บทที่ 5 แม่เสือร้าย
หล่อนยิ้มอีก ปรารถนายิ้มตอบแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องเจ้านาย อรอินทุ์เปิดแฟ้มทีละเล่ม ศึกษางานจากแฟ้ม ข้อมูลต่างๆ เป็นแนวทางการทำงานให้หล่อนเป็นอย่างดีหล่อนอ่านทีละแฟ้มจนหมด ปรารถนายกของว่างพร้อมกาแฟมาเสิร์ฟ หล่อนทานของว่างแล้วออกจากห้อง
“คุณหนา มีงานให้ฉันทำอีกมั้ย”
“ไม่มีแล้วค่ะแต่พรุ่งนี้มีประชุมผู้บริหารตอนสิบโมงเช้าค่ะ”
“ฉันจะมาให้ทัน”
หล่อนยิ้มกับเลขาฯแล้วเดินออกไป วันแรกที่เข้ามาดูงานแทนแม่ไม่ยากเท่าไหร่แต่วันต่อไปหล่อนไม่แน่ใจ งานบริหารไม่ใช่งานง่ายๆ การเป็นเจ้านายคนก็ไม่ง่าย หล่อนขับรถเลาะไปตามถนนริมหาดจนถึงสุดปลายหาดแล้ววกกลับคิดจะจอดหน้ามินิมาร์ทซื้อของใช้ส่วนตัวเผอิญสายตามองไปเห็นรถกระบะสี่ประตูเลขทะเบียนคุ้นตาแวบหนึ่งใบหน้าเข้มของชายหนุ่มก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“รถไอ้โรคจิต”
เท้าพาหล่อนตรงไปที่รถคันนั้น มันจอดอยู่หน้าตึกสามชั้นเป็นบริษัทนำเที่ยวผาพราวชื่อเดียวกับโรงแรมผาพราว หล่อนหยุดนิดหนึ่งสายตาพุ่งผ่านกระจกใสเข้าไปด้านใน ผู้ชายคนนั้นกำลังคุยอยู่กับชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่ง หากเดาไม่ผิดนักพวกนั้นเป็นนักท่องเที่ยว
“คิดจะหลอกนักท่องเที่ยวรึไงไอ้เลว ฉันจะลากคอแกเข้าคุก”
ไม่เพียงคิดเท่านั้นเท้าพาร่างเพรียวไปที่ประตูกระจกบานใหญ่ มือเรียวผลักบ้านกระจกเข้าด้านใน ดวงตากลมโตจ้องร่างสูงไม่กะพริบ
“ไอ้โรคจิตคิดจะหลอกฝรั่งรึไง วันนี้ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้ได้”
เสียงก้องไปทั่วทั้งห้องทุกชีวิตในห้องนั้นหันมามองหญิงสาวร่างสูงเพรียว กรอบหน้าของหล่อนงดงาม ดวงตากลมโตสุกใส จมูกโด่งเชิดรั้นเล็กน้อย ริมฝีปากหยักเป็นรูปกระจับย้อยเล็กน้อย ผิวขาวนวลเนียน เรือนร่างในชุดกางเกงขายาวรัดรูปสีดำ เสื้อแขนในตัวโชว์ไหล่เนียน คอวีเผยให้เห็นเนินอกน่ามอง ตัวเสื้อยาวคลุมสะโพกกลมกลึง
ความสวยและหุ่นนางแบบของหล่อนไม่ได้ทำให้ภวิศตะลึง เขาตกใจกับการจู่โจมของหล่อน มือนุ่มคว้าหมับที่ข้อมือของเขา หล่อนกระชากเต็มแรงของหล่อนร่างสูงของเขาเซถลาตามแรงดึง
“คุณ..มาได้ยังไงครับ” สุเมธก้าวยาวๆ เข้ามาหาหญิงสาว
“มาลากคอไอ้โรคจิตเข้าคุกน่ะสิ นายสมรู้ร่วมคิดด้วยใช่มั้ย”
อรอินทุ์เล่นงานสุเมธอีกคน ภวิศถอนใจเฮือกใหญ่ เขาปล่อยให้หล่อนโวยวายต่อไปอีกไม่ได้แล้วลูกค้าของเขาจ้องมองหล่อนเป็นจุดเดียวและหันมาจ้องหน้าเขาอย่างจะขอคำตอบ เขาบิดมือกลับจับที่ข้อมือหล่อนแล้วดึงกึ่งลากขึ้นชั้นบน
“แกจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันนะ”
“หยุดโวยวายนะคุณไม่อย่างนั้นผมจะปล้ำคุณต่อหน้าฝรั่งนี่แหละ เอามั้ยล่ะ”
“ไอ้บ้า ถ้าแกทำอะไรฉันอีกคราวนี้ฉันเอาแกตายแน่”
หล่อนบิดมือแต่เขาไม่ปล่อยลากหล่อนขึ้นไปจนถึงห้องทำงานของเขา ผลักร่างบางไปที่เก้าอี้รับแขกแล้วหันไปปิดประตู ดวงตาที่จ้องมองหล่อนขุ่นขวาง เขาก้าวช้าๆ เข้ามาหาหล่อน
“อย่าเข้ามานะ”
อรอินทุ์ลุกพรวดถอยหนีไปถึงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สายตาเหลือบมองหาตัวช่วย หากเขาถึงตัวหล่อนของทุกชิ้นบนโต๊ะจะเป็นอาวุธอย่างดีในเวลานี้
“ผมอยากรู้ว่าคุณรู้จักผมเมื่อไหร่ เท่าที่ผมรู้ผมเพิ่งเคยเห็นหน้าคุณเมื่อตอนสายนี่เอง ตอนเย็นตามมาเล่นงานผมถึงที่ทำงาน คุณต้องการทำลายบริษัทนำเที่ยวผมใช่มั้ย”
เขาทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนสิ่งที่หล่อนทำอยู่ เขาไม่ยอมรับการกระทำที่เหมือนความฝันเพราะเขาไม่รู้ตัวว่าไปที่บ้านนั้นได้อย่างไร เขาคิดว่าตัวเองฝันทำไมมันเป็นความจริงได้แต่ก่อนที่เขาจะทำร้ายหล่อนปู่ของเขาจูงมือเข้าไปในบ้านนั้น เขาเห็นปู่ยิ้มเครียด ดวงตาวาววับน่ากลัวจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งถูกตีศีรษะ
“ฉันเปล่านะ”
“จะให้ผมเชื่ออย่างนั้นเหรอ คุณเข้ามาถึงก็โวยวายจนลูกค้าผมตกใจ บอกมาซะดีๆ ว่าใครจ้างคุณมาถ้าไม่บอกผมจะจับส่งตำรวจ”
“ดีสิ ฉันจะได้แจ้งความว่าแกเข้าไปปล้ำฉันถึงในห้องนอน”
หล่อนสวนคำกลับทันควัน เขาเลิกคิ้วสูงแล้วแบมือยกไหล่เล็กน้อย
“ผมไปปล้ำคุณถึงห้องนอน ตำรวจเขาคงเชื่อหรอกนะครับคุณผู้หญิง ผมไม่รู้จักคุณไม่เคยไปบ้านคุณเพิ่งขับรถเที่ยวเมื่อตอนสายเห็นบ้านสวยก็เลยจอดดูแค่นั้นเอง”
เขาปฏิเสธพร้อมกับเหตุผลที่หล่อนนิ่งไปครู่หนึ่งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนลบล้างเหตุผลของเขาหมดสิ้น
“เพิ่งไปเมื่อตอนสายแต่เมื่อคืนแกเข้าบ้านฉันไปทำร้ายฉัน ถ้าไม่จริงแกขับรถหนีฉันทำไม ฉันจะแจ้งความจับแก”
หล่อนชี้นิ้วมาที่หน้าของเขา ท่าทางราวกับแม่เสือร้าย เขายิ้มเยื้อนแล้วเดินไปทิ้งก้นลงบนเก้าอี้รับแขกเงยหน้าสบตากลมอย่างท้าทาย