บท
ตั้งค่า

๑ พบพานเมื่อสวรรค์เป็นใจ (๒)

“มันไปหาสาวเลยวานพี่มารับน้องสาวสุดที่รักน่ะ นี่เลิกเรียนแล้วใช่ป่ะ กลับเลยไหมหรือจะไปไหนต่อ”

“เลิกเรียนแล้วแต่ยังต้องทำกิจกรรม เอ่อ พี่สองว่างไหม” เด็กปีสองที่ชอบเข้าร่วมทุกกิจกรรมพูดขัด ความจริงเธอขึ้นรถไฟฟ้ากลับเองก็ได้แต่พี่ชายจอมเรื่องมากอย่างอหัสกร เปรมฤทัยไม่ยอม เพราะดูข่าวเห็นว่ามีพวกโรคจิตชอบจับก้นสาวๆ อยู่บนรถไฟฟ้า จึงอาสามารับเอง

แต่หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาแทบไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย เอาแต่ตามรับส่งหญิงที่ถูกตาต้องใจแต่สาวเจ้าดันไม่เล่นด้วย น่าสงสารจริงพี่ชาย

หล่อนจ้องเพื่อนพี่ชายแววตาเป็นประกาย คิดว่าการที่เขามารับอย่างไรก็ต้องว่างแหละ ขยับเข้ามาใกล้พลางยกมือขึ้นประนมตรงระหว่างอกเหมือนเป็นการอ้อนวอน

“ไม่ว่าง” ตัดใจตอบปฏิเสธแล้วหันไปทางอื่น

“โห อย่าเพิ่งตัดรอนกันสิ มารับแบบนี้แสดงว่ากำลังว่างไม่ต้องไปไหน”

“เฮ้อ มีอะไรจะใช้กระผมครับคุณหนู” เมื่อถูกต้อนก็จำต้องยอมรับ ทั้งที่ความจริงเขาปฏิเสธไปก็ได้แต่เห็นแก่เพื่อนสนิทจึงไม่อยากปฏิเสธน้องสาวที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก

“มุกสั่งดอกไม้ไว้ที่ร้านMon amourน่ะ ฝากพี่ไปเอามาให้หน่อยสิ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อร้าน คิดว่าตัวเองฟังผิดซะอีก

“ร้านมอน มอนอะไรนะ”

“มง นามูร์ ร้านดอกไม้ที่อยู่ในซอย...น่ะ อยู่ติดกับร้านแว่นเลย ด้านหน้าจะเป็นสีขาวมีโต๊ะและเก้าอี้ไว้นั่งรอ ตกแต่งแนวมินิมอลหน่อย สังเกตง่ายแถวนี้มีร้านดอกไม้ร้านเดียว รีบไปๆ” อธิบายอย่างละเอียดแล้วรีบดันชายหนุ่มให้เข้าไปในรถเพื่อเอาดอกไม้มาให้ตน

ร่างสูงสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามกลับ เขาเปิดประตูแล้วเข้าไปในนั่งรถพลางหรี่ตามองมุกดาอย่างค้นหา รู้สึกว่าหญิงสาวมีอะไรที่แปลกไป

“ใช้จังเลยนะ..จะเอาไปให้ใคร”

“เพื่อนฝากซื้อ พี่สองอย่าถามมากได้ไหม จะไปก็รีบไปสิ อ้อ ฝากจ่ายเงินด้วยนะ” ปิดประตูรถทันทีไม่ให้ชายหนุ่มได้ปฏิเสธแล้วรีบวิ่งออกมายืนรออยู่อีกฝั่ง ทำให้เขาไม่สามารถถามหรือบ่นได้อีก ทำเพียงถอนหายใจแล้วสตาร์ทรถเพื่อไปร้านดอกไม้ที่เธอบอก

ขับออกจากหน้ามหาวิทยาลัยตรงไปไม่ไกลแล้วเลี้ยวทางซ้าย ขับตรงไปหน่อยค่อยเลี้ยงขวาจะเจอซอยที่รถพอจะสวนกันได้แต่อาจต้องหลบหลีกหน่อย ดวงตาคมมองร้านดอกไม้ที่น้องของเพื่อนสั่งให้มาซื้อแล้วดูพิกัดจากจีพีเอสอีกครั้ง

น่าจะใช่แหละ... Mon amour

“ชื่อก็อ่านยาก ทำไมไม่เขียนภาษาไทยไปเลยวะ” ปลดสายเข็มขัดแล้วลงจากรถเพื่อเดินเข้าร้านดอกไม้ที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย เขาคิดว่าลูกค้าน่าจะเป็นเหล่านักศึกษาหรือคนวัยทำงานเพราะอยู่ใกล้ตึกออฟฟิศของบริษัทหลายแห่ง

ประตูทางเข้าร้านเป็นรูปแบบโค้งมน เน้นโทนสีครีมน้ำตาลเป็นหลัก ด้านหน้ามีโต๊ะกลมหนึ่งตัวและเก้าอี้สองตัว อาจเอาไว้ให้นั่งรอหรือถ่ายภาพเขาก็ไม่แน่ใจ ทุกวันนี้ถ้าร้านไหนมีมุมถ่ายภาพให้ลูกค้าก็จะขายดีเป็นพิเศษ ดูจากเพื่อนเขาที่ไปเดทกับแฟนทีไรได้ทำหน้าที่ช่างภาพจำเป็นตลอด

“สวัส..ดีค่ะ ไม่ทราบว่าอยากได้ดอกไม้แบบไหนใช้ในโอกาสอะไรคะ” แค่เสียงกระดิ่งที่แขวนประตูดังพนักงานที่กำลังง่วนกับการเก็บของก็ค้อมศีรษะพลางกล่าวทักทาย แต่พอเห็นใบหน้าหล่อคมที่ยกยิ้มมุมปากเล่นเอาใจเต้นไม่จังหวะ

โอ้โห...หล่อจัง

“ผมมารับดอกไม้แทนน้องครับ ชื่อมุกดา” บอกธุระเพราะคิดว่าไม่น่าจะนาน เขามองรอบร้านที่มีดอกไม้ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ

ด้านหน้าจะมีดอกไม้สดที่อยู่ในกระถาง ไล่เฉดสีจากเข้มไปอ่อนและเขียนชื่อดอกไม้เอาไว้พร้อมความหมาย มีมุมสำหรับลูกค้าที่อยากจัดดอกไม้เอง ด้านหลังเป็นอุปกรณ์ในการจัด โดยทางร้านจะไม่คิดเงินค่าจัดหากลูกค้าท่านใดสนใจจะจัดช่อดอกไม้เอง หรืออยากเริ่มต้นก็จะสอนพื้นฐานในการจัดดอกไม้พอให้ได้รู้

ข้างในแอร์เย็นและรู้สึกว่ามีกลิ่นหอมตลอดเวลา ร้านดูโล่งโปร่งสบายพอสมควร ถึงของข้างในจะแน่น สำรวจจนพอใจค่อยหันมาหน้าเคาน์เตอร์

“คุณมุกดา.. สักครู่นะคะ” พนักงานเข้าไปเปิดตู้เก็บความเย็นที่ใส่ดอกไม้สำหรับจัดส่งเอาไว้ ค้นหาชื่อของลูกค้าแต่กลับไม่พบ จากที่ใจเย็นก็เริ่มจะกระวนกระวายเสียแล้ว

“น่าจะอยู่ตู้หลังร้าน โอ่งไปดูให้หน่อยสิ” หญิงสาวตัวเล็กหันไปบอกเพื่อนผู้ชายตัวสูงใหญ่ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างแข็งขันแล้วรีบเข้าไปหลังร้าน

“เอ่อ รอแป๊บหนึ่งนะคะ” เขาเริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลแต่ก็ไม่เอ่ยอะไร ทำเพียงเดินไปดูดอกไม้และอ่านความหมาย

เยอบีร่า...รักมั่นคง ซื่อตรง ภักดี

ดอกไม้ชนิดนี้เขาเห็นในอาคารบ่อย ถูกนำมาประดับแจกันเพราะค่อนข้างทนไม่เหี่ยวเฉาง่าย แต่ไม่ได้มีกลิ่นหอมชวนหลงใหล

“ไม่มีเลยขิม หาไม่เจอ” ชายหนุ่มหน้าเครียดเมื่อหาของให้ลูกค้าไม่เจอ ฝ่ายหญิงเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน

“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวเราไปหาเอง”

“ไม่มีจริงด้วย เอายังไงดีติดไปกับรถของพี่เน่หรือเปล่า” เข้าไปสักพักก็ออกมาด้วยสีหน้าตื่น แต่ก็พยายามเก็บอาการไม่ให้เขาเห็นว่าทางร้านกำลังมีปัญหา

“โทรหาพี่เน่ดูสิ” โอ่งแนะนำเพราะก่อนหน้านี้เจ้าของร้านออกไปจัดดอกไม้ให้โรงแรม กลัวจะเผลอหยิบช่อนั้นติดมือไปด้วย กระวนกระวายอยู่หน้าเคาน์เตอร์กลัวจะเสียลูกค้าคนสำคัญไป

“รบกวนคุณลูกค้านั่งรอสักครู่นะคะ พอดีมีเรื่องผิดพลาดนิดหน่อยค่ะ” ขิมบอกกับชายหนุ่มที่เดินดูดอกไม้ไม่ทุกข์ร้อนสักนิด

ใช่สิ...ช่อนั้นไม่ใช่ดอกไม้ของเขาสักหน่อยจะกังวลทำไมล่ะ

“ครับ” พยักหน้าแล้วเดินไปอีกฝั่งที่มีดอกไม้ประดับอยู่เช่นเดียวกัน เขาไล่อ่านชื่อดอกไม้และความหมายอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไม่เคยเห็นร้านไหนเขียนชื่อเอาไว้พร้อมระบุความหมายเลย

ดอกทานตะวัน...เป็นดอกที่จะบานหรือหันไปตามแสงตะวัน สื่อความหมายถึงความเชื่อมั่น รักเดียวใจเดียว ความรักที่มั่นคงเสมอ...คงเหมือนกับดอกเยอบีร่าสินะ

“คุณลูกค้าคะ พอดีช่อดอกไม้ของคุณติดไปกับพนักงานที่ไปจัดดอกไม้ข้างนอก ถ้ายังไงพอจะรอได้ไหมคะเดี๋ยวฉันจะรีบจัดให้ใหม่ ไม่เกินสามสิบนาทีค่ะ” วางสายจากเจ้าของร้านแล้วมีสีหน้าไม่สู้ดี สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจในการไปคุยกับลูกค้า

เธอกล่าวอย่างอ่อนน้อมและใช้คำสุภาพ ทั้งยังทำตามที่คนปลายสายแนะนำเพื่อขอความเห็นใจจากเขา

“ครับ” ร่างหนาไม่ค่อยชอบใจกับความไม่เป็นมืออาชีพของทางร้าน คิดว่าคงต้องบอกมุกดาไม่ให้มาอุดหนุนอีก

แต่ภายนอกไม่ได้แสดงท่าทางอะไรนอกจากตอบรับเสียงเรียบ แล้วเดินไปนั่งรออยู่โซนลูกค้าที่มีโซฟาเล็กตั้งไว้ ดวงตาคมราวกับเหยี่ยวจ้องมองพนักงานชายหญิงอย่างไม่ขลาดสายตา

จนได้ยินเสียงกระดิ่งของรถขายไอศกรีมโบราณ เขาหันขวับไปตามเสียงแล้วรีบลุกจากโซฟาเพื่อเปิดประตูออกไปข้างนอก

“เดี๋ยวครับๆ ผมซื้อไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่หนึ่งแท่ง” ไม่ได้กินนานแล้วเพราะแทบไม่ผ่านบ้านของตนเลย จำได้ว่าตอนเด็กมักจะแย่งกับพี่สาวเพื่อซื้อรสนี้ตลอด บางครั้งก็ชนะบางครั้งก็แพ้บ้าง เป็นรสยอดนิยมไม่ค่อยเหลือถึงตอนเย็นเท่าไหร่หรอก

“เหลือหนึ่งแท่งพอดี พ่อหนุ่มคนสุดท้ายเลย” หยิบออกมาจากถังแล้วยื่นให้คนตรงหน้า เขาจึงจ่ายเงินพร้อมยิ้มแก้มปริ รู้สึกเหมือนกำชัยชนะของคนทั้งโลกเอาไว้ได้

ก่อนหันไปตามเสียงกระดิ่งของร้านดอกไม้ที่มีคนเปิดประตูออกมาพอดี เห็นเด็กหญิงที่มัดผมจุกและสวมชุดกระโปรงสีหวานวิ่งตรงมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงสดใส

“คุณลุงขา หนูเอาเหมือนเดิมค่ะ” สงสัยคงคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะไม่พูดชื่อรสไอศกรีมที่ต้องการ แต่เหมือนคุณลุงจะรู้ว่าเด็กหญิงอยากได้รสอะไร

“เอ่อ คือ มันหมดแล้วลูก” มองไปที่ร่างสูงที่ยังไม่ทันได้กินไอศกรีมเพราะรอเงินทอน เขารับเหรียญสิบมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง พลางมองเด็กตัวน้อยที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

หน้าตาเหมือนคนที่เขารู้จัก...แต่เป็นใครล่ะ

“หมด หมดได้ไงคะ” ถามเสียงสั่นไม่คิดว่าตนจะไม่ได้กิน เพราะปกติคุณลุงมักจะเหลือไว้ให้เสมอ ศศิมณฑลจะได้กินไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่ของโปรดทุกวันอังคาร ศุกร์และอาทิตย์ แล้วทำไมวันนี้หมดก่อน

“น้าคนนี้ซื้อไปแล้ว” ชี้ไปยังคนที่ส่งยิ้มกว้างให้เด็กน้อย พร้อมเดินเข้าไปในร้านขายดอกไม้โดยไม่มีความเอื้อเฟื้อเอาให้เด็กที่มองตาปริบสักนิด เล่นเอาคนขายที่คิดว่าเขาจะยื่นไอศกรีมให้คนอายุน้อยกว่าถึงกับเหวอ

ไม่ต่างจากศศิมณฑลมากนัก เธอเองก็เริ่มเบ้ปากเกือบร้องไห้แล้วแต่ฮึบไว้ได้ก่อน แม่บอกว่าไม่ควรใช้น้ำตาเป็นข้ออ้างในการอยากได้สิ่งที่ต้องการ

แต่ แต่นั่นมันของที่ชอบนี่นา ถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตาเลย...

เข้ามาในร้านเพื่อรอดอกไม้ เขาตรงไปนั่งยังโซฟาสำหรับแขกแล้วกินไอศกรีมโบราณอย่างเอร็ดอร่อย พลางมองช่อดอกไม้ที่จัดใกล้จะเสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว ไม่รู้ที่มุกดาสั่งเป็นอย่างไรแต่ช่อนี้ก็สวยดี

“อ่า หวานเย็นชื่นใจ” พอเห็นประตูร้านถูกเปิดออกพร้อมเด็กน้อยที่หน้าตาหงิกงอก็พูดเพื่อแกล้ง ไม่รู้เป็นอะไรเขาถึงชอบแกล้งเด็ก ไม่ใช่แค่กับศศิมณฑลหรอกแต่ลูกเพื่อนหรือหลานที่รู้จักก็มักถูกแกล้งเสมอจนเขาได้ฉายาปีศาจ

“ใจร้าย” ย่ำเท้าเข้ามายืนตรงหน้าคนที่กินของหวานอย่างสบายใจ เขาผิวปากอย่างมีความสุขที่ได้แกล้งให้เด็กหญิงหน้าบึ้ง ดูแล้วน่าหมั่นเขี้ยวดี คิดว่าถ้าเราอายุเท่ากันเขาคงถูกอีกฝ่ายหยุมหัวไปแล้วล่ะ แววตาอาฆาตมาดร้ายมาก

“หือ ใคร ใครใจร้าย” แสร้งทำเหมือนไม่รู้ แต่ความจริงก็รู้อยู่เต็มอก

“คุณลุงใจร้าย หนูเป็นเด็กต้องได้กินสิ” ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขึ้นเมื่อถูกเรียกว่าลุง นี่หน้าตาเขาแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ

ออกจะหล่อเหมือนไอดอล บางคนยังไม่รู้เลยว่าปีนี้เขาจะอายุเข้าเลขสามแล้ว หน้าตาออกจะเหมือนวัยเพิ่งจบมหาวิทยาลัย

“ยุคนี้มันยุคความเท่าเทียม ความเท่าเทียมคือใครมาก่อนได้กินก่อนไม่สนเด็กผู้ใหญ่หรอก อยากกินมากก็มายืนรอตั้งแต่หกโมงเลยสิ” ต่อปากต่อคำไม่หยุด เหมือนเขาลืมไปว่าเด็กน้อยก็แค่อายุห้าขวบเท่านั้นเอง ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก

“ฮือออออ” กลายเป็นว่าศศิมณฑลร้องไห้ต่อหน้าเขา เล่นเอาร่างหนาถึงกับพูดไม่ออกหันซ้ายหันขวาเพื่อขอความช่วยเหลือ จะยื่นไอศกรีมให้ก็ไม่ทันเพราะกัดไปกว่าครึ่งแล้วใครจะอยากได้

“น้องยิหวา มาหาพี่ขิมดีกว่า มีขนมเยอะแยะเลยนะ” โอ่งส่งสายตาตำหนิให้ลูกค้าที่แกล้งเด็ก ไม่คิดว่าหน้าตาหล่อเหลาจะเป็นคนแบบนี้ เล่นเอาชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกจนต้องกินไอศกรีมให้หมดภายในคำเดียว

เออ...สบายใจขึ้นมาหน่อย

“หนูจะฟ้องแม่ หนูถูกรังแก” บอกเสียงดังฟังชัดแล้วเช็ดน้ำตา พยายามไม่ร้องไห้แล้วแต่ก็โกรธอยู่ดี

“คุณลูกค้าคะ ดอกไม้ได้แล้วค่ะ ทางร้านต้องขออภัยที่ให้รอนานนะคะ ช่อนี้จะลดราคาให้สิบเปอร์เซ็นค่ะ” พนักงานสาวบอกกับชายหนุ่มที่รีบลุกมาจ่ายเงิน ถ้าอยู่นานกว่านี้เขาคงโดนเด็กตัวเล็กมองจนตาถลนแน่

“ขอบคุณครับ รับบัตรไหม”

“รับค่ะ” ยื่นบัตรให้อย่างรวดเร็วเพราะตนไม่ได้พกเงินสด เหลือบมองศศิมณฑลที่จ้องเขาไม่วางตาด้วยแววตาวาววับ น้ำตายังเปื้อนแก้มอยู่เลยทำเอาเริ่มสงสารแล้ว

“ขอบคุณที่มาใช้บริการนะคะ มาได้อีกเรื่อยๆ เลยนะคะ”

“ครับ” รับดอกไม้แล้วรีบออกจากร้านทันที ชายหนุ่มไม่คิดว่าตนเองจะหาเรื่องเด็กที่เพิ่งเจอได้ แต่เห็นหน้าแล้วมันหมั่นเขี้ยวนี่นา อายุแค่นี้แต่มีแววสวย คาดว่าคงได้แม่มาเต็มๆ จนอยากเห็นหน้าแม่ของอีกฝ่าย

เอ๊ะ...หรือบางทีอาจจะได้พ่อมานะ

“ชิ้วๆๆ” พอเขาเดินออกจากร้านก็รีบไล่ทันที หน้าตาบูดบึ้งจนพนักงานที่สนิทกันต้องกอดลูกสาวตัวน้อยของเจ้านายเอาไว้

“น้องยิหวาไม่น่ารักเลย เดี๋ยวพี่ขิมฟ้องคุณแม่นะ” มีหรือที่ศศิมณฑลจะกลัว ถึงจะฟ้องแม่เธอก็มีข้ออ้างอยู่แล้วว่าตนถูกรังแกอย่างไม่ยุติธรรม

“เหอะ หนูไม่ชอบเขานี่นา” ว่าจบก็เดินขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อดูการ์ตูน ปล่อยพนักงานชายหญิงสองคนให้จัดการเรื่องที่ร้านต่อ ดีที่ช่อนี้เธอเป็นคนจัดให้ลูกค้าที่ชื่อมุกดาเองและมันไม่ได้ยาก ถ้าสั่งแบบแอดวานซ์เหมือนลูกค้าคนอื่นตนต้องตายแน่

ทิวากรขับรถตามหารถเข็นขายไอศกรีมเมื่อครู่จนเจอ ใบหน้าคมยิ้มกว้างแล้วตีไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทางก่อนจะรีบวิ่งมาหาคุณลุงที่ขายของเสร็จพอดีและกำลังไปที่อื่น

“เดี๋ยวครับลุง เดี๋ยวก่อน” เข้ามาทักกลัวว่าคุณลุงจะขับหนีอีก กว่าจะตามหาได้ไม่ใช่ง่ายเลย

“อ้าวพ่อหนุ่ม จะมาซื้ออะไรอีกล่ะ” จำชายหนุ่มได้ทันทีเพราะเพิ่งขายให้ไม่กี่นาทีก่อน แถมท่าทางยังรวยจนเตะตาอีก

“ผมว่าจะมาขอร้องลุงอย่างหนึ่งครับ” ยิ้มกว้างพร้อมแววตาที่ซุกซนเหมือนเด็ก

“ขอร้องเหรอ ขอร้องอะไร” คนอายุมากกว่าเริ่มสงสัย แต่พอได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็พยักหน้าแล้วหัวเราะเสียงดังทันที พร้อมรับปากว่าจะทำตามคำขอไม่มีเกี่ยงงอน

พอได้ยินเสียงรถไอศกรีมผ่านหน้าร้านหนูน้อยที่เลิกเรียนก็รีบวิ่งออกไปข้างนอก ใบหน้ายิ้มแย้มคิดว่าอย่างไรตนต้องได้กินของชอบแน่นอน

“เย้ๆๆ คุณลุงมาแล้ว วันนี้..” พูดยังไม่ทันจบไอศกรีมรสโปรดก็ถูกยื่นมาไว้ตรงหน้า

“มีเต็มเลยลูก วันนี้ลุงให้กินฟรีด้วย เอาไปสองแท่งเลย”

“จริงเหรอคะ! ขอบคุณค่า!” ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับมาถือเอาไว้ เด็กหญิงศศิมณฑลมีความสุขมากที่ได้กินไอศกรีมรสโปรด

โดยไม่รู้เลยว่าใครคือผู้สนับสนุนแสนใจดี...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel