โบนัส
โบนัส
ประตูห้องถูกเคาะสองถึงสามครั้งแล้วมันก็เปิดออกเมื่อพบว่าเจ้าของห้องไม่ได้ล็อค ชายหนุ่มกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงหลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยง เงยหน้าจากหน้าจอแล้วมองมารดาที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าราบเรียบ
ตอนเด็กแทบไม่เคยเห็นท่านในห้องนอนของตนด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมโตมาคุณภวิกาจึงขยันเข้าห้องลูกชายลูกสาวเสียเหลือเกิน
“สอง..นอนหรือยัง” ถามทั้งที่เห็นว่าลูกชายยังคงนั่งดูเอกสารผ่านทางออนไลน์สำหรับประชุมพรุ่งนี้ หน้าที่แบกไว้บนบ่าตั้งแต่เด็กจะปฏิเสธก็คงไม่ได้
ความจริงเขาก็เคยคิดอยากฉีกแนวไปเรียนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ตนไม่ค่อยถูกกับเลือดเท่าไหร่ พอจะไปด้านยาก็ไม่ชอบกลิ่นยาหรือการอยู่โรงพยาบาลอีก จึงตัดสินใจเลือกเรียนบริหารเพื่อสานต่อธุรกิจครอบครัว
ใครต่างก็บอกว่าเขามีไอคิวสูง ทุกคนคาดหวังมากเกินไปจนชายหนุ่มหลงระเริงไปกับคำเยินยอนั้น กระทั่งเกรดเฉลี่ยตกจากสี่จุดศูนย์เหลือสามจุดเก้า เหมือนโลกตรงหน้าเขาถล่มจนซึมไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาเป็นดั่งเดิมและทิวากรก็เลือกจะเป็นแค่คนธรรมดา ไม่อยากแบกความหวังของใครเอาไว้อีกแล้ว
จากนั้นผลการเรียนของชายหนุ่มไม่เคยได้สี่จุดศูนย์อีกเลย เพราะเขากลัวว่าถ้าวันหนึ่งมันไม่เหมือนเดิมจะเจ็บยิ่งกว่าเก่า
“นอนแล้วครับแม่” วางโทรศัพท์แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงแต่คุณภวิกาก็นั่งลงบนโซฟาปลายเตียงของลูกชาย
“ขอโทษที่มารบกวนแล้วกันจ้ะ”
“ขอโทษแต่แม่นั่งโซฟาแล้วนะ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” จำต้องลุกนั่งแล้วสบตาท่าน คุณผู้หญิงของบ้านฤกษ์เดชานั่งคิดครู่หนึ่งไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี
“ลูกมีแผนจะคบใครจริงจังหรือเปล่า” การถามความเห็นของลูกชายก็สำคัญ แต่เพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนให้รู้แล้วว่าลำพังสายตาของทิวากรคนเดียวคงไม่สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้
ไม่อย่างนั้นงานแต่งที่ควรเกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนมันคงไม่ล่ม
“ก่อนหน้านี้ไม่มี..” เว้นจังหวะแล้วหยุดนิ่งเมื่อคิดถึงหน้าใครบางคน
“แสดงว่าตอนนี้มีแล้ว..” ดวงตาของท่านแวววาว เริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องของลูกชายเสียแล้ว ทุกวันนี้เพื่อนในแวดวงสังคมต่างมีหลานให้อุ้มชู หรือไม่ลูกก็ออกเรือนไปจนหมด เหลือเพียงลูกของตนทั้งสองที่ยังโสดสนิท
ทั้งลูกชายยังมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการควงหญิงไม่เลือกหน้า จนทุกคนคิดว่าที่ทิวากรทำเช่นนี้เพราะไม่อาจลืมเจ้าสาวที่เกือบเข้าพิธีวิวาห์ ซึ่งตอนนี้หล่อนมีลูกสองคนกับชายชู้ผู้นั้น รักใคร่กลมเกลียวจนน่าหมั่นไส้
“อือ..ประมาณนั้นครับ” พยักหน้าแล้วอมยิ้ม เขาไม่ตอบอะไรมากกว่านั้นเพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้น
“เขาเป็นใครเหรอ”
“ใครสักคนที่ผมคิดว่าชอบ” ยกยิ้มมีความสุข ทั้งแววตากรุ่มกริ่มยามนึกหวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดอย่างไม่น่าเชื่อ
“คิดว่าชอบ..แล้วเรื่องฐานะ ความเหมาะสม และที่สำคัญเขาจริงใจกับลูกหรือเปล่า” เริ่มอยากรู้จนจ้องลูกชายตาไม่กระพริบ
“ผมยังไม่รู้เลยครับ เอาไว้มั่นใจก่อนแล้วจะให้คำตอบ”
“แต่แม่ว่ามีคนที่เหมาะสมและจริงใจกับลูกนะ น้องลดาลูกสาวของเพื่อนแม่ เขาเป็นคนน่ารักจริงใจ แม่เห็นน้องตั้งแต่เด็กเขาอยู่ในกรอบมาโดยตลอด แม่มั่นใจว่าถ้าเป็นลดาจะทำให้ลูกชายแม่มีความสุข” ยังคงเสนอผู้หญิงที่เห็นว่าเหมาะสมกับทิวากรราวกิ่งทองใบหยก ทว่าชายหนุ่มไม่มีใจเสน่หาต่อหญิงคนนั้นสักนิด
“ผมเข้าใจในความหวังดีของแม่ แต่เรื่องความรักผมขอเลือกเองดีกว่า หาว ง่วงแล้วล่ะครับ ฝากล็อคประตูด้วยนะ” คลุมโปงเป็นการปิดบทสนทนา เขายังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้ และคืนนี้ก็คุยกับบุคคลแปลกหน้ามากจนไม่อยากถูกซักไซ้จากบุพการีอีก
“เฮ้อ พอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลย” ถอนหายใจอย่างระอา สองพี่น้องเข้าขากันเหลือเกินที่คอยหลบหนีการดูตัว
แต่เอาเถอะ...อย่างไรท่านก็ต้องหาคนที่เหมาะสมให้ได้!