โบนัส
โบนัส
หลังออกมาจากร้านขายหนังสือกับลูกสาวของเจ้านาย ขิมก็มีท่าทีสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นหน้าคุ้นเหลือเกิน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้...
“น้องยิหวาคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นไหมคะ” เดินจูงมือกันไปยังชั้นอาหาร วันนี้เธอได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอกกับศศิมณฑล พอเด็กหญิงร้องขอให้พาไปร้านหนังสือจึงไม่ปฏิเสธ
“ก็ลุงใจร้ายที่แย่งไอติมหนูไงคะ” บอกพลางยิ้มกว้างขณะกอดหนังสือนิทานเอาไว้แน่น เหมือนจะมีความสุขเสียเหลือเกินที่ได้ครอบครองหนังสือเล่มนี้ เห็นยิ้มไม่หุบตั้งแต่ออกมาจากร้านหนังสือ แววตาใสซื่อสุกสกาว
“อ่ะ จริงด้วย! ทำไมจำเก่งจังเลย” เบิกตากว้างเมื่อทบทวนแล้วพบความจริงที่เขาคือหนุ่มสุดหล่อที่มาซื้อดอกไม้แทนหญิงสาวคนหนึ่ง
ใบหน้าที่แสนหล่อเหลาเธอไม่น่าลืมเลย แต่เพราะลูกค้าในร้านมีเยอะเกินไปทำให้จำไม่ค่อยได้ ยกเว้นคนที่มาอุดหนุนเป็นประจำ ซึ่งไม่ใช่ทิวากรแน่นอน หล่อนจึงหลงลืมเขาไปชั่วขณะ
แต่ไม่ใช่กับหนูน้อยอย่างศศิมณฑลเพราะจำเขาได้เรื่องถูกแย่งสตรอว์เบอร์รี่
“หนูจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ ทำให้แม่ดุหนูด้วย” ทำปากยื่นอย่างน่ารัก ขิมชอบเวลาได้เดินข้างคุณหนูตัวเล็กเพราะทำให้ตนกลายเป็นคนสวยไปด้วย เมื่อทุกคนคิดว่าหล่อนเป็นแม่ของเด็กหญิงที่แสนน่ารักคนนี้ ถึงความจริงจะไม่ใช่อย่างนั้นก็เถอะ
“แค้นฝังหุ่นเลยนะเรา แล้วอยากไปกินอะไรอีกคะ หรือจะกลับร้านเลยไหม” เกือบบ่ายแล้วยังไม่มีอะไรลงท้องเลย จึงหันมาถามลูกสาวเจ้านายที่นิ่งคิดไปสักพัก
“หนูอยากกินซูชิค่ะ” แค่คิดถึงอาหารก็ยิ้มกว้าง ขิมคิดครู่หนึ่งแล้วหยุดหน้าร้านอาหารที่มีรูปของภูเขาไฟประเทศญี่ปุ่น
“ได้ค่ะ เข้าฟูจิดีไหมราคาดูจับต้องได้” วรรณวรินให้เงินค่าอาหารและของที่ลูกสาวอยากได้ เธอจึงได้อานิสงค์ไปด้วย
“โอเคค่ะ”
เข้าไปนั่งในร้านอาหารแล้วเลือกโต๊ะด้านใน รอสักพักพนักงานก็เข้ามาถามเมนูที่ต้องการ จดทุกอย่างเรียบร้อยค่อยออกไปเตรียมอาหารพร้อมปล่อยสองน้าหลานอยู่ด้วยกัน เด็กหญิงศศิมณฑลดูจะมีความสุขกับหนังสือนิทาน มองภาพของเจ้าหญิงไม่หยุด
“แล้วเมื่อกี้มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” ยังถามไม่เลิกกับเรื่องที่ตนไปเห็นตอนสุดท้ายพอดี พร้อมแววตาชัยชนะของเด็กน้อย
“คุณลุงจะแย่งนิทานของหนู แต่ว่าหนูจับได้ก่อนค่ะ คิคิคิ” หัวเราะมีความสุขพร้อมแกว่งขาที่เท้าแตะไม่ถึงพื้น ยิ้มกว้างจนเห็นฟันสวยเรียงตัวกัน
“แย่งกันอีกแล้วเหรอคะ แต่คราวนี้น้องยิหวาชนะใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ หนูภูมิใจมาก” พยักหน้าทันทีแล้วยืดอกอย่างภาคภูมิ ท่าทางเหมือนคนเป็นแม่ไม่มีผิด แต่คิดว่าวรรณวรินคงไม่เล่นใหญ่ขนาดนี้
“พี่เชื่อค่ะ” ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ คนทั้งสองจึงร่วมกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย โดยมือน้อยกอดหนังสือเอาไว้ไม่ยอมวาง
เหมือนกับว่ามันคือชัยชนะที่แสนยิ่งใหญ่...