บทที่ 6 ปู่
“ถ้าคุณแจ้งความจับผม ผมก็จะแจ้งจับคุณข้อหาบุกรุกบริษัทและทำให้ลูกค้าผมตกใจ ผมมีพยานเต็มบริษัทรวมทั้งลูกค้าของผมด้วยส่วนคุณไปหาพยานมาแล้วก็เตรียมตัวไปโรงพักกับผม”
เขาลุกรวดเร็วก้าวเข้ามาคว้าข้อมือหล่อนลากไปที่ประตู หล่อนขืนตัวไว้แกะมือที่กำแน่นรอบข้อมือหล่อนแต่เขาบีบแรงขึ้น
“โอ๊ย ปล่อยนะไอ้บ้านี่ ปล่อย”
หล่อนร้องเสียงดังยกมือตบที่ไหล่กับต้นแขนเขาพัลวัน เขาเบี่ยงตัวหลบแล้วจับมือนุ่มมารวมกับอีกมือยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้กับใบหน้าเนียน ดวงตายั่วเย้า
“ถ้าทำร้ายผมอีกผมจูบ”
“อย่านะ”
หล่อนเบนหน้าหนี ใจเต้นเร็ว แก้มนวลร้อนวูบวาบ เขายิ้มเมื่อหล่อนหลับตาปี๋ ทำไมเขารู้สึกอยากอยู่ใกล้หล่อน อยากกอด อยากจูบ กลิ่นหอมจากผม ใบหน้าและคอขาวทำให้เขาต้องผลักหล่อนออกห่างแล้วหันหน้าหนี
“ถ้าไม่อยากให้ผมจับส่งตำรวจก็รีบออกไป”
เขาเปิดประตูก้าวนำไปก่อน หล่อนขบกรามแน่น ความโกรธยังคุกรุ่นอยู่ในใจ หล่อนทำอะไรเขาไม่ได้เพราะหล่อนไม่มีพยานแต่เขามี ถ้าหล่อนยังดื้อเขาต้องจับหล่อนส่งตำรวจอย่างแน่นอน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ เราต้องเจอกันอีกแน่ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม”
หล่อนวิ่งชนด้านหลังร่างสูงจนผวาไปข้างหน้าแล้วผลักเซไปทางหนึ่ง เขามองตามร่างบางที่วิ่งลงบันได อดขำไม่ได้
“เราจ้องเจอกันตลอดชีวิต” เขาพึมพำออกมาแต่ครู่เดียวก็กะพริบตา เขาคิดอย่างนั้นได้อย่างไร
สุเมธมองหน้าภวิศไม่มีคำถามออกมาจากปากแต่สายตาที่มองนายเร่งให้ภวิศตอบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ อรอินทุ์วิ่งออกจากออฟฟิศด้วยใบหน้าบูดบึ้งตรงข้ามกับภวิศที่เดินยิ้มลงมาและบอกกับทุกคนว่า
“ไม่มีอะไรครับ เราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ทำงานต่อครับ”
แต่สุเมธไม่เชื่อคำพูดของภวิศ ตั้งแต่เมื่อตอนสายที่หน้าบ้านหลังสวยนั่นแล้ว หญิงสาวเห็นหน้าภวิศก็โกรธขึ้นมาทันที ภวิศก็ขับรถหนีแถมไม่อธิบายอะไรให้ลูกน้องคนสนิทหายข้องใจสักคำ
“แกไม่ต้องจ้องหน้าฉันยังงั้นหรอก ฉันไม่มีคำอธิบายให้แกฟังเพราะฉันก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน กลับบ้านได้แล้ว หาอะไรไปกินด้วยไม่ต้องให้พี่รุ่งทำ แกอยากกินอะไรก็ซื้อไป ฉันให้เวลาแกยี่สิบนาที”
เขาเดินขึ้นชั้นบนอีกครั้ง ใบหน้าสวยแต่บึ้งตึงของผู้หญิงที่กล้าเข้ามาโวยวายใส่เขาผุดขึ้นมาในมโนสำนึก เขาหลับตาลงพลันภรตก็ปรากฏในความรู้สึกของเขา
“คุณปู่”
“แกคนเดียวเท่านั้นที่จะปู่ได้”
“ช่วยอะไรครับ คุณปู่จะให้ผมทำอะไร”
“แล้วแกจะรู้เอง”
ภรตเดินหายออกจากห้อง ภวิศสะดุ้งลืมตาขึ้นกวาดสายตาไปรอบห้องไม่มีใครอยู่ในนี้สักคน ประตูก็ปิดสนิท เขาเคลิ้มหลับไปได้อย่างไรแค่ 5 นาทีเท่านั้น
“ทำไมฝันเห็นคุณปู่บ่อยจัง คุณปู่จะให้เราทำอะไร”
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.ออกเมื่อไล่ชื่อของคนที่ต้องการคุยด้วยได้แล้ว คนที่เขาอยากคุยด้วยมากที่สุดในเวลานี้คือพ่อกับแม่
“ว่าไงไอ้ลูกชาย อยู่บ้านหรืออยู่ออฟฟิศ” พัสกรส่งเสียงมาตามสาย
“อยู่ออฟฟิศครับ กำลังจะกลับบ้าน คุณพ่อจะมาโรงแรมวันไหนครับ”
“อาทิตย์หน้า ตอนนี้พ่อเข้าสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรมอยู่ วิศว่างก็เข้าไปดูโรงแรมหน่อยนะ ให้อาสันทัดลุยคนเดียวเหนื่อยนะช่วยอาเขาหน่อย”
“ครับ พรุ่งนี้ผมกับไอ้เมธจะเข้าไปหาอาสัน”
“โทร.หาพ่อมีอะไรรึเปล่า” พัสกรเปลี่ยนเรื่องเมื่อลูกชายรับปากจะเข้าไปช่วยสันทัดที่โรงแรม
“ผมฝันเห็นคุณปู่บ่อยมากครับคุณพ่อ คุณปู่มาบอกว่าจะให้ผมช่วยอะไรก็ไม่รู้ คุณพ่อพอจะรู้มั้ยครับว่าคุณปู่เคยทำอะไรไว้แล้วทำไม่สำเร็จรึเปล่า ผมจะได้สานต่อให้เสร็จ”
พัสกรนิ่งไป เขาไม่รู้ว่าพ่อทำอะไรค้างคาไว้ เท่าที่รู้จากป้าที่เลี้ยงเขามาหลังจากแม่คลอดเขาได้ 3 ชั่วโมงก็เสียชีวิต พ่อเสียใจมากแต่เพียงปีเดียวพ่อก็มีภรรยาใหม่ ป้าไม่บอกว่าเป็นใครและพ่อก็เสียชีวิตในปีถัดมาเพราะภรรยามีชู้
“ไม่รู้เหมือนกันลูก ปู่เสียตอนพ่ออายุสองขวบกว่า ยังจำอะไรไม่ได้ วิศถามย่าพิตดูสิลูกย่าพิตเลี้ยงพ่อมาน่าจะรู้ว่าน้องชายตัวเองทำอะไรไว้บ้าง”
“คุณย่าจะรู้เหรอครับ”
“น่าจะรู้แต่ว่าย่าจะเล่าให้ฟังรึเปล่าแค่นั้นแหละ ย่าไม่อยากพูดถึงเรื่องเก่าๆ โดยเฉพาะเรื่องคุณปู่ภรต พ่อเคยถามท่านแต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากปู่ภรตของแกป่วยตายแค่นั้นเอง”
ภวิศวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะจ้องโทรศัพท์แล้วถอนใจยาว ทำไมภาพิตไม่เล่าเรื่องภรตให้พัสกรฟัง ภาพิตปิดบังอะไรพัสกรหรือว่าไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของภรต
“ทำไมต้องปิดคุณพ่อด้วยล่ะครับคุณย่าพิต คุณพ่อเป็นลูกปู่ภรตน่าจะให้รู้บ้างว่าปู่ทำอะไรค้างอยู่ผมจะได้ทำต่อให้เสร็จไงครับคุณย่า”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถืออีกครั้ง ภาพิตคนเดียวเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับเขาได้ว่าภรตทำอะไรค้างคาอยู่ถึงได้มาเข้าฝันให้เขาช่วย