บทที่ 13 ผีจริงหรือปลอม
ภวิศก้มศีรษะให้สายทิพย์แล้วหันมายิ้มยั่วใส่อรอินทุ์ เขารู้จักหล่อนแล้วและอยากรู้จักต่อไปอีกจนกว่าจะรู้นิสัยของหล่อนว่าเป็นอย่างไร โมโหร้ายอย่างนี้หรือเปล่า เขาเดินเร็วๆ ไปที่ประตูเปิดออกก่อนที่อรอินทุ์จะทันวิ่งตามเขาทัน สุเมธรีบวิ่งตามไปติดๆ
“คุณอรครับ ผมเชิญแขกที่เจอผีมาแล้วครับรออยู่ที่ห้องรับรองแขก เชิญครับ”
สายทิพย์แตะมืออรอินทุ์เตือนให้หล่อนลุกเดิน ความโกรธที่มีต่อชายหนุ่มยังไม่คลายไปจากใจ หญิงสาวถอนใจเฮือกหล่อนต้องหยุดเรื่องภวิศไว้ก่อน สิ่งที่หล่อนต้องทำตอนนี้คือหาสาเหตุของการย้ายออกจากโรงแรมแบบกะทันหันของแขกให้ได้
ฝรั่งสองสามีภรรยาลุกขึ้นยืนเมื่อสันทัดเดินนำหญิงสาวต่างวัยเดินเข้ามาในห้องรับรองแขก เขาจำสายทิพย์ได้ สันทัดจึงไม่ต้องแนะนำยกเว้นอรอินทุ์ สันทัดแนะนำหล่อนกับแขก หล่อนยื่นมือไปสัมผัสกับแขกต่างเมือง
“คุณอรถามได้เลยครับว่าพวกเขาเจอแบบไหน ถ้าสองคนนี้ไม่พอผมจะให้เชิญมาอีกเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อกี้เองครับ”
“ไม่ต้องค่ะแค่สองคนก็พอ”
อรอินทุ์ปฏิเสธเร็วแล้วหันมาที่แขก หล่อนถามเป็นภาษาอังกฤษรัวและนิ่งฟังคำตอบของสามีภรรยา สันทัดกับสายทิพย์นั่งเป็นผู้ฟังที่ดี
“เราเห็นผู้ชายอายุประมาณสามสิบปียืนอยู่กลางห้องพักของเรา ตอนแรกคิดว่าเป็นพนักงานของโรงแรมเข้ามาทำความสะอาดผมจะให้รางวัลกับเขาแต่พอเขาหันหน้ามาหาผม ลูกตาเขาลึกโบ๋ ปากแห้งมีน้ำสีขุ่นเหลืองไหล แป๊บเดียวหน้าก็เละทั้งหน้า เขาบอกให้พวกเราย้ายออกจากโรงแรมไม่อย่างนั้นเราจะตายอยู่ที่นั่น”
คำที่แปลเป็นภาษาไทยได้ใจความแต่อรอินทุ์ไม่เชื่อที่แขกฝรั่งพูดหล่อนถามเขาอีก
“ผีขู่คุณแล้วเดินออกจากห้องหรือคะ”
“ไม่..มันไม่ได้เดินออกจากห้องแต่มันหายไปกับตาเรา มันน่ากลัวมาก ทุกคนเห็นเหมือนที่พวกเราเห็น มันน่ากลัวจริงๆ”
ภรรยาเป็นคนตอบ น้ำเสียงของหล่อนสั่นขณะเล่าและจับมือสามีไว้แน่น อรอินทุ์ขมวดคิ้วอย่างคิดหนัก หล่อนหันมามองสายทิพย์ ผู้จัดการสาวสบตาเจ้านายสาวนิ่ง ท่าทางของฝรั่งสองสามีภรรยาไม่โกหก อาการหวาดผวาของทั้งคู่ยังมีให้เห็น
“ห้องที่คุณพักอยู่ชั้นไหนห้องเบอร์อะไร”
“ชั้นบนสุดห้องสุดท้ายด้านตะวันออกแต่ห้องอื่นๆ ชั้นอื่นก็เจอนะคุณ”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ”
หญิงสาวพึมพำออกมา หล่อนคงต้องพิสูจน์คำพูดของแขกด้วยตัวหล่อนเองคืนนี้หล่อนจะพักที่โรงแรมห้องที่แขกเจอผี
“ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยให้เราพบกับแขก ฉันไม่สงสัยพวกคุณแล้วละ ถ้าเป็นผีปลอมมาจากพวกคุณคงหายตัวไม่ได้ ฉันขอโทษที่มารบกวน”
สายทิพย์เอ่ยแทนอรอินทุ์ สันทัดส่ายหน้าช้าๆ พร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ถ้าเป็นผมก็ต้องสงสัยเพราะอยู่ๆ จะมีผีโผล่มาในโรงแรมได้ยังไง เมื่อก่อนก็ไม่มีไม่ใช่เหรอครับ”
“ค่ะ ฉันทำงานตั้งแต่เปิดตัวโรงแรมเพิ่งมาเจอปัญหาตอนนี้”
“กลับเถอะค่ะคุณทิพย์ อรกลับก่อนนะคะขอบคุณที่ให้เราพบแขก ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
สันทัดยกมือรับไหว้ลาของหญิงสาวแล้วเดินมาส่งถึงลิฟท์ เขาสงสัยเช่นเดียวกับที่สายทิพย์และอรอินทุ์สงสัย ผีที่ไหนจะหลอกได้น่ากลัวอย่างนั้น
ประตูลิฟท์เปิดออกอรอินทุ์กำลังจะก้าวเข้าลิฟท์เสียงกวนโมโหของชายหนุ่มก็ดังแทรกขึ้นพร้อมกลับร่างสูงเดินมาหยุดหน้าประตูลิฟท์
“จะรีบไปไหนล่ะคุณ อาหารสั่งไว้แล้วนะอย่าให้เสียของเปล่าสิคุณ อาสันอุตส่าห์เลี้ยงข้าวกลางวันถ้าไม่รับเสียมารยาทลูกสาวเจ้าของโรงแรมสตาร์บีชนะคุณ”
ไม่เพียงคำพูดเท่านั้นที่ยั่วโทสะของหญิงสาว สายตาของเขายังยั่วยวนหยอกล้อ รอยยิ้มมุมปากน่ามองก็จริงแต่เวลานี้อรอินทุ์มองไม่เห็นแม้ความหล่อและดูดีทั้งเรือนกายของเขา หล่อนหันมามองสันทัด
“เชิญค่ะคุณอา อรหิวแล้วค่ะ”
สันทัดพยักหน้าเร็วๆ หันมามองลูกชายกับลูกเจ้านายอย่างอยากทำโทษคนทั้งคู่ที่พูดจาไม่ให้เกียรติสุภาพสตรี เขายกมือแบตั้งเฉียงไปที่สายทิพย์ หล่อนก้าวเข้าไปยืนข้างอรอินท์ สันทัดก้าวตามไปยืนข้างหล่อน สุเมธดันหลังภวิศก้าวเข้าไปก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดเพราะอรอินทุ์กดปิดทันทีที่สันทัดก้าวพ้นขอบประตูเข้ามา
“นี่คุณ ใจคอจะไม่ให้ผมร่วมเดินทางด้วยรึไง”
ภวิศเบียดมายืนข้างอรอินทุ์ต่อว่าหล่อนโดยไม่กลัวหล่อนโกรธ ใบหน้าสวยบึ้งมากกว่าเดิมไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาแต่เพราะเขาเบียดมาชิดหน้าอกนุ่มของหล่อน
“ไอ้บ้า..”
เขาอมยิ้มกับคำด่าแล้วหันหน้าหนี รู้สึกถึงความนุ่มที่สัมผัสโดยไม่เจตนา สองครั้งที่เขาจูบหล่อนในความฝันมันเป็นการบังคับขืนใจซึ่งเขามั่นใจว่าเขาถูกเนื้อต้องตัวหล่อนจริงๆ
“ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ”
เขาพึมพำพอฟังรู้เรื่อง หล่อนหันหลังให้เขา แก้มอิ่มร้อนผ่าว ทำไมต้องรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เขาถูกตัวหล่อนด้วย
การรับประทานอาหารเป็นไปอย่างเงียบๆ ภวิศไม่ยั่วโมโหอรอินทุ์แต่ใช้สายตาสังเกตหล่อน สุเมธมองนายหนุ่มอย่างเข้าใจ ภวิศสนใจอรอินทุ์มากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ศิริพรรณที่ว่าสวยเฉิดฉายในวงสังคมไฮโซเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรมชื่อดังกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ภวิศยังไม่ใส่ใจตอแยเท่านี้