"ยังรออะไรล่ะ ไปเร็ว" ฟงรุ่ยกล่าวพลางรีบเดินนำหน้าไป
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะเดินไปถึงทางเเยกของตรอกข้างหน้า จางเหวินอี้กลับหม่าเทียนฉงพลันค่อยๆถอดชุดคลุมสีดำออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีขาวที่เหมือนกันของทั้งคู่
ฟงรุ่ยรู้สึกเเปลกๆจึงหันหลังไปดู ก็ต้องขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ
"พวกนายถอดชุดคลุมทำไม เเล้วยังจะใส่เสื้อสีขาวอีก" ฟงรุ่ยถามอย่างสงสัย
"นายไม่ร้อนเหรอ เเต่พวกฉันร้อนว่ะ อากาศเเบบนี้" หม่าเทียนฉงกล่าวพลางดึงเสื้อออกมาสะบัดคลายความร้อน
"ร้อนอะไรวะ อากาศเเบบนี้นะร้อน" ฟงรุ่ยส่ายหัวด้วยความรำคาญพลางเดินไปถึงทางเเยก
ทันใดนั้น เสียงปะทัดก็ดังขึ้นมาในทันที จนฟงรุ่ยสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ พลางเหลียวไปมองด้านหลังด้วยความตกใจ
"เห้ย อะไรเนี่ย" ฟงรุ่ยต้องอุทานด้วยความตกใจเพราะว่าจางเหวินอี้เเละหม่าเทียนฉงได้หายตัวไปเเล้ว
"เล่นอะไรวะ ฉันไม่ตลกนะ" ฟงรุ่ยตวาดด้วยความโมโห
ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็โดนเเสงจากไฟฉายส่องเข้ามาอย่างถนัดถนี่
"เจอตัวเเล้ว มันอยู่นี่เอง" เสียงของผู้ชายที่ใส่ชุดดำตวาด พลางมีเสียงฝีเท้าของผู้ชายอีกหลายสิบคนวิ่งมาตามเสียงเรียก
"หยุดนะ ถ้าไม่อยากตาย วางกระเป๋านั่นลงเดี๋ยวนี้" ผู้ชายชุดดำตวาดใส่ฟงรุ่ย
{ชิบหายเเล้ว นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย...ไม่ได้ เราจะมาถูกจับเเบบนี้ไม่ได้ ของยังอยู่ที่เรา เราจะไม่ยอมเเพ้เเบบนี้เเน่} ฟงรุ่ยไม่ครุ่นคิดมากความเขารีบกลิ้งตัวตลบไปกับพื้นดินก่อนที่จะวิ่งเข้าไปยังตรอกซอยด้านขวามือที่มีโกดังที่จางเหวินอี้บอกทันที
เสียงลูกปืนดังไล่หลังฟงรุ่ยมาอย่างน่าหวาดเสียว เเต่โชคดีที่ตัวเขานั้นกลับไม่โดนกระสุนเลยเเม้เเต่นิดเดียว ฟงรุ่ยรีบใช้เรี่ยวเเรงที่มีเหลืออยู่วิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อจะเข้าไปยังโกดัง เผื่อว่าภายในโกดังจะมีพรรคพวกของผู้รอรับของให้ความช่วยเหลือเขา
เเต่ว่าเมื่อฟงรุ่ยวิ่งมาถึงหน้าโกดังเขากลับต้องใจสั่นสะท้านอย่างขวัญเสีย เมื่อโกดังที่จางเหวินอี้บอกกลับถูกปิดตาย ไม่มีผู้ใดในบริเวณนั้นอยู่เลยเเม้เเต่คนเดียว
"เป็นไปไม่ได้ ซอยนี้ไม่ผิดเเน่" ฟงรุ่ยเสียงสั่นอย่างร้อนใจ
เมื่อเขารีบหันหลังกลับจะวิ่งออกจากซอยนั้นก็กลับถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายถือปืนชุดดำทั้งสิบกว่าคนค่อยๆเดินกระชับวงล้อมเข้ามาอย่างช้าๆ
"ถ้านายไม่อยากตายส่งกระเป๋านั่นมาซะ" ผู้ชายชุดดำคนที่อยู่ข้างหน้าสุดตวาดด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยมเกรียมพลางส่องไฟฉายมายังฟงรุ่ย
"พวกนายต้องการอะไร พวกเราไม่รู้จักกันซักหน่อย" ฟงรุ่ยปั้นหน้ากล่าวอย่างยิ้มเเย้ม
ปั้ง
ชายผู้นั้นยิงปืนลงพื้นเบื้องหน้าฟงรุ่ยเพื่อเป็นการขู่ จนฟงรุ่ยยืนเเข็งด้วยความกลัว
"สายของเรารู้เรื่องหมดเเล้ว เรื่องที่นายขโมยข้อมูลมัลเเวร์จากอิมเทค เพื่อนำไปหาผลประโยชน์ส่วนตัว" ชายชุดดำตวาด
"เเสดงว่าพวกนายเป็นคนของอิมเทคสินะ.....ใจเย็นนะ ใช่ ฉันยอมรับก็ได้ เเต่ว่า ข้อมูลทั้งหมดก็ยังอยู่ในกระเป๋านี่ไม่ใช่เหรอ ฉันยังไม่ได้เอาไปให้ใครซักหน่อย พวกนาย...อย่าทำอะไรฉันเลยนะ" ฟงรุ่ยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน เขาวางกระเป๋าถือสีดำลงกับพื้นอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะชูมือเเสดงความยอมจำนนอย่างจนใจ
"พวกนาย ไปเปิดกระเป๋านั่นซิ" ชายชุดดำผู้เป็นหัวหน้านั้นสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งไปเปิดกระเป๋าสีดำที่วางอยู่กับพื้นเพื่อตรวจสอบ
"ครับ" ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งไปเปิดกระเป๋าสีดำที่วางอยู่ข้างเท้าฟงรุ่ยทันที ส่วนฟงรุ่ยที่โดนปืนหลายกระบอกจ่อมาที่เขาอยู่ก็ไม่กล้าขัดขืนเเต่อย่างใด
เเละทันทีที่กระเป๋าใบนั้นถูกเปิดออกมา ฟงรุ่ยก็ต้องเบิ่งตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
{ไอพวกบ้านั่นมันหลอกเรา บัดซบที่สุด} ฟงรุ่ยริมฝีปากสั่นด้วยความเคียดเเค้น
"หึ คิดจะตบตาพวกเราด้วยกระเป๋าเปล่าอย่างงั้นเหรอ สงสัยนายจะอยากลองของสินะ" หัวหน้าคนชุดดำกล่าวอย่างเเสยะยิ้ม
"เปล่านะครับ คือของมันอยู่กับเพื่อนผมอีกสองคน พวกมันชื่อจางเหวินอี้กับหม่าเทียนฉง" ฟงรุ่ยรีบร้องออกมา
"จนถึงขั้นนี้ก็ยังไม่ยอมรับความจริงสินะ"
ปั้ง
เสียงลูกปืนดังขึ้นอีกครา
เเต่มาพร้อมกับเสียงร้องของฟงรุ่ย
เเขนขวาของเขาถูกสีเเดงฉานของเลือดสดๆไหลลงมาอย่างเจ็บปวด
"ฉันบอกพวกนายเเล้วไง.... ของไม่ได้อยู่ที่ฉัน" ฟงรุ่ยกัดฟันตอบอย่างเจ็บปวด
ปั้ง
เสียงลูกปืนดังขึ้นอีกครา
คราวนี้เป็นเเขนซ้ายของฟงรุ่ยที่รับชะตากรรม ฟงรุ่ยเเหกปากร้องออกมาด้วยความทรมาณ มือของเขาห้อยลงอย่างไม่อาจใช้งานได้เเล้วในตอนนี้
"ฉันจะให้โอกาสนายอีกครา" หลังคำพูดนี้ของหัวหน้าชายชุดดำ เม็ดฝนก็เริ่มเทลงมาจากท้องฟ้าที่ดำมืดอย่างรุนเเรง
"ฉันจะนับหนึ่งถึงสิบ ถ้านายยังไม่พูด คราวนี้จะเป็นชีวิตของนายที่ต้องเสียไป"
"1" เสียงสายฝนยังคงเทลงมาอย่างต่อเนื่อง
ฟงรุ่ยในสภาพเปียกชุ่มโชก ค่อยๆคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวด เลือดของเขากลับโดนฝนที่เทลงมาชะล้างไปกับพื้นถนน กลายเป็นสภาพที่น่าสยดสยองยิ่ง
"2"
{นี่ เราจะมาตายเเบบนี้น่ะเหรอ} ฟงรุ่ยพลันฝืนยิ้มในใจ
"3"
..
"8" ฟงรุ่ยกลับไม่ตอบ เขาคล้ายปลงต่อชีวิตเเละยอมรับชะตากรรม
"9"
...
"10"
เสียงลูกปืนเเละเสียงสายฟ้าที่ผ่าลงมาดังขึ้นพร้อมกัน