บทที่ 3
บทที่ 2
แสนขวัญกลับเข้าบ้านเมื่อเวลาล่วงเข้าไปตีสามกว่าจวนจะตีสี่ ร่างบางเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย งานเลี้ยงรุ่นประจำปีไม่ได้ทำให้หญิงสาวสนุกแม้แต่นิดเดียว
พอเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นขวัญข้าวนั่งอ่านหนังสือรออยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่ทันได้เอ่ยทักน้องสาว ก็ถูกอีกฝ่ายเอ่ยถามซะก่อน
“พี่แสน กลับมาแล้วหรือคะ งานเลี้ยงรุ่นไม่สนุกหรือคะ พี่แสนถึงทำสีหน้าเหนื่อยๆ”
แสนขวัญทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกัน ส่ายหน้ารับช้าๆ เอ่ยตอบกลับอย่างอ่อนล้าเต็มที
“ไม่เลย...ข้าว พี่ไม่สนุกเลย และเหนื่อยมากด้วย นอกจากจะจำใครไม่ได้แล้ว ยังถูกเนตรลากให้ไปถ่ายรูปกับคนโน้นที คนนี้ที จนพี่แทบไม่ได้นั่งพักหายใจ”
“เพื่อนๆ คงคิดถึงพี่แสนมั้งคะ และรู้ว่าพี่แสนเพิ่งหายจากการบาดเจ็บ พวกเธอถึงได้ขอถ่ายรูปกับพี่แสน” ขวัญข้าวเอ่ยยิ้มๆ เพราะคิดว่าเป็นเช่นนั้น
แต่! แสนขวัญกลับปฏิเสธ “พี่ไม่ได้ถ่ายรูปกับเพื่อนผู้หญิงเลยสักคน เนตรลากพี่ไปถ่ายกับเพื่อนผู้ชาย บางคนโอบแขนมาบนบ่า บ้างก็กอดพี่ด้วย ซึ่งพี่ไม่ชอบเอาซะเลย”
ในขณะแสนขวัญบ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ขวัญข้าวกลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งหนึ่งปีได้พบหน้ากันที ก็ถ่ายรูปร่วมกันเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
“คงไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพื่อนกันทั้งนั้นเลย พี่แสนอย่าคิดมากเลยนะคะ เดี๋ยวพลอยทำให้ปวดหัวอีก” ขวัญข้าวเอ่ยปลอบให้พี่สาวสบายใจ
แสนขวัญพยักหน้า แต่ก็อดขบคิดเรื่องของเนตรทรายไม่ได้ และเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย
“ข้าว...ก่อนพี่จะความจำเสื่อม พี่กับเนตรทรายสนิทกันมากเลยหรือจ๊ะ”
“สนิทกันมากเลยค่ะ พี่กับพี่เนตรมักจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันบ่อยๆ สโลแกนของพวกพี่คือสองสาวท่องโลก เห็นพี่เนตรที่ไหน ก็ต้องเห็นพี่แสนที่นั่นด้วย เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตาย ก็ไม่ผิดค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรือข้าว”
แสนขวัญเลิกคิ้วถาม ไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะสนิทกับเนตรทรายถึงเพียงใด เพราะตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นอยู่เลย
ขวัญข้าวพยักหน้ารับคำพูด “ใช่แล้วค่ะ พี่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน แทบตายแทนกันได้ ตอนพี่แสนถูกรถชน พี่เนตรเป็นคนแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พี่เนตรตามไปโรงพยาบาล ร้องไห้เฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียู พอรู้ว่าพี่แสนเอ่อ...แท้งลูก พี่เนตรร้องไห้จนเป็นลมพับไปเลยค่ะ”
ในตอนท้ายขวัญข้าวเอ่ยบอกด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้ว่าคำพูดที่เกี่ยวกับ ‘ลูก’ จะกระทบกระเทือนจิตใจของพี่สาว และก็เป็นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อดวงตาคู่สวยของแสนขวัญมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเบ้า
“พี่อยากให้ความจำกลับคืนมาเร็วๆ พี่จะได้รู้ว่าพี่กับเนตรทรายนั้นสนิทกันมากเพียงใด และเป็นความจริงเหมือนที่ข้าวพูดหรือเปล่าว่า เนตรทรายรักพี่จนแทบตายแทนกันได้”
แสนขวัญพยายามหลีกเลี่ยงไม่คิดถึงเรื่องลูกในท้องที่สูญเสียไป ขณะเดียวกันก็ยังกังขาเกี่ยวกับเนตรทรายอยู่มาก
ขวัญข้าวเอื้อมไปจับมือเล็กของพี่สาวมากุมไว้ พร้อมกับเอ่ยปลอบไปในตัว
“พี่แสนใจเย็นๆ นะคะ ข้าวเชื่อว่าสักวันความทรงจำของพี่แสนจะกลับคืนมาอย่างแน่นอนค่ะ”
แสนขวัญพยักหน้ารับคำปลอบประโลมจากน้องสาว พลันนั้นก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยถามน้องสาวในทันที
“เมื่อตะกี้ข้าวบอกว่าพี่กับเนตรทรายไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ถ้ายังงั้นพี่ก็ต้องถ่ายรูปในประเทศต่างๆ เก็บไว้มากมาย หากได้ดูรูปเหล่านั้นอาจจะช่วยกระตุ้นความจำของพี่ได้”
“จริงด้วยสิ ข้าวลืมเรื่องนี้เสียสนิทเลย” ขวัญข้าวเบิกตากว้างขณะเอ่ยออกมา เธอลืมเรื่องนี้ซะสนิทใจ “ทริปล่าสุด พี่แสนกับพี่เนตรไปเที่ยวตามรอย เส้นทางสายไหมหนึ่งเดือนเต็มเลยนะคะ”
“พี่ไปประเทศไหนบ้าง ข้าวรู้ไหม”
“รู้สิค่ะ เพราะข้าวเป็นคนหาข้อมูลจะไปเที่ยวกับพวกพี่ แต่! ก็ถูกบอสสั่งด่วนให้ไปดูงานในอเมริกา ข้าวก็เลยอดไปกับพวกพี่”
ขวัญข้าวยังเสียดายไม่หาย ที่ไม่ได้ไปเที่ยวตามรอยเส้นทางสายไหมดั่งที่ตั้งใจไว้ จากนั้นก็เอ่ยบอกถึงประเทศที่สองสาวได้เดินทางไปท่องโลกด้วยกัน
“อิหร่าน อุซเบกิซสถาน ตุรกี อาร์เมเมีย และประเทศจอร์เจีย คือประเทศที่พวกพี่ไปเที่ยวกันค่ะ เป็นทริปที่น่าตื่นเต้นที่สุด ถึงทุกวันนี้ ข้าวก็ยังเสียดายไม่หาย ที่ไม่ได้ไปด้วย”
“กล้องถ่ายรูปพี่อยู่ไหน พี่ชอบถ่ายรูป พี่มั่นใจว่าพี่ต้องถ่ายรูปไว้มากมาย”
แสนขวัญเอ่ยถามรัวเร็ว แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงเพราะความงุนงง เมื่อจู่ๆ ขวัญข้าวตะโกนลั่นถลาเข้าจับตัวเธอเขย่าด้วยความดีใจ
“พี่แสน! พี่เริ่มจำได้แล้ว ใช่แล้วค่ะ พี่แสนชอบถ่ายรูปมากๆ แต่ละทริปที่พี่แสนไปเที่ยว มีรูปเก็บไว้ในเมมโมรี่การ์ดเป็นพันๆ รูปเลยนะคะ”
ยิ่งได้ยินน้องสาวพูดเช่นนั้น ยิ่งทำให้แสนขวัญอยากเห็นภาพที่ตนเองได้ถ่ายบันทึกไว้
“ไปเอากล้องถ่ายรูปมาให้พี่เดี๋ยวนี้”
“ค่ะพี่แสน เดี๋ยวข้าวไปหยิบมาให้ค่ะ”
ขวัญข้าวเดินเร็วๆ ตรงไปยังตู้โชว์ตั้งอยู่มุมห้องภายในห้องนั่งเล่น แล้วหยิบกล้องถ่ายรูปมายื่นให้กับพี่สาว พร้อมกับบ่นไปด้วยว่า
“พอดีพี่เนตรยืมกล้องไปใช้ช่วงที่พี่แสนอยู่ในโรงพยาบาล เพิ่งเอามาคืนเมื่อเดือนที่แล้ว ข้าวยังไม่ได้เช็คดูเลยว่ามีแบตเตอรี่เหลืออยู่หรือเปล่า”
“ขอบใจมากข้าว”
แสนขวัญเอื้อมมือไปรับกล้องถ่ายรูปมาถือไว้ หลุบสายตามองอยู่ชั่วครู่ พลางออกปากให้น้องสาวไปนอน
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าวไปนอนก่อนเถอะ”
“แล้วพี่แสนล่ะคะ” ขวัญข้าวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ขอดูรูปในกล้องสักพักก่อน แล้วพี่จะตามไปนอนนะ”
“ก็ได้ค่ะ ถ้ายังงั้นข้าวไปนอนก่อน พี่แสนอย่าลืมกินยาก่อนนอนด้วยนะคะ”
“พี่ไม่ลืมหรอกจ้ะ ไปนอนนะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก”
“ค่ะ พี่แสน”
ขวัญข้าวลุกขึ้นไปโอบกอดพี่สาว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน ยอมรับว่าตอนนี้ง่วงนอนจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
แสนขวัญถอนหายใจลึกขณะมองตามร่างของน้องสาวที่เดินเข้าไปในห้องนอนแล้ว ใช่ว่าเธอจะไม่ง่วงนอน แต่เพราะกลัวฝันร้ายจะตามมาหลอกหลอนเหมือนทุกค่ำคืนที่ผ่านมา จึงอดทนต่อสู้กับความง่วง ความเหนื่อยให้ถึงที่สุด อีกทั้งยังอยากดูภาพถ่ายในกล้องที่ถืออยู่ในมือ ว่าเธอกับเนตรทรายไปเที่ยวในประเทศใดบ้าง และภาวนาให้มีภาพถ่ายของใครสักคน ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของน้ำเสียงที่เค้นด่าเธอ อยู่ในกล้องตัวนี้ด้วย
“เราไปเที่ยวกับเนตรทรายจริงหรือนี่”
แสนขวัญพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อกดเลื่อนดูภาพถ่ายในกล้อง พอเห็นภาพที่ตนเองกับเนตรทรายถ่ายรูปตรงป้ายบอกทางไปขึ้นเครื่องบิน ก็เอ่ยออกมาว่า
“อิหร่าน เราตามรอยเส้นทางสายไหม เริ่มจากประเทศอิหร่าน”
ขณะเอ่ยพูดกับตัวเองอยู่นั้น มือเล็กก็กดเลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ ด้วยความอดทน และคงใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะดูภาพหมด เพราะมีภาพถ่ายในกล้องเกือบห้าพันภาพด้วยกัน
แม้เริ่มอ่อนล้า ดวงตาปรือแทบลืมไม่ขึ้น แต่กระนั้นแสนขวัญก็ยังเปิดดูภาพถ่ายไม่มีหยุด เริ่มตั้งแต่จากประเทศอิหร่าน ไล่มาเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่เธอไปเที่ยวกับเนตรทราย กระทั่งมาถึงประเทศสุดท้ายคือประเทศจอร์เจีย ก็ต้องสะดุดอยู่กับภาพๆ หนึ่ง ซึ่งเธอถ่ายภาพร่วมกับใครบางคน
“เราถ่ายรูปกับใคร เราซบไหล่ของใครกัน”
เกิดคำถามขึ้นมาหลังจากได้ดูภาพดังกล่าว ซึ่งเป็นภาพที่เธอนั่งซบไหล่กว้างของผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อชมความงดงามของดวงอาทิตย์ในยามพลบค่ำด้วยกัน
ทว่า...น่าเสียดายยิ่งนักที่ไม่เห็นใบหน้าของเจ้าของไหล่กว้างแข็งแกร่ง ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจของแสนขวัญตามมามากมาย
“หรือว่า...เขาคือคนที่เราฝันถึงในทุกคืน”
เอ่ยถามตัวเองไปแล้ว แสนขวัญก็กดเลื่อนดูภาพต่อ มือเล็กสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หวังว่าจะมีภาพใบหน้าของชายผู้นี้อยู่ในกล้องถ่ายรูปของเธอ เพื่อไขปริศนาที่ปกคลุมอยู่ทั่วตัวให้คลายลงได้บ้าง
แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเลื่อนดูภาพจนครบทุกภาพแล้ว ไม่มีภาพใบหน้าของผู้ชายคนนี้แม้แต่ภาพเดียว
แสนขวัญวางกล้องถ่ายรูปลงบนหน้าตัก หัวสมองคิดทบทวนจากการดูภาพถ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในประเทศอิหร่าน อุซเบกิสถาน หรือตุรกี ไม่มีภาพที่เธอถ่ายคู่กับผู้ชายแม้แต่ภาพเดียว
ยกเว้น...ในประเทศจอร์เจีย ซึ่งมีภาพดั่งกล่าวชวนให้สงสัย ทำให้ตัดสินใจว่าควรไปเยือนประเทศจอร์เจีย เพื่อค้นหาคำตอบให้กับตัวเองว่าผู้ชายคนนี้คือใครกัน และไม่แน่ว่าการเดินทางไปประเทศจอร์เจีย ตามรอยเส้นทางการท่องเที่ยวของตนเองในก่อนหน้านี้ อาจช่วยให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมาก็เป็นไปได้...