บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ครอบครัวยากจนซ้ำยังซวยซ้ำซวยซ้อน

ชาวบ้านชะเง้อคอมองเหตุการณ์ข้างใน เมื่อเห็นเลือดแดงฉาน พลันสะดุ้งวาบ พากันคร่ำครวญว่ากู้เจ้าสามคงไม่รอดแน่

กู้หมิงซวงได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจ

โชคดีที่ร่างเดิมอ้วนท้วม กู้หมิงซวงจึงอาศัยร่างกายของตน เบียดผู้คนให้เปิดทาง

เมื่อเหล่าผู้คนที่ถูกเบียดเห็นกู้หมิงซวง ดวงตาพลันฉายแววเหยียดหยามและจงเกลียดจงชัง จากนั้นก็ขยับหลีกทางให้ ราวกับเห็นนางเป็นขยะอย่างไรอย่างนั้น

กู้หมิงหาได้สนใจสายตาของคนเหล่านี้ไม่ ณ ตอนนี้เวลานี้ นางสนใจเพียงความปลอดภัยของผู้เป็นบิดาเท่านั้น

หากท่านพ่อเป็นอะไรไป นางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่

เมื่อเดินเข้ามาในห้อง กู้หมิงซวงก็วิ่งไปที่ข้างเตียง

เมื่อกู้เหวินจูนเห็นนาง ก็สะดุ้งโหยง ขยับเข้าไปบังสายตาของนางเอาไว้ เกรงกลัวว่านางจะตกใจกับภาพเบื้องหน้า

“ซวงเอ๋อร์ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร ออกไปเดี๋ยวนี้!”

กู้หย่วนเต้าที่นอนอยู่บนเตียงไม้หายใจโรยรา

เหลือเวลาไม่มากแล้ว!

กู้หมิงซวงหรี่ตาลง นางเข้าไปแย่งเข็มในมือของจ้าวหลิงยีมาอย่างไม่สนเจ็ดสนแปด แล้วฝังเข็มลงบนร่างของกู้หย่วนเต้าด้วยท่าทีเคร่งขรึมอย่างคล่องมือ

จุดฝังเข็มทั้งสิบแห่งนี้ สามารถชะลอการไหลเวียนของโลหิตได้

กู้หมิงซวงเคลื่อนไหวมืออย่างคล่องแคล่ว จนทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก

ชั่วพริบตา บริเวณอกของกู้เจ้าสามก็มีเข็มปักอย่างหนาแน่น

จ้าวหลิงยีเดือดดาลจนหนวดเคราสั่นระริก ดุด่าออกมาว่า “ซนไม่เข้าเรื่อง เจ้าคิดจะฆ่าพ่อเจ้าหรืออย่างไร?”

สิ้นคำพูดเขาก็เตรียมเข้าไปถอดเข็มเหล่านั้นออก

ขณะนั้นเอง กู้หมวงซวงก็ตวาดออกมาเสียงดัง “หากแตะต้องเข็มแม้แต่ปลายนิ้ว เขาได้สิ้นลมเป็นแน่!”

จ้าวหลิงยีสะดุ้งเสียงตวาดของนาง เขาเป็นหมอมาหลายปี ครานี้กลับถูกคนสติไม่ดีตะคอกใส่

แม่นางน้อยตรงหน้าอายุเพียงสิบสองปี ทว่าความคมกริบที่ถ่ายทอดออกมาจากดวงตา รวมถึงเสียงตวาดของนาง กลับทำให้ผู้คนไม่กล้าโต้แย้ง

ในขณะที่เขาตกอยู่ในอาการนิ่งอึ้ง กู้เหวินจูนก็เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “เลือดท่านพ่อหยุดไหลแล้ว!”

“ดีเหลือเกิน พ่อเจ้าเลือดหยุดไหลแล้ว”

น้ำตาแห่งความดีใจของนางเฉาหลั่งไหลออกมา

กู้หมิงซวงพรูลมหายใจอย่างโล่งอก

ตราบใดที่หยุดเลือดได้ และไม่เป็นอันตรายถึงอวัยวะภายใน หากแผลไม่เน่าเปื่อย ก็มีโอกาสกลับมาหายดี

จ้าวหลิงยีหันกลับมาดู จึงเห็นว่าโลหิตของกู้หย่วนเต้าหยุดหลั่งไหลออกมา ชั่วขณะนั้นพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจ

เอ้อยาเป็นคนปัญญาอ่อนมิใช่หรือ?

เหตุใดตอนนี้ถึงไม่เห็นท่าทางโง่เขลาจากนางเลยล่ะ

แต่ถึงกระนั้นแม้นนางจะไม่ได้ปัญญาอ่อน ก็ไม่มีทางรักษาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้สิ

หรือเมื่อสักครู่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ?

หากเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เหตุใดทักษะการฝังเข็มของนางถึงได้ดูคล่องแคล่วนัก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจเทียบติดได้

จ้าวหลิงยีไม่ทันได้ใคร่ครวญอะไรมาก จู่ๆกู้หมิงซวงก็กล่าวขึ้นมาว่า

“มัวยืนทำอะไรอยู่ เวลานี้ควรที่จะใส่ยาเย็บแผลได้แล้ว”

ไม่ทันได้รู้ตัว จ้าวหลิงยีก็กระทำตามที่กู้หมิงซวงบอกกล่าวอย่างเชื่อฟัง

สาละวนกับแผลอยู่นาน ในที่สุดกู้หย่วนเต้าก็ถูกทำความสะอาดร่างกายจนสะอาดเกลี้ยง นางเฉารีบเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่ให้เขา บาดแผลมีผ้าพันไว้อย่างหนาแน่น สภาพไม่ต่างอะไรกับศพมัมมี่

หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น จ้าวหลิงยีก็จับชีพจรของกู้หย่วนเต้าดู คราแรกสีหน้าท่าทีดูผ่อนคลาย ยามถัดมากลับมีสีหน้าเครียดเกร็ง

เมื่อเห็นสีหน้าดังกล่าวของจ้าวหลิงยี หัวใจของกู้หมิงซวงพลันหล่นวูบ

ตามทฤษฎีแล้วการที่โลหิตของกู้หย่วนเต้าหยุดไหล นั่นหมายถึงว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แล้วกระไร…..

ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น จ้าวหลิงยีก็หดมือกลับ กล่าวพร้อมคิ้วที่ขมวดมุ่น “กู้เจ้าสามปลอดภัยแล้ว หากได้พักฟื้นสักครึ่งเดือน และบาดแผลไม่ติดเชื้อ ก็จะหวนกลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ว่า…..เส้นเลือดบริเวณมือของกู้เจ้าสามขาด มือคู่นี้อาจจะใช้การมิได้อีก”

นางเฉาและกูเหวินจูนโล่งใจในคราแรก กระทั่งได้ยินประโยคหลัง ใบหน้าก็พลันซีดขาว

นางเฉาทิ้งตัวคุกเข่าบนพื้น กอดขอจ้าวหลิงยี พร้อมกล่าวอย่างร้อนใจ

“จ้าวหลิงยี ข้ารู้ท่านคือหมอเทวดาแห่งหมู่บ้านต้าเฉียว ผู้ใดเจ็บป่วยต่างก็ให้ท่านรักษา ครอบครัวของข้ายังต้องพึ่งพาท่านพี่ ได้โปรดช่วยเมตตารักษาท่านพี่ของข้าด้วยเถอะ”

“เฮ้อ แม่เฉา มิใช่ข้าไม่อยากช่วยเขา เอาเป็นว่า…..ข้าจะบอกพวกเจ้าตรงๆแล้วกัน กู้เจ้าสามได้รับบาดเจ็บตรงเส้นประสาทมือ การแพทย์ของข้ายังอ่อนด้อย มิสามารถรักษาได้จริงๆ หรือแม้นข้าจะรักษาได้ หยูกยาที่ใช้ในการต่อเส้นประสาทก็มีมูลค่าสูงเสียยิ่งกระไร ชาวบ้านตาดำๆเยี่ยงเรามิอาจเอื้อมหรอก……”

กู้หมิงซวงเข้าใจเป็นอย่างดี ครอบครัวที่มีสภาพยากแค้นแสนเข็ญเฉกเช่นตระกูลกู้ ไม่มีปัญญาเอื้อมถึงยารักษาที่มีมูลค่าขนาดนั้นแน่

นางเฉาปล่อยมือลงข้างลำตัว ทรุดนั่งบนพื้นอย่างสิ้นหวัง

จ้าวหลิงยีมองมาที่นางเฉาอย่างช่วยอะไรไม่ได้ จากนั้นก็หันมาโบกมือปฏิเสธค่ารักษาที่กู้เหวินจูนยื่นมาให้ หยิบหีบยาขึ้นมาแล้วหันหลังเดินจากไป

เรื่องที่กู้เจ้าสามได้รับบาดเจ็บ แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านต้าเฉียวภายในไม่ถึงครึ่งวัน

ชาวบ้านต่างรู้กันพร้อมเพียงว่ากู้เจ้าสามได้รับบาดเจ็บสาหัส จนมือทั้งสองข้างพิการ ชีวิตหลังจากนี้คงทำได้เพียงอาศัยอยู่ในเรือนหลังเก่าๆ ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้อีก

แต่ก่อนแต่ไรกู้เจ้าสามขายภาพวาดหาเลี้ยงท้องเลี้ยงไส้ตระกูลกู้ ถึงกระนั้นวันแต่ละวันก็ยังดำเนินไปอย่างแสนเข็ญ หลังจากนี้ทั้งครัวคงต้องไม่มีอันจะกินเป็นแน่

ภายใต้ค่ำคืนอันมืดเสียงฟ้าคำรามดังขึ้นมาเป็นระยะ สายฟ้าผ่าแทรกท้องนภา ราวกับจะแยกภูเขาออกจากกัน

สายฝนห่าใหญ่ กลืนกินหมู่บ้านต้าเฉียวไว้ทั้งหมู่บ้าน

นางเฉานั่งบนตั่งในห้อง เย็บผ้าไปพลาง ปาดน้ำตาไปพลาง

ส่วนกู้เหวินจูนก็นั่งอยู่ข้างๆมารดา เครื่องหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยความเศร้าหมอง

เรือนหญ้าฟางหลังนี้ ยามสภาพอากาศแจ่มใสก็ยังพออยู่ได้ ทว่าเมื่อใดฝนกระหน่ำ สายลมพัดพาเข้ามาทุกทิศ ก็มักจะมีหยาดน้ำฝนรั่วซึมตามหลังคาไม่หยุดไม่หย่อน

กู้หมิงซวงเดินมานั่งลงข้างกายนางเฉาเงียบๆ

เมื่อนางเฉาเห็นนาง ก็รีบขยับดึงนางมานั่งใกล้ๆ พร้อมถามไถ่อย่างเป็นห่วง “ซวงเอ๋อร์ ไยเจ้าจึงไม่นอน? หรือเจ้ากลัวฟ้าผ่า?”

อดีตกู้หมิงซวงเคยเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ร่างกายจึงอ้วนตุ๊บตั๊บเพราะไม่ชอบขยับร่างกาย วันวันหนึ่งเอาแต่กินกับนอน

“ข้าเป็นห่วงท่านพ่อ เลยนอนไม่หลับ”

กู้เหวินจูนรู้เรื่องที่นางเลิกปัญญาอ่อนแล้ว แต่ขณะนี้เรื่องบาดเจ็บของกู้เจ้าสามเข้ามาปกคลุม ทั้งบ้านจึงอึมครึม ไม่มีผู้ใดมีกระจิตกระใจมายินดีที่สติปัญญาของนางกลับมาเป็นปกติ

“ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะเลิกไปสำนักวิชา จะได้ประหยัดเงินมาไว้รักษาท่านพ่อ”

“พูดกระไรของเจ้า เจ้าต้องสอบบัณฑิต จะไม่ไปร่ำเรียนได้เยี่ยงไร?”นางเฉาเอ่ยอย่างร้อนใจ

กู้เหวินจูนก้มหน้าลง กล่าวอย่างยอมแพ้กับตนเอง “ต่อให้ข้าร่ำเรียนไป ก็คงสอบไม่ติด……”

นางเฉาได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยนเป็นสะอื้น

“อย่างไรเจ้าก็ต้องร่ำเรียนต่อไป หลังจากนี้แม่จะนำงานเย็บปักถักร้อยไปให้น้าโจวของเจ้า ให้นางช่วยซื้อ เยอะๆ จะได้เอามาเป็นค่ารักษาและค่ายาของพ่อเจ้า หากยังไม่พอใช้ ข้าก็จะไปยืมเงินลุงเจ้าในเมือง พ่อเจ้ารักการวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ จะให้มือพ่อเจ้าพิการมิได้เด็ดขาด ต่อให้ต้องทุบหม้อแลก ข้าก็จะรักษาพ่อเจ้าให้หาย”

ทั้งสองคนตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ามันจะยากเย็นสักเพียงใด ก็ต้องรักษากู้หย่วนเต้าให้จงได้

แต่อนิจจา กู้หมิงซวงมองสภาพบ้านเก่าทรุดโทรมตรงหน้า แล้วนึกถึงข้าวก้นถังในครัว ในใจพูดได้คำเดียวเลยว่า ยาก!

แต่ต่อให้ยาก นางก็จะรักษาบิดาผู้รักนางด้วยใจจริงให้หายจงได้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel