บทย่อ
"วรรณวริน" ไปงานเลี้ยงสละโสดของ "ทิวากร" น้องชายเพื่อนสนิทที่กำลังจะแต่งงาน แต่เธอกลับมีอะไรกับเขาในคืนนั้นเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดที่เผลอดื่มไม่รู้ตัวจากเพื่อนที่เล่นพิเรนทร์ของเขา ก่อนรู้ว่าตนท้องกับเขาตอนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกต่อไป ยอมเดินจากตั้งหกปีแล้วมาพบกันใหม่อีกครั้ง โดยที่เธอจำต้องแสดงละครตบตาแม่ของฝ่ายชายว่าเป็นคนรักจอมปลอม เรื่องมันชักจะยุ่งไปกันใหญ่เมื่อเธอต้องแสดงเป็นแฟนกับพ่อของลูก แล้วทั้งพ่อและลูกยังไม่ถูกกันอีก! "หนูไม่ชอบลุงหน้าเป็ด" "ให้มันน้อยหน่อย ใครลุง ฉันอายุน้อยกว่าแม่เธออีก เรียกอาสิ" "หนูไม่ชอบอาหน้าเป็ด" "โห เก่งเนาะ ประโยคเดิมแค่เปลี่ยนคำ ฉันก็ไม่ชอบเด็กปากกว้างเหมือนกัน" "ม่ายยย ฮือออ ปากหนูไม่กว้างนะ!" "กว้าง ปากกว้าง แบร่ๆ" "ไม่กว้าง!" "พอ! แยก! ห้ามใกล้กันเเกินสามเมตร ไปอยู่คนละมุม"
บทนำ
บทนำ
งานเลี้ยงสละโสดของเจ้าบ่าวถูกจัดขึ้นที่บ้านของเขา มีเพื่อนสนิทและกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมและมหาวิทยาลัยมาร่วมฉลอง เสียงเพลงเปิดดังสนั่นพร้อมแสงสีตระการตาที่ริมสระน้ำ สระสีครามเต็มไปด้วยตุ๊กตาลมและคนที่กำลังแหวกว่ายอย่างสนุกสนาน
ดวงตากลมเหม่อมองภาพตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ความจริงเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานนี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะกำลังจะจากเมืองหลวงเพื่อไปทำงานต่างจังหวัด เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตนซึ่งเป็นพี่สาวของว่าที่เจ้าบ่าวจึงได้ชวนมาสนุกด้วยกัน
ยิ่งดึกคนก็ยิ่งคึก แอลกอฮอล์และอาหารถูกเติมไม่ให้พร่องจากแม่บ้านที่รอบริการตลอดเวลา มองรอบบ้านหลังใหญ่ที่ตนไม่เคยย่างกรายเข้ามาสักครั้ง
นารากานต์ ฤกษ์เดชาคือเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย มีเรื่องอะไรเธอก็มักจะปรับทุกข์กับเพื่อนคนนี้เสมอ รู้ใจจนเหมือนพี่น้องทว่าไม่เคยกล้าเข้าหาครอบครัวของอีกฝ่ายเลย เพียงแค่เห็นแม่ของเพื่อนที่มองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาเย็นเยียบ ก็เหมือนโดนดูถูกไปถึงความไม่เหมาะสม
นึกสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้เรียนเก่งมากนัก ฐานะทางบ้านปานกลาง หน้าตาพอไปวัดไปวา ดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่
แต่ทำไมถึงเลือกคบเธอล่ะ...
“หนึ่ง..ฉันว่าจะกลับแล้วนะ” วางแก้วน้ำเมื่อเริ่มมึน เธอเองก็ดื่มไปหลายแก้วจากการคะยั้นคะยอของเพื่อนตัวดีที่วิ่งไปทั่วงาน ชนแก้วกับเพื่อนเจ้าบ่าวพลางหัวเราะร่วน มองก็รู้ว่าเมามากแล้ว
“ทำไมกลับเร็ว อีกแก้วก่อนสิ เดี๋ยวนะ อ่ะ แก้วนี้หมดให้กลับเลย” นารากานต์หันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาแก้วสีอำพัน ก่อนจะเห็นว่างหนึ่งแก้วจึงหยิบมายัดใส่มือของหล่อน เล่นเอาคนตัวบางต้องถอนหายใจอย่างระอา
“แกเมามากแล้วนะ”
“ฮือ ยังไม่เมาหรอก แต่ถ้าแกเมาไปนอนห้องฉันได้นะ ชั้นสองห้องทางซ้าย เดี๋ยวไปสนุกกับเพื่อนไอ้สองก่อน ตามสบายเลยๆ” ระหว่างที่บอกก็ยื่นแก้วให้พลางพยักหน้าไม่หยุด จนสุดท้ายเธอก็ต้องกรอกเหล้าเข้าปากอย่างเสียไม่ได้
หลับตาปี๋เมื่อมันขมบาดคอ ขณะที่นารากานต์ปรบมือด้วยความดีใจแล้วถูกผู้หญิงอายุน้อยกว่าเข้ามาชนแก้ว และชวนไปเต้นกันที่หน้าเวทีซึ่งถูกยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย
“ไอ้สองไปไหนวะ” เสียงดังแว่วข้างหู เธอไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะกำลังหยิบกระเป๋ามาสะพายเตรียมตัวกลับบ้าน
ทว่าอยู่ดีๆ ร่างกายก็อ่อนแรงจนต้องนั่งลงที่เดิม ลมหายใจร้อนผ่าวมากกว่าเดิมแถมเนื้อตัวยังเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังรู้สึกอึดอัดจนอยากปลดกระดุมเสื้อออกอีกต่างหาก
แต่ทำตรงนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่
“มันเมาเลยขึ้นไปนอนแล้ว ไอ้ห่า วิสกี้คนเดียวเกือบยี่สิบแก้วไม่น็อคให้มันรู้ไปสิ” เสียงคนอื่นไม่เข้าโสตประสาทเพราะตอนนี้หล่อนคล้ายจะไม่สบายตัวเท่าไหร่
“อึก ทำไม เป็นแบบนี้” แตะหน้าผากตัวเองกลับพบว่ามีแต่เหงื่อที่ไหลซึมออกจากไรผม ลมหายใจเริ่มติดขัดจนต้องรีบลุกจากเก้าอี้ หล่อนหวังจะใช้ห้องน้ำที่ห้องนอนเพื่อนอาบสักครู่เพื่อดับความร้อนรุ่มในกาย
เข้าจากทางด้านหลังแล้วมองบันไดขนาดใหญ่ที่ทอดไปบนชั้นสอง สวยจนตกตะลึงแต่ไม่ใช่เวลานี้ที่ร่างกายเริ่มร้อนมากกว่าเดิม ทัศนียภาพเริ่มพร่ามัวจนต้องรีบจับราวแล้วเดินขึ้นไปข้างบน จำคำพูดที่บอกว่าห้องอยู่ทางซ้ายได้ จึงเลือกเดินไปปีกซ้ายของบ้าน
ทว่ากลับต้องสับสนเมื่อเห็นว่ามีประตูสี่บาน เธอใช้เวลาสักครู่ก่อนเปิดเข้าไปบานแรกทางซ้าย เห็นห้องนอนสีขาวก็มั่นใจว่าเป็นห้องของนารากานต์ ไหนจะภาพที่อีกฝ่ายถ่ายกับน้องชายซึ่งวางไว้บนโต๊ะทีวีตรงข้ามเตียงนอน
หล่อนวางกระเป๋าเอาไว้ที่โซฟาปลายเตียงแล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ ลมหายใจเข้าออกเริ่มถี่ทั้งปลดเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าในห้องจะมีคนอยู่หรือเปล่า
“อือ เย็น” ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ เธอดับความร้อนรุ่มของร่างกายลงได้แต่มันก็ยังไม่หมดไป จนนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
อยู่ใต้ฝักบัวหลายนาทีโดยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ เธอไม่ได้ล็อคห้องเพราะมันไม่สามารถล็อคได้ แต่ก็คิดว่าถ้านารากานต์ขึ้นมาคงเรียกเองนั่นแหละ
“อ่ะ” เอวคอดถูกกอดจากทางด้านหลัง เท่านั้นไม่พอยังถูกสัมผัสทรวงอกอย่างหยาบหยามแล้วกำแน่นจนหล่อนหน้าเหยเก ถูกแตะต้องร่างกายอย่างไม่ได้ตั้งใจจนต้องเหลียวมองด้านหลัง ทั้งยังพยายามแกะมือสากออกแต่มันก็ยากเหลือเกิน
ใจสาวเต้นรัวอย่างตื่นเต้น ไม่ได้ถูกกอดรัดมานานเหลือเกินจนแทบหลงลืมความรู้สึกเหล่านี้ สมองสั่งให้ปฏิเสธแต่เหมือนร่างกายจะทำตรงข้าม ความร้อนรุ่มยิ่งเพิ่มขึ้นทั้งที่อยู่ใต้สายน้ำเย็น
“ของขวัญวันแต่งงานเหรอ..” พึมพำเสียงเบาแล้วซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่น แสงไฟในห้องน้ำเปิดสว่างจนรู้สึกแสบตา เขาจึงตื่นแล้วเข้ามาดูพบเรือนร่างแสนงดงาม
ความเศร้าเข้าครอบงำไหนจะฤทธิ์น้ำเมาจนถอดเสื้อผ้าของตนเองออกหมด แล้วค่อยเข้ามาประชิดตัวหล่อนจากทางด้านหลัง สูดดมกลิ่นหอมจนติดจมูก
“ไม่ ปล่อยนะ อ่า” เขากอบกุมทรวงอกนุ่มแล้วขยี้ปลายถันจนมันแข็งเป็นไต เสียงครางถูกปล่อยออกมาจากลำคอ หล่อนพยายามเม้มปากและห้ามเสียงไม่ให้เผลอไปกับสัมผัสเหล่านี้ ซึ่งมันยากเหลือเกิน
หัวใจทรยศสมอง ไม่สามารถควบคุมอะไรได้สักอย่าง และหล่อนก็อ่อนแรงจนเผลอพิงแผงอกหนาพลางหอบหายใจถี่ยามเขาประคองดอกบัวคู่งามทั้งสองข้าง
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เงินก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ” เม้มติ่งหูอย่างหมั่นเขี้ยว น้ำยังคงทำหน้าที่ของมัน ช่วยรดบนร่างกายของคนทั้งสองที่กำลังตกลงไปในหลุมแห่งความปรารถนา ริมฝีปากหยักจุมพิตที่ท้ายทอยขาว แล้วฝากรอยเอาไว้อย่างอาจหาญ
เท่านั้นยังไม่พอเขาลากลิ้นไปตามลาดไหล่สวยค่อยหมุนกายหล่อนให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง ความสว่างของไฟทำให้มองเห็นผู้หญิงตรงหน้า แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ภาพจึงไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ รับรู้เพียงหล่อนเป็นคนที่สวยพอสมควร
ไม่แปลกหรอก...ก็เป็นผู้หญิงขายบริการนี่นา
“อือ อ่ะ” ร่างสูงก้มลงชิมความหวานของทรวงอกหยุ่น เขาเลือกจะเมินริมฝีปากเรียวน่าสัมผัส เพราะมีกฎของตัวเองว่าถ้าไม่รักจะไม่ยอมจูบเด็ดขาด กับคนอื่นก็เช่นกันยกเว้นแฟนที่คบหาหรือภรรยาที่กำลังจะแต่งงานด้วยในอีกไม่กี่วัน
เขาคงเลวที่มีอะไรกับคนอื่นทั้งที่จะเข้าประตูวิวาห์ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อหัวใจดวงนี้มันแตกสลายจากการถูกหักหลัง ทั้งยังถูกบดจนป่นเป็นผง...
ความรักสามปีระหว่างเธอกับเขาเหมือนจะปิดฉากลงแล้ว ทั้งที่คนอื่นเข้าใจว่ามันกำลังจะก้าวข้ามความสัมพันธ์แบบแฟนไปเป็นสามีภรรยา
“ฉันทำแรงได้ไหม” เลื่อนลงมาที่เอวคอด จุมพิตยังหน้าท้องแบนราบขณะที่มือหนาเอื้อมไปลูบไล้แผ่นหลังเนียน ค่อยไล่ต่ำมาเรื่อยจนกอบกุมบั้นท้ายงามงอน บีบเคล้นอย่างหมั่นเขี้ยวค่อยลากลิ้นกลับไปที่ทรวงอกนุ่มอีกครั้ง
ร่างสูงติดใจยอดสีอ่อนที่แข็งท้าทายสายตา ไล่ดูดดึงอยู่อย่างนั้นจนร่างบางครางไม่เป็นศัพท์ แล้วไม่ได้ตอบคำถามของเขาเมื่อครู่
“ไม่” กว่าจะควานหาเสียงตัวเองเจอและใช้สติที่เหลือเพียงน้อยนิดตอบ หล่อนคิดว่าตนคงเผลอดื่มอะไรเข้าไปทำให้ร่างกายไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง มันแอ่นเข้าหาปากหยักยามที่เขาแตะต้อง และครางเสียงแหบพร่า
“หึ เธอคงไม่ยอมอะไรสักอย่างหรอก” ไม่เสียเวลาเล้าโลมเพราะอย่างไรหล่อนก็เป็นแค่คนขายบริการที่เพื่อนซื้อมาให้
ความเป็นชายจ่อเข้าที่ช่องทางอ่อนนุ่มของหญิงสาว มือหนาจับเอวคอดเอาไว้แล้วค่อยเข้าไปอย่างเชื่องช้าเพราะค่อนข้างคับแน่น เขาเอื้อมไปปิดน้ำที่ไหลไม่หยุดเพราะเริ่มรำคาญ ดันหล่อนชิดกำแพงพร้อมยกขาเรียวทางด้านขวาขึ้นเพื่อจะเข้าไปลึกกว่าเดิม
“อ่า นาย ลึก ลึกไป” ยันแผงอกหนาเอาไว้ เงยขึ้นมองใบหน้าคมที่อยู่ใกล้จนแทบจะเห็นรูขุมขน เขาหล่อมากจนเกือบเผลอยกมือขึ้นสัมผัสแต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
ความต้องการไม่อาจห้ามได้ไหว ยิ่งเขาเข้ามาลึกเท่าไหร่เธอก็ยิ่งครางเสียงดังเท่านั้น แต่มันก็จุกจนต้องบอกให้อีกฝ่ายหยุดก่อน รู้สึกเหมือนขนาดของเขาจะใหญ่จนแทบทะลุทะลวงเข้าไปข้างใน
“แบบนี้แหละ กำลังดี..ดี ดีชะมัด” เริ่มเคลื่อนไหวกายเร็วกว่าเดิม เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องห้องน้ำจนหญิงสาวที่ได้ฟังต้องหลับตาแน่น ไม่อยากเชื่อว่าตนกำลังทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายที่ไม่ใช่แฟน
แต่มันกลับ...รู้สึกดี
“อ่าๆ อ่ะ ฉันไม่ไหวแล้ว” ความร้อนรุ่มเมื่อครู่ถูกขจัดไปจนแทบหมด เธอขยับเข้าไปกอดเขาแล้วลูบไล้แผ่นหลังกว้าง ฝากรอยเล็บเอาไว้เป็นทางยาวเมื่อรู้สึกทานทนไม่ไหวกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเอง
“ทนอีกนิด ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” ปลอบแล้วยกขาหล่อนให้สูงขึ้น เพื่อที่จะสามารถเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม เพิ่มความแรงและเร็วจนหญิงสาวตัวโยกไปกับเขา หัวสั่นคลอนก่อนที่น้ำสีขุ่นจะไหลออกมาเปรอะเปื้อนความเป็นสาว
เขาถอนหายใจแล้วซบลงบนไหล่เนียน ขณะที่หล่อนเองก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก เหมือนเดินทางหลายสิบกิโลเมตร...มันเหนื่อยจนแทบจะยืนไม่ไหว
“ถ้าเธอไหว ไปต่อบนเตียงอีกทีดีกว่า” คนเมาที่เพื่อนปรามาสเอาไว้กลายร่างเป็นหนุ่มนักรักที่อุ้มร่างแบบบางด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาไปยังเตียงนุ่มเพื่อเริ่มกิจกรรมเมื่อครู่อีกครั้ง
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...
เพราะตื่นเช้าเป็นทุนเดิมทำให้ร่างกายเหมือนมีนาฬิกาประจำตัว เวลาตีห้าเธอก็ลืมตาที่หนักอึ้งแล้วมองเพดานไม่คุ้นเคย จากนั้นความทรงจำทั้งหมดจึงหลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองจนร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่ตนไม่อยากจำ
วรรณวริน อินทรวงษ์เบิกตากว้างค่อยหันมองคนที่นอนข้างกัน ภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันร้ายของตัวเอง
“ไม่จริงหรอกน่า” พึมพำเสียงเบายามที่มองชายหนุ่มผู้นอนหลับสนิทไม่ไหวติง หล่อนมองเขาให้ชัดแล้วพบว่าคนข้างกายคือทิวากร ฤกษ์เดชาไม่ผิดแน่
นี่เธอทำอะไรลงไป!
เผลอมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับน้องชายของเพื่อนสนิทไม่พอ อีกฝ่ายยังกำลังจะแต่งงานด้วย นี่มันบ้าไปแล้ว ใครก็ได้ช่วยปลุกเธอให้ตื่นจากความฝันที