บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 ออกล่า หาเงิน!

ดวงตาของกู้หมิงซวงล่อกแล่กไปมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องหลังจากนี้หรอก สวีจิ้นหยวนสอบติดซิ่วฉายแล้วอย่างไร? ซิ่วฉายก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในที่ว่าการอำเภอนี่”

“แล้วถ้าหากเขาสอบติดจวี่เหรินล่ะ?”(จวี่เหริน ผู้ที่สอบติดตำแหน่งบัณฑิตระดับชุมชน)

นางเฉาว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม

ในแคว้นฉี ซิ่วฉายมิอาจเข้ารับข้าราชการได้ อย่างมากก็แค่หาเงินมาสร้างสถานศึกษาส่วนตัว มีกินมีใช้ไปทั้งชาติ สุขสบายกว่าชีวิตในชนบทเป็นไหนๆ

ซึ่งจวี่เหรินแตกต่างออกไป หากผู้ใดสอบติดจวี่เหริน จักสามารถเข้ารับราชการเป็นขุนนางได้ หากโชคดี จักได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง ดีไปกว่านั้น คือถูกส่งตัวไปประจำการในแต่ละท้องที่

ซึ่งในสายตาของผู้คนในชนบทแล้ว ขุนนางท้องถิ่นเปรียบดั่งเทพแห่งสวรรค์

เพียงแค่ขุนนางท้องถิ่นกระทืบเท้า ท้องนภาก็สามารถถล่มได้ทุกเมื่อ

นางเฉากลัว ว่าหากสวีจิ้นหยวนแค้นฝังใจมากเพียงใด ก็ยิ่งแก้แค้นพวกเขาอย่างเจ็บแสบมากเพียงนั้น

กู้หมิงซวงไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดกับการที่นางเฉาตื่นตูมไปก่อนเช่นนี้

นางจึงเอ่ยพูดอย่างจนใจ “ในกรณีที่แย่ที่สุด หากวันนี้เราไม่ทำอะไรเลย มัวแต่เกรงกลัวฝ่ายนั้น ของมีค่าทุกอย่างภายในบ้านก็คงถูกแย่งเอาไป เช่นนั้นแล้วท่านแม่คิดว่าท่านพ่อยังจะรอดอยู่ไหม?”

คำพูดของกู้หมิงซวงเปรียบดั่งหมุดปักลงกลางใจของนางเฉา จนนางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง

กู้เหวินจูนพยักหน้าเห็นด้วย “ซวงเอ๋อร์พูดถูก หากวันนี้เราไม่ทำเยี่ยงนี้ มัวแต่รอให้สวีจิ้นหยวนมาจัดการ ป่านนี้คงถูกพวกเขาพังบ้านจนดับอนาถไปแล้ว”

นางเฉาก้มหน้าลงเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงพูดอันใดออกมาอีก

“จริงสิ บุรุษบาดเจ็บผู้นั้น……”

กู้หมิงซวงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าพาบุรุษผู้หนึ่งกลับมาที่เรือนด้วย

นางรีบเดินเข้ามาดูในเรือน เมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกมา

กู้หมิงซวงไม่ได้สังเกตเลยว่า วินาทีที่นางเปิดประตูออกไป ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเสื่อพลันเปิดเปลือกตาคมกริบขึ้นมา

กู้หมิงซวงนั่งลงข้างๆนางเฉา พร้อมเอ่ยถามว่าในบ้านเหลือเงินและของมีค่ารวมไปถึงยารักษาผู้เป็นพ่ออยู่เท่าไหร่

ไม่ถามก็ไม่รู้ แต่พอได้รู้เท่านั้นแล นางพลันตกใจ

ยิ่งเมื่อฟังมาถึงช่วงท้ายๆ สีหน้าของกู้หมิงซวงก็ยิ่งย่ำแย่ นางคิดมาตลอดว่าถึงแม้ครอบครัวของนางจะจน แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีเหลือเก็บไว้บ้าง

ใครเล่าจะไปคาดคิด ว่านางเฉาจะตอบกลับมาว่าจะเหลือไม่ถึงสองตำลึง

หากนำเงินสองตำลึงไปซื้อข้าวเปลือก อาจจะพอประทังชีวิตได้สักระยะ แต่หากนำไปซื้อยูกยา ก็แทบจะไม่พอเลยด้วยซ้ำ

กู้หมิงซวงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มืออวบอ้วนกำเข้าหากันแน่น ทั้งยังรำพึงรำพันในใจว่า

คงต้องเริ่มหาเงินเสียแล้ว!

เมื่อเห็นนางเฉามีสีหน้ากลัดกลุ้มอมทุกข์ กู้หมิงซวงก็กล่าวว่า “ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ช่วงบ่ายข้าจะกลับเข้าไปในป่าอีกครา เผื่อจะเก็บสมุนไพรมาขายได้อีก”

เพราะต้องช่วยบุรุษผู้นั้นในช่วงเช้า จึงไม่ได้อะไรกลับมาด้วย กู้หมิงซวงจึงหงุดหงิดเล็กน้อย

นางเฉารีบเอ่ยพูด “แม่ขอไปกับเจ้าด้วย”

“อย่าดีกว่า เดี๋ยวไม่มีคนดูแลท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ดูแลท่านพ่อที่นี่เถอะ แล้วก็ท่านพี่ อีกสองวันต้องไปร่ำเรียนที่สำนักวิชา เราเสียเงินค่าเล่าเรียนไปแล้ว หากท่านพี่หยุดกลางคัน เงินนั้นก็คงสูญเปล่า”

ท่าทีของกู้หมิงซวงดูแข็งแกร่ง คำพูดคำจาเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้โต้แย้งเลย

บ่ายคล้อย กู้หมิงซวงกินหมั่นโถวสองลูกจนอิ่ม ถึงได้ออกเดินทางเข้าไปในป่า

เพียงแต่ว่า เส้นทางที่นางจะไปไม่ใช่ภูเขาลูกนั้นที่นางเพิ่งไปกับกู้เหวินจูนเมื่อเช้าตรู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel