โบนัส
โบนัส
พอเด็กหญิงเข้ามาในห้องเรียนและนั่งประจำที่ของตน เพื่อนก็กรูเข้ามาถามด้วยความสนใจแล้วหันมองข้างนอก เห็นว่าคุณคนหล่อยังคงมองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“นั่นพ่อของยิหวาเหรอ” น้ำเสียงสงสัยใคร่รู้ จนศศิมณฑลต้องไขความจริงให้กระจ่าง ไม่อยากให้เพื่อนเข้าใจผิด
“เปล่า อาของเราเอง”
“หูย หล่อมากเลย” เสียงชมดังระงม ไม่อยากเชื่อว่าคนที่แย่งไอศกรีมตนจะถูกชมโดยเพื่อนในห้อง และเหมือนทุกคนจะออกความเห็นเป็นเสียงเดียว ไม่แตกแถวเลยสักคน
“ใช่ๆๆ อาของยิหวาหล่อจัง”
“เราอยากแต่งงานกับอาของยิหวา” ทว่ามีคนแปลกสุดคือบอกว่าอยากแต่งงาน เล่นเอาเพื่อนในกลุ่มต่างขมวดคิ้วกันเป็นแถว
“แต่งงานคืออะไร” ยิหวาเองก็ไม่รู้ เธอไม่เคยถามแม่ถึงคำศัพท์นี้จึงนิ่งเงียบรอให้คนอื่นตอบ
“คือ.. คืออยู่ด้วยกันไง” ขนาดคนพูดยังเกือบอธิบายไม่ถูก แต่ก็ยังเอาตัวรอดได้และเหมือนเพื่อนคนอื่นจะพยักหน้าตามทำเหมือนเข้าใจ
“เราด้วยๆ เราแต่งงานด้วยได้ไหม เราจะได้อยู่กันหลายคน”
“ได้สิ” ตอบอย่างยินดี ทำให้คนอื่นก็เข้ามารุมล้อมแล้วยกมือขอร่วมด้วย ศศิมณฑลเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน แล้วเหลียวไปมองเพื่อนสนิทที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
เธอวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม เด็กๆ มารวมตัวกันและเล่นสนุกสนานแต่ก็ยังอยู่ในความดูแลของคุณครู
“ยิหวา วันนี้เราเอาตุ๊กตามาแบ่งด้วยนะ นี่ของยิหวา นี่ของเรา” ทอรุ้งเพื่อนสนิทที่เจอกันแล้วคุยถูกคอ แบ่งตุ๊กตาบาร์บี้ที่ขอแม่ซื้อสามตัว เพื่อให้เพื่อนในกลุ่มอีกสองคน
“ว๊าว ขอบคุณน้า” รับมาถือเอาไว้แล้วยิ้มกว้าง ลืมเรื่องของคุณอาหน้าเป็ดไปเสียสนิทเมื่อได้ของเล่นและเพื่อนเล่น...
ห้องทำงานของหนึ่งในกรรมการบริหารค่อนข้างยุ่ง หลังประชุมเรียบร้อยเขาก็ต้องมาอ่านเอกสารที่คั่งค้าง ระหว่างนั้นของที่สั่งก็มาส่งเรียบร้อยและวางไว้ในห้องทำงาน
ประตูบานใหญ่ถูกเคาะแล้วเปิดโดยไม่รอคำอนุญาต มีเพียงคนเดียวที่ทำแบบนี้ได้คือพี่สาวสุดที่รัก เข้ามาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ซึ่งคนเป็นน้องทำได้แค่ถอนหายใจ...
“เย็นนี้ไปไหน แม่ให้ฉันไปกินข้าวกับผู้ชายอีกแล้ว แกต้องไปเป็นเพื่อน” นั่งลงที่โซฟายาวแล้วทำหน้าอ้อนน้องชายที่ห่างกันสี่ปี มีเพียงทิวากรที่ช่วยหล่อนได้ ยิ่งตอนนี้แม่หนักข้อขึ้นทุกวันเพราะอยากให้ลูกสาวมีแฟนสักที
“เสียใจ มีนัดแล้ว” ปฏิเสธอย่างไม่คิด เล่นเอานารากานต์จ้องตาเป็นมันอยากรู้ว่าที่ไม่ว่างอีกฝ่ายไปไหน
“นัดอะไร...เอ๊ะ ทำไมห้องทำงานแกมีกระเป๋าคิตตี้ล่ะ” ของในกล่องที่เห็นทำให้ค่อนข้างตกใจ แล้วเป็นกระเป๋านักเรียนเสียด้วย
“เอาไปทำคะแนนน่ะ” อ่านเอกสารแล้วยกยิ้มมุมปาก นารากานต์เห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนจากนั่งโซฟาไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้าน้องชาย เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล
“คะแนนอะไร”
“พี่ต้องรู้ทุกเรื่องของผมเลยหรือไง” เงยหน้ามาตอบแล้วถอนหายใจเสียงดัง ให้รู้ว่าระอากับพี่สาวมากแค่ไหน ความอยากรู้อยากเห็นไม่มีใครเกินเลยจริงๆ
“ไอ้สอง...อย่าบอกนะว่าแกจะจีบเพื่อนฉัน!” ตะโกนเสียงดังไม่อยากเชื่อว่าน้องชายจะเอาจริง หล่อนเบิกตากว้างแล้วแทบจะข้ามโต๊ะไปเค้นคอถามคนที่ทำเหมือนสนใจกับงาน ทั้งที่ทำเพียงกวาดสายตาอ่านไม่ได้จับใจความ
นี่มันเล่นละครชัดๆ
“แล้วไม่ได้เหรอ” เลิกคิ้วอย่างถือดี เขาคิดว่าตนจะจีบใครคงไม่ต้องขออนุญาตพี่ก่อน...
“ไม่ได้! กับเนเน่แกห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด แกมันพวกชีกอเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น” ตอนนี้เธอทำตัวเป็นแม่เสือที่หวงลูกเสียแล้ว และมันช่างน่าขันเสียจริงเพราะเขาไม่เกรงกลัวสักนิด มีอะไรให้น่ากลัวกันล่ะ พี่สาวแค่ขู่ไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาจริงสักหน่อย
“แต่คนนี้...ผมเอาจริง” ประกาศิตและแววตาจริงจังทำให้หล่อนไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะดูเหมือนว่าจะห้ามปรามอะไรไม่ได้แล้ว