โบนัส
โบนัส
ศศิมณฑลอาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวให้แห้งแล้วใส่ชุดนอนกระโปรงลายคิตตี้ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนสุดโปรด เดินมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่มารดาเตรียมเป่าผมให้อยู่แล้ว ช่วงเช้าคงไม่มีเวลาจึงมักให้ลูกสระผมตอนเย็น
“วันนี้พี่ขิมเล่าให้แม่ฟังว่าหนูไม่น่ารัก ไหนบอกแม่สิว่าไม่น่ารักยังไง” เด็กน้อยทำหน้าบึ้งทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เผยอปากอยากโต้กลับว่าตนไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากจึงเงียบอยู่อย่างนั้น
“หนู..หนูแค่บอกว่าคุณลุงใจร้าย” เม้มปากแน่นขณะพูด ไพล่ไปโทษคุณลุงหน้าเป็ดที่ทำให้ตนโดนแม่ดุ
“แล้วหนูสนิทกับเขาไหมคะ”
“ไม่ค่ะ” ส่ายหน้าช้าๆ คุณแม่สางผมลูกสาวอย่างเบามือแล้วเป่า เธอเหมือนเป็นช่างผมมือสมัครเล่นที่ต้องคอยทำผมให้เด็กน้อย แต่ก็เป็นความชอบอยู่แล้ว หากว่างจะดูวิดีโอทำผมหลากหลายทรง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ดูเพราะแทบไม่มีเวลาว่างเลย
“ไม่สนิทแล้วไปบอกแบบนั้นได้ยังไง”
“ก็คุณลุงแย่งไอติมหนู วันนี้หนูเลยไม่ได้กินสตรอว์เบอร์รี่” หน้าบึ้งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกแย่งของโปรดไป คิดแล้วยิ่งเจ็บใจเหลืออันสุดท้ายแล้วด้วย
“เขาแย่งหนูต่อหน้าเลยหรือเปล่า” เงียบเสียงเมื่อมารดาถาม ความจริงตอนนั้นคุณลุงก็เหมือนจะจ่ายเงินแล้ว...
แต่แล้วไงล่ะ เธออายุน้อยกว่าก็ควรเป็นของเด็กสิ
“ปะ เปล่า”
“แล้วคนที่หยิบไอติมชิ้นนั้นก่อนหรือใคร”
“แต่ว่าแม่คะหนูเป็นเด็ก” เหลียวมามองมารดาแล้วทำตาปริบเพื่อเรียกความเห็นใจ ทว่าวรรณวรินกลับอธิบายอย่างใจเย็น
“เป็นเด็กก็ไม่ใช่ว่าจะได้อภิสิทธิ์ทุกอย่าง คุณลุงหยิบก่อนหนูก็ไม่ควรไปพูดว่าเขาใจร้ายหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์แบบวันนี้โดยที่หนูได้ชิ้นสุดท้ายแล้วมีคนอายุน้อยกว่าหนูมาบอกว่ายิหวาใจร้าย หนูจะรู้สึกยังไงคะ”
ศศิมณฑลเงียบลงแล้วจำต้องตอบตามความจริง เหมือนถูกต้อนจนมุมอย่างไรก็ไม่รู้ ทำไมแม่ต้องเข้าข้างคนอื่นด้วย
“หนูหยิบก่อน...” น้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ออก แต่เธอพอจะได้ยินเมื่อปิดไดร์เป่าผม แล้วเริ่มสางผมที่ยาวถึงกลางหลังให้ลูกสาว การบำรุงที่ดีทำให้ผมของเด็กหญิงเงางามยามต้องแสงแดด
“นั่นแหละค่ะ ไม่สำคัญว่าอายุเท่าไหร่แต่สำคัญว่าใครหยิบก่อน หรือถ้าเขามีน้ำใจให้เราค่อยขอบคุณ” พอได้ยินคำว่ามีน้ำใจก็รีบพูดเสียงดังเหมือนเด็กช่างฟ้อง
“เขาไม่มีน้ำใจค่ะแม่ เขาไม่ยอมให้หนู” คนเป็นแม่เกือบถอนหายใจเมื่อลูกสาวไม่ได้ข้อคิดจากสิ่งที่หล่อนพูดก่อนหน้าเลย สงสัยจะแค้นชายคนนั้นจริง
“แล้วที่ไปไล่เขาชิ้วๆ ก็ไม่ควรนะคะ ไม่น่ารักเลย” มาพูดถึงอีกเรื่องที่ไม่สมควร เล่นเอาเด็กน้อยที่โดนหลายกระทงหน้าหงอย
“หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูขอโทษค่ะ” พี่ขิมทำไมต้องบอกแม่ทุกอย่างด้วยนะ แอบค่อนขอดพี่เลี้ยงจำเป็นในใจแล้วลุกจากเก้าอี้เมื่อแม่หวีผมให้เรียบร้อย
“คราวหลังไม่ทำอีกนะ” บอกเสียงหวานแต่ดวงตาก็จ้องมองนิ่งจนลูกสาวจำต้องพยักหน้า ขึ้นไปนั่งบนเตียงกว้างที่ปูผ้าสีชมพู นอกจากนั้นผ้าห่มยังเป็นลายคิตตี้ที่ลูกสาวชอบนักหนาอีกด้วย พวกเธอนอนด้วยกันแต่คราวหน้าคงต้องแยกเตียงแล้วล่ะ
เพราะลูกน้อยนอนดิ้นเหลือเกิน บางทีเท้าก็มาฟาดหน้าแม่จนตื่นกลางดึก
“แม่รักหนูไหมคะ” มองตาปริบจนเธอต้องรีบมากอดศศิมณฑลเอาไว้กลัวลูกจะน้อยใจ
“รักสิลูก แม่รักหนูมากๆ เลยต้องบอกว่าสิ่งไหนควรไม่ควร แม่ไม่อยากให้คนอื่นมองลูกของแม่ไม่ดี ยิหวาเข้าใจแม่ใช่ไหมคะ”
“เข้าใจค่ะ หนูจะไม่ทำแบบนั้นอีก หนูรักแม่นะ” กอดตอบท่านอย่างรักใคร่ มีกันแค่สองแม่ลูกจึงค่อนข้างผูกพันเป็นพิเศษ
“เก่งมากเลยคนดี ดึกแล้วหนูจะนอนเลยไหม”
“ค่ะ” พยักหน้าแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มพลางหลับตาพริ้ม ร่างบางยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วเดินไปปิดไฟ ค่อยหยิบรีโมทหรี่เสียงโทรทัศน์ ก่อนจะไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีกเช่นเคย เพิ่งเปิดร้านต้องขยันหาลูกค้าหน่อย