บทย่อ
พอลืมตาขึ้น กู้หมิงซวงพบว่าตัวเองกลายเป็นยัยอ้วนบ้านนอกที่ถูกถอนการแต่งงานอย่างอนาถใจ พอเห็นชีวิตที่ยากจนค่นแค้น บิดาป่วยหนักอยู่บนเตียง มารดาอ่อนอกไร้สามารถ ญาติครอบครัวมีเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งไม่เว้นแต่ละวัน ใครๆต่างก็เอ่ยว่าครอบครัวกู้หมิงซวงจบเห่เป็นแน่ แต่ใครจะรู้ว่า กู้หมิงซวงยัยอ้วนบ๊องคนนั้นกลับพาทั้งบ้านบุกเบิกทำไร่ทำนา ล่าสัตว์เก็บสมุนไพร เปิดร้านค้า ทำอาหารขาย...... พอเห็นว่าชีวิตเริ่มดีขึ้น มีคนเอ่ยอีกว่า:ก็ยังเป็นยัยอ้วนไม่มีใครเอาอยู่ดี!วันถัดมากู้หมิงซวงก็ตกผู้ชายมาแต่งงานด้วยเลย เดิมคิดว่าเป็นไอ้หนุ่มจนๆ ไม่คาดว่าจะกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้มีอำนาจล้นฟ้า โปรดปรานรักนางอย่างมีเกียรติ ให้เป็นขวัญตาของผู้คน
บทที่ 1 คู่หมั้นไร้ใจ
“อีอ้วน ไม่อยากถอนหมั้นงั้นหรือ? ฝันเอาเถอะ!”
กู้หมิงซวงถูกถีบเข้าที่บั้นท้ายจนกลิ้งหลุนๆ หัวไปกระแทกกับขอบประตูเข้าอย่างจัง
ความเจ็บพลันแล่นแปล็บ จนกู้หมิงซวงหน้ายับยู่ยี่ไปหมด
ในขณะที่กำลังมึนเบลออยู่นั้น ใบหน้าดุดันแข็งกร้าวของใครบางคนก็ปรากฏเข้ามาในกรอบสายตาของนาง สายตาคู่นั้นราวกับจะเชือดเฉือนนางทั้งเป็นอย่างไรอย่างนั้น
“จิ้นหยวนหลานของข้าเป็นถึงถงเซิง เป็นผู้มีการศึกษาเพียงหนึ่งเดียวในหมู่บ้าน สมควรไปได้ดิบได้ดีในเเส้นทางข้างหน้า! ไยเจ้าไม่หัดดูสภาพตัวเองเสียบ้าง เป็นได้แค่อีอ้วนหน้าเขรอะ ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดขี่เหร่เท่าเจ้าแล้ว!”
เสียงกระแทกแดกดันดังบาดหูจนในหัวของกู้หมิงซวงอื้ออึงไปหมด
ถอนหมั้น?
เธอเป็นถึงมือฉมังในด้านการแพทย์และการใช้พิษในศตวรรษที่ 21 เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในดงดาบและมรสุมลูกธนูมาแล้วนับไม่ถ้วน
อย่าว่าแต่คู่หมั้นเลย แม้แต่จับมือกับบุรุษสักคนนางยังไม่เคย จักไปถอนมงถอนหมั้นอันใดกัน?
อีกอย่างนางงามล่มเมืองถึงเพียงนี้ ผู้ใดบังอาจมาว่านางขี้เหร่?
อยากตายหรืออย่างไร?
กู้หมิงซวงค้ำขอบประตู พยุงกายลุกขึ้น เมื่อนางเปิดเปลือกตา ประกายทิ่มแทงก็ฉายวาบผ่านทางดวงตาคู่นั้น
“หุบปาก!”
สิ้นคำพูด นางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ยามถัดมาความทรงจำสะเปะสะปะมากมายหลายอย่างพลันจู่โจมเข้ามาในหัวของนางอย่างกะทันหัน
กู้หมิงซวงบุตรสาวผู้โง่เขลาเบาปัญญาของตระกูลกู้แห่งหมู่บ้านต้าเฉียว อายุครบสิบห้าปีพอดี
ไม่เพียงแค่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ ซ้ำยังถูกคู่หมั้นนามว่าสวีจิ้นหยวนขอถอนหมั้นจนตกเป็นที่ขายหน้า
นางผู้ไร้สมองมาขอร้องอ้อนวอนถึงเรือน แต่บุรุษผู้เป็นคู่หมั้นกลับปิดประตูใส่หน้า ซ้ำยังเรียกสวีเฟิงฉินผู้เป็นอามาประทุษร้ายนาง จนเจ้าของร่างเดิมแทบตายทั้งเป็น
เหอะ
หลังจากรำลึกความทรงจำเหล่านี้ได้ กู้หมิงซวงก็พ่นเสียงยิ้มเยาะออกมาทางโพรงจมูก
ปัญญาอ่อนแล้วอย่างไรขี้เหร่แล้วอย่างไร? หากคิดจะมารังแกนางล่ะก็ เก็บเอาไปฝันเสียเถอะ!
สายตาเหลือบเห็นสวีเฟิงฉินยกพลั่วเหล็กขึ้นมาเตรียมฟาดลงบนศีรษะ กู้หมิงซวงจึงรีบพลิกตัวหลบอย่างเร็วไว
“ฮึ! อีนางอ้วน กล้าหลบข้ารึ?”
“อีนางอ้ว?”
สายตาทอดมองไปยังสตรีร้ายกาจผู้มีรูปร่างไม่ได้ต่างจากนางเสียเท่าไหร่ กู้หมิงซวงตีหน้านิ่ง ยื่นมือออกไปแย่งพลั่วมา แล้วฟาดลงที่หน้าของอีกฝ่าย
สวีเฟิงฉินพลันร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันบิดเบี้ยวขึ้นมาในชั่วพริบตา ฟันหนึ่งซี่ที่อาบไปด้วยเลือดตกลงบนพื้น
“อีหมูอ้วน เจ้ากล้าตีข้าเหรอ! เจ้า……”
ไม่รอให้สวีเฟิงฉินกล่าวจบ กู้หมิงซวงก็เคลื่อนตัวไปอยู่ข้างหลังนาง แล้วยกเท้าถีบลงบนหลังของสวีเฟิงฉิน จนนางกลิ้งตกขั้นบันได
สวีเฟิงฉินเคยถูกทำร้ายแบบนี้เสียเมื่อไหร่ ตอนนี้นางนอนหงายท้องหมดสภาพเหมือนตะพาบน้ำ จะลุกขึ้นมาก็ลุกไม่ได้
กู้หมิงซวงเดินลงบันไดไปอย่างเชื่องช้า แล้วปรายตามองอีกฝ่ายจากที่สูง
“เจ้ามันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าเป็นผู้ใหญ่นะ……”
สวีเฟิงฉินเห็นกู้หมิงซวงที่อยู่ตรงหน้าเหมือนมีสองร่างอย่างกับผี นางแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
คนตรงหน้านี้ใช่กู้เอ้อยาผู้ขี้ขลาดจริงๆหรือ?
“ผู้ใหญ่?”
กู้หมิงซวงแสยะยิ้ม วินาทีถัดมาพลันใช้เท้าเหยียบลงที่หน้าสวีเฟิงฉิน
นางตัวหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อลงน้ำหนักที่ปลายเท้า ก็แทบจะบดขยี้ใบหน้าของสวีเฟิงฉินจนแหลกละเอียด
“อย่างเจ้าน่ะหรือเรียกว่าผู้ใหญ่? ข้าถามเจ้าหน่อย ใครกันแน่ที่เป็นอีอ้วน?!”
สวีเฟิงฉินเจ็บจนแทบเป็นลมหมดสติ มิบังอาจอวดดีอีกต่อไป
“ข้าเอง ข้าเองที่เป็นอีอ้วน…..”
แต่ไหนแต่ไรกู้เอ้อยาเป็นคนขี้ขลาด ยอมให้ผู้อื่นกลั่นแกล้งย่ำยีมาตลอด ถึงขั้นยอมกินมูลวัวมูลควายข้างทางเพื่อให้ทุกคนเลิกแกล้ง
แต่บัดนี้อีกฝ่ายกลับทำร้ายนางจนหมดสภาพ สวีเฟิงฉินทั้งโกรธทั้งกลัว
ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจ เหตุใดอีหมูอ้วนถึงได้แข็งข้อขึ้นถึงเพียงนี้?!
ขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มในอาภรณ์สีสดก็เดินออกมาจากเรือนตระกูลสวี
“ท่านอาฉิน เหตุใดยังไม่ขับไล่นางออกไปอีก?”
ทว่าเมื่อเห็นสวีเฟิงฉินอยู่ใต้แทบเท้าของกู้หมิงซวง สีหน้าของสวีจิ้นหยวนก็พลันเปลี่ยน
“กู้เอ้อยา หญิงอ้วนเช่นเจ้า กล้าประทุษร้ายท่านอาของข้าหรือ!”
กู้หมิงซวงเลิกคิ้วขึ้น พร้อมกล่าวเย้ยหยันออกมา “ใช่ เจ้าจะทำอะไรข้า?”
กล่าวจบ นางก็ยิ่งบดขยี้เท้าหนักกว่าเดิม
สวีจิ้นหยวนโกรธหน้าขึ้นเลือด นัยน์อาบย้อมไปด้วยแววโกรธเกลียดและเย้ยหยัน “กู้เอ้อยา เจ้ามันก้าวร้าวไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ข้าจะถอนหมั้นกับเจ้า”
ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่เขาเอ่ยว่าจะถอนหมั้น นังอ้วนกู้หมิงซวงจะรีบเข้ามากอดขาอ้อนวอนไม่ให้เขาถอนหมั้นไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวหนึ่ง
เป็นอันรู้กันว่าเขาเกลียดอีอ้วนหน้าตาอัปลักษณ์นี่มากเพียงใด กระนั้นนางก็ยังจะดึงดันแต่งงานกับเขาให้ได้ เป็นแค่คางคกแต่ริอาจอยากจะครอบครองส์
สวีจิ้นหยวนกล่าวจบก็เชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี รอให้กู้หมิงซวงเข้ามากอดเข่าอ้อนวอนเขาเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง
ในตอนนี้เอง กู้หมิงซวงกลับเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายวาวโรจน์จนผู้อื่นไม่กล้าสบตา
“ถอนก็ถอนเสียสิ พวกหน้าอ่อนใจทรามเช่นเจ้าข้าไม่ต้องการหรอก!”
ไม่รีรอให้เขามีท่าทีตอบกลับ กู้หมิงซวงก็หยิบของหมั้นหมายออกมาจากอกเสื้อปาลงแทบเท้าของสวีจิ้นหยวน
เมื่อเห็นจี้หยกที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น สวีจิ้นหยวนพลันแน่นิ่งไป
“กู้เอ้อยา เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เจ้ากล้าถอนหมั้นกับเข้าหรือ?”
กู้หมิงซวงคร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา จึงเหยียบสวีเฟิงฉินแล้วก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่าย แล้วเดินเฉียดไหล่เขาไป
สวีจิ้นหยวนมองตามแผ่นหลังของกู้หมิงซวงอย่างนิ่งอึ้ง นางยังเป็นนางคนเดิม แต่เขากลับรู้สึกว่านางมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม…..
หรือว่า ทุกอย่างจะเป็นแค่ภาพลวงตา?
อีกด้าน หลังจากที่กู้หมิงซวงเดินออกมาอย่างห้าวหาญ นางก็ตามความทรงจำกลับไปที่ตระกูลกู้
เพียงแต่ว่า ในระหว่างทางนางก็ปวดหัวอย่างรุนแรง จนเป็นลมหมดสติอยู่ข้างทาง
——
หมู่บ้านต้าเฉียวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นฉี เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ใต้เมืองชิงสือ ทุกสารทิศโอบล้อมไปด้วยภูเขาและลำธาร
ชาวบ้านในหมู่บ้านใช้ชีวิตค่อนข้างจะลำบาก
ณ ลานบ้านตระกูลกู้ กู้หมิงซวงนั่งอยู่บนตั่งไม้ด้วยสีหน้าย่ำแย่
เมื่อเห็นบ้านฟางทรุดโทรมที่พร้อมจะถูกลมพัดปลิวได้ตลอดเวลา รวมไปถึงม้านั่งที่ขาหักข้างหนึ่งใต้ต้นพุทรา นางก็แทบจะยอมรับความจริงตรงหน้าไม่ได้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หาใช่ความฝันไม่ นางสลับร่างจริงๆ ซ้ำยังสลับมาอยู่ในร่างของสตรีอ้วนท้วมในหมู่บ้านชนบทเช่นนี้อีก
ไม่เพียงแค่อ้วนและขี้เหร่อย่างเดียว หัวสมองก็มีปัญหาด้วย
ราวกับว่าเกิดมาก็เป็นคนโง่เขลาแล้ว
ยังดีที่บิดามารดาต่างก็รักนาง โอบอุ้มดูแลจนนางเติบโตมาเป็นอย่างดี แถมยังหาคู่หมั้นหมายให้นางเสร็จสรรพ——นั่นก็คือสวีจิ้นหยวนที่ประทุษร้ายเจ้าของร่างเดิมในวันนี้นั่นแล
กล่าวกันตามตรงไม่มีคนปกติที่ไหนอยากแต่งภรรยาที่ทั้งขี้เหร่และโง่เขลาเข้าเรือนหรอก แต่ที่น่าขันก็คือ การแต่งงานในครานี้กลับเป็นตัวสวีจิ้นหยวนเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายอยากแต่งเสียเอง