6 ตะวันหนุ่มหล่อมาดกวน
“เอาเชียวแหละ พูดเรื่องนี้ทำเป็นโกรธ เอาน่า ขอเที่ยวให้อิ่มก่อน แล้วจะช่วยอย่างชนิดที่เรียกว่าน้าอ้าปากค้างก็แล้วกัน”
“อีกกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี”
“โอย ไม่นานถึงปีหรอกน่า คัมมิ่งซูน”
“เฮอะ ให้จริงอย่างที่พูดเถอะ ถ้าไม่อยากทำงานก็เรียนต่อ ที่นี่ หรือเมืองนอก”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าเรียนต่อ ตะวันทำท่าจะลงไปด่าวดิ้นกับพื้นเพราะเบื่อต่อการเป็นนักศึกษาเต็มทน รีบโบกมือห้ามโดยเร็ว
“ไม่ไหว เอียนเต็มที ขอพักเถอะ”
“เราก็เป็นเสียอย่างนี้ อย่าลืมสิเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ทำให้พ่อแม่ชื่นใจหน่อย”
“น้าก็ดีแต่ว่าผมนั่นแหละ ผมถามน้าสักนิดเถอะว่า อายุจนป่านนี้แล้ว ทำไมไม่มีเมียซะที ผมว่าตอนนี้ปีนขึ้นไปอยู่บนคานทองแล้วมั้ง”
หลานชายตัวแสบย้อนเข้าให้ ดรณ์สะอึกไปครู่หนึ่ง นึกถึงภาวีขึ้นมา รู้ว่าโอกาสที่จะเป็นไปได้ไม่มีเลย ในเมื่อเธอมีชื่อเสียง หน้าตาสวย ฐานะดี คงไม่ยินยอมเป็นแฟนกับเจ้าของโรงพิมพ์ แม้ว่าฐานะดี แต่ไม่ถึงกับที่สุด เขาคิดไปเองว่าผู้หญิงอย่างภาวีจะต้องเลือกเฟ้นผู้ชายอย่างเต็มที่ หล่อ รวย จิตใจดี
“มันเรื่องของน้า”
“แสดงว่า ยังหาแฟนไม่ได้ใช่มั้ย”
“ใครบอก น้ามีผู้หญิงในดวงใจแล้ว”
“ห๊า ! จริงอ่ะ อยากรู้จังว่าใคร พามาให้ดูตัวมั่งดิ เหมาะสมกับน้าไหม ระวังเหอะจะถูกหลอก ผู้หญิงทุกวันนี้ชอบผู้ชายสำเร็จรูปทั้งนั้น ไอ้ที่ลำบาก ยอมกัดก้อนเกลือกินคงยาก”
ผู้เป็นน้าชายมองหน้าตะวันอย่างงง ๆ ไม่เชื่อว่าหนุ่มมาดเซอร์จะเข้าใจชีวิตของผู้หญิงในปัจจุบันและโล่งใจ รู้ว่าตะวันรู้จักเลือกคบกับเพศตรงข้าม ไม่ยอมให้ผู้หญิงมาหลอกง่าย ๆ อีกทั้งยังไม่เห็นว่าควงใครอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนกลุ่มเดียวกัน
ดรณ์อดใจไม่ไหวตรงเข้ามาโคลงศีรษะหลานชายเบา ๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ ตะวันเองก็มีความสุขเช่นกัน
“เรานี่ รู้ดีทุกอย่างเลยนะ”
“มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผมเจอผู้หญิงเยอะ ในสถานที่เที่ยว ส่วนใหญ่จ้องจับผู้ชายทั้งนั้น หาความจริงใจยาก”
“ดีแล้วที่เราดูผู้หญิงเป็นจะได้ไม่ถูกหลอก แล้วนี่จะไปไหนล่ะ แต่งตัวประหลาดเชียว เสื้อคอย้วยกับกางเกงขาเดฟ เห็นแล้วสงสารผิวหนัง ไม่ให้มันมีอากาศหายใจบ้างเลย”
“แบบนี้แหละสมัยนิยม ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ดึงเอวลงมาอยู่กึ่งกลางก้น”
เรื่องต่อปากต่อคำ ตะวันเป็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ ดีกว่าคนไม่พูด นิ่ง จนถูกมองว่าบื้อ ส่วนตะวันคล่องตัว กระฉับกระเฉง เก่งทุกเรื่อง แม้ไม่ยอมทำงานแต่ดรณ์ไม่หนักใจ รู้ว่าหลานชายสามารถเอาตัวรอดได้
“ถ้านายใส่แบบนั้น น้าจะเอากรรไกรตัดบ็อกเซอร์ข้างในให้ขาด คราวนี้ได้โชว์ก้นจะ ๆ เลยล่ะ”
“ใจร้าย น้าดรณ์ ผมไปหาเพื่อนก่อนนะ ร้องเพลงอยู่ที่ร้านไม่ไกลจากบ้านเราหรอก”
“กลับดึกอีกสิ”
“ไม่เกินตีสาม รับรองว่าดื่มนิดเดียว ไม่ต้องห่วงผมเอากุญแจบ้านไปด้วย หลับฝันดีนะคร้าบ”
หลานชายรูปหล่อก้าวยาวๆ ออกไปจากบ้านด้วยความเร็ว ดรณ์มองตามด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ใช่ลูกแต่ก็รักมากที่สุด หากว่าเขาไม่มีภรรยา คงจะต้องฝากชีวิตไว้กับตะวันแต่เพียงผู้เดียว รู้ว่าตะวันคงไม่ยอมทิ้งเขาให้อยู่โดดเดี่ยวอย่างแน่นอน
ดรณ์เดินเข้ามาในบ้านด้วยมาดสงบนิ่ง ทรุดตัวลงนั่งกับโซฟานุ่มหนา เปิดหนังสือนวนิยายที่เพิ่งซื้อมาอ่าน ไล่ตั้งแต่หน้าแรกที่ภาวีเขียนคำอวยพร ตามด้วยลายเซ็น ชายหนุ่มค่อย ๆ ยกขึ้น บรรจงจูบเพียงแผ่วเบา
ในเวลาเดียวกันจันทร์ชมพูสาวน้อยหน้าใส อายุแค่เพียง 16 ปี แต่ความสวยสะกดให้เพศตรงข้ามมองตามจนเหลียวหลัง หลังจากหมดชั่วโมงเรียน เพื่อนชวนให้มาเดินที่ถนนแห่งหนึ่งเป็นแหล่งชอปปิงขึ้นชื่อของวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน
คนขายส่งเสียงเชิญชวนให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแวะเลือกชมสินค้า ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า กิ๊ปชอปรูปแบบน่ารัก
“จันทร์ แวะร้านนั้นหน่อยไหม เสื้อสวยจัง สไตล์เกาหลีด้วย เหมาะกับเรามากเลยนะ”
“ไม่เหมาะหรอกชุดพวกนั้นมีแต่แขนยาว คอปุย ขืนเราใส่ก็คงมีหวังร้อนตับแตกตายแน่ ๆ เลย ยายเดียร์”
“เพื่อดูดีมีสไตล์ เรายอมร้อน เผื่อว่าพี่ซุปจะมอง”
“แหวะ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลยนายซุปน่ะ อายุมากกว่าเราปีนึง แต่เรียนห้องเดียวกัน หน้าก็แปลก ๆ แหลมดำ ผิวด่างยังไงก็ไม่รู้”