5 นักเขียนที่ บก. เอียน
ถ้าบอกก็คงไม่สนุกสิคะ”
“ผมจะติดตามครับ ขอบคุณมาก ผมชื่อดรณ์”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
สาวสวยพูดคุยไปตามมารยาทเท่านั้นแต่ก็ทำให้ดรณ์ปลื้มจนยิ้มไม่หุบ เดินกอดหนังสือนวนิยายเล่มนั้นเอาไว้แน่น ผ่านชายคนเมื่อครู่ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่ไม่ได้ทักทาย เดินเลยออกไปด้านนอกจนถึงลานจอดรถ
ชายคนนั้นเดินตามดรณ์ออกมาเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้านและก็เห็นผู้ที่เรียกตัวเองว่าหมาวัด ขับรถยุโรปป้ายแดงราคาหลายล้านผ่านหน้าไป
“คุณน้องภาวีขา เล่มหน้าพี่ขอเหมือนเดิมอีกนะคะ แต่ให้พระเอกค่อนข้างซาดิสม์เพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง”
พีชบีบเสียงเล็กเสียงน้อย ของานจากภาวีที่มาเยือนสำนักพิมพ์ ด้วยความหวังที่ว่าจะได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี ทว่ากลับหน้าม้าน อารมณ์พุ่งปรี๊ดทันที เมื่อภาวีปฏิเสธสวนกลับมาอย่างสิ้นเยื่อใย
“ไม่ เบื่อที่จะเขียนแบบเดิม ๆ”
“อ้าว ! ทำไมล่ะคะ ในเมื่อขายได้และพิมพ์ซ้ำ ภาวีก็ได้เปอร์เซ็นต์อีก”
“ภาวีอยากเปลี่ยนแนวบ้าง เขียนประมาณชีวิตหนัก ๆ พระเอกตายตอนจบ”
“ว้าย ! อย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาดค่ะ ทุกเรื่องพระเอกกับนางเอกจะต้องอยู่ครบและแฮปปี้เอนดิ้งนะจ๊ะ ถ้าตายแบบนั้น เจ๊งแน่ ๆ ขายไม่ออกหรอก”
พีชเริ่มเสียงเข้มกว่าเดิม เมื่อรู้ว่านักเขียนชื่อดังพยายามฉีกแนว ไม่ทำตามที่ต้องการ ต่างจากนักเขียนท่านอื่น ยินดีทำตามสำนักพิมพ์ทุกอย่าง
“แต่มันน่าเบื่อ เอาเป็นว่าภาวีขอพักก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน พักในที่นี้หมายความว่ายังไง ไม่เขียนให้ที่นี่อีกแล้วใช่ไหมคะ น้องภาวี ว้าไปซะแล้ว นี่พวกเธอ มองอะไรยะ ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”
“ค่ะๆ ขอโทษ”
“เพราะยายแมลงหวี่คนเดียว ฮึ ถือว่าดัง สำนักพิมพ์จะต้องง้อ เอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้ เดี๋ยวก็ไม่มีที่ไป”
พีชหงุดหงิดจนกลายเป็นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อรู้ว่าไม่สามารถที่จะควบคุมภาวีให้ทำตามที่ต้องการ ขณะหันรีหันขวางอยู่นั่นเองเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พีชหยิบขึ้นมาดู ถลึงตาใส่แต่ก็สร้างความประหลาดใจให้แก่ลูกน้อง เมื่อได้ยินเสียงพูดอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ น้องภาวี ขอพักร้อนก่อนหรือคะแล้วจะเขียนให้ ดีค่ะ ไม่เป็นไร ทางนี้รอได้ ค่ะ เที่ยวให้สบายใจนะคะ สวัสดี ฮึ สงสัยผีออกแล้วมั้ง กลับใจมาเขียนแบบเดิม”
“อย่างนี้พี่ก็สบายใจแล้วสิคะ”
“ย่ะ อย่างน้อยก็รู้ว่าแม่แมลงหวี่ยังเขียนงาน ไม่ได้ทิ้งไปไหน ฝีมือดี แต่นิสัยเหลือทน เอาแต่ใจตัวเอง”
หลังจากตำหนิต่อนิสัยแย่ ๆ ของนักเขียนชื่อดังไปชั่วครู่ สุดท้ายก็ต้องปิดปากสนิท เมื่อเห็นเจ้าของสำนักพิมพ์เข้ามา พนักงานทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงาน รู้สึกเกร็งเวลาที่เจ้านายมาคุม กลัวถูกกล่าวหาว่าอู้งาน แม้แต่พีชก็เช่นเดียวกัน รีบเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยใจเต้นระทึก ต่างจากเมื่อครู่เดินเกร่ไปเกร่มาและสั่งงานลูกน้อง เมื่อเจอเจ้านายตัวเอง พีชไม่กล้าเสียงดัง ทั้งที่เจ้านายไม่ดุและมีบุคลิกน่าเกรงขาม สมกับเป็นผู้มีบุญมาเกิด
ดรณ์ถือหนังสือเข้ามาในบ้านอย่างมีความสุข ปลื้มใจมากที่สุดที่ได้พูดคุยกับภาวี นางในดวงใจ วันนี้แอบถ่ายรูปเธอเอาไว้พอสมควร ตั้งใจเอาไว้ว่าจะขยายใหญ่ติดกับผนังในห้องนอน ไม่ว่าอยู่มุมไหนจะได้มองเห็น
ความสุนทรีในอารมณ์ถูกทำลายเมื่อผ่านตะวันหลานชายที่เพิ่งเรียนจบ รูปร่างหน้าตาดีแต่ทำตัวเป็นหนุ่มมาดเซอร์ โดยเฉพาะผมที่เริ่มยาว บัดนี้ยุ่งเหยิงราวกับไม่ได้หวี
“น้าดรณ์ ยิ้มหวานเชียว เอ สงสัยจะเจอของดี”
“ใช่ นี่ไง นวนิยายเล่มใหม่ของคุณภาวี สนุกมาก”
“ผมไม่รู้จักหรอกครับ ไม่ชอบอ่านแบบนี้ ถ้าเป็นเพลงร็อกหรือสถานที่เที่ยวสำหรับวัยรุ่น ถามมาเถอะ ผมรู้”
“นายตะวัน พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว เรียนจบมาเกือบครึ่งปี ทำไมไม่ทำงานเสียที เอาแต่เที่ยวอยู่นั่นแหละ”
จู่ ๆ เปลี่ยนอารมณ์ดีกลายเป็นเข้มได้อย่างรวดเร็ว ตะวันอ้าปากหวอ คิดไม่ถึงว่าน้าชายจะวกเข้ามาเล่นงานในเรื่องไม่ยอมช่วยงานในโรงพิมพ์ซึ่งแม่เขามีหุ้นอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์แต่ปล่อยให้ดรณ์บริหารงานแต่เพียงผู้เดียว ส่วนแม่ไปอยู่ภาคเหนือกับบิดา ดูแลโรงงานเซรามิก นาน ๆ ถึงจะลงมาหาเขาสักครั้ง